จริยธรรมสำนึก

กระแสข่าวการแต่งตั้งรัฐมนตรียามนี้ ดูเหมือนมีเรื่องมีราวให้ต้องถอนหายใจกันถี่มากเป็นพิเศษ ไม่ได้น้อยหน้ากับช่วงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเลย

Put the wrong man on the wrong job สะท้อนหน้าตาของ ครม.ที่กำลังใกล้คลอดได้อย่างชัดเจนที่สุด และที่เหลือเกินจริงๆ ก็คือ นอกเหนือจากจัดคนไม่เหมาะสมกับงานแล้ว ปรากฏว่ามีคนไม่สมควรจะถูกเสนอชื่อมาเป็นรัฐมนตรี ให้เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของ ครม.อีกต่างหาก

เรียกว่า ดูถูกประชาชนก็ไม่ผิดนะ ...เฮ้อ!!

จริยธรรมสำนึกที่พร่องของนักการเมืองบ้านเรา ทำให้มนุษย์ป้าอ่านเรื่องนี้แล้วอยากเอามาขยาย  ...เผื่อว่าต่อมสำนึกของ ฯพณฯ จะทำงานบ้างนะจ๊ะ

#อย่าให้คนชราหัวขาวโพลนต้องก้มหัวลงเพราะเรา #คุณธรรมกับความถูกต้อง

วันนี้ ภายในห้องพิพากษาไม่มีที่นั่งว่าง เปิดศาลเพื่อตัดสินคดี ผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนงานชาย อายุ 30 ปีเศษ ได้จับเด็กชายอายุ 6 ขวบไปเรียกค่าไถ่ สิ่งที่ผู้คนโล่งใจก็คือ เด็กน้อยไม่ได้รับภัยอันตรายใดๆ ถึงแม้ไม่ได้เกิดเหตุร้ายแรง แต่เขายังคงต้องถูกพิจารณาจากศาล เพื่อรับโทษตามกฎหมาย

เด็กน้อยที่ถูกคนงานจับไปนั้นเป็นลูกชายของเถ้าแก่ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ทำงานด้วยเป็นเวลา 8 เดือน แต่ไม่เคยได้รับเงินตอบแทนแม้แต่เงินหยวนเดียว ก่อนหน้านี้เขาได้ขอร้องเถ้าแก่จ่ายเงินให้มาหลายครั้ง แม้จะเป็นเพียงไม่กี่ร้อยหยวนก็ตาม เขาเป็นเพียงเสาหลักเดียวของครอบครัว คุณแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจหนัก ขาดยาไม่ได้แม้แต่วันเดียว ขณะที่ลูกๆ ก็ต้องไปโรงเรียน มีค่าใช้จ่าย ซ้ำร้ายน้องสาวของเขา เกิดผิดหวังในความรัก กลายเป็นคนเสียสติ ต้องเฝ้ารักษาอาการป่วย เขาทนไม่ได้ที่ต้องเห็นน้องสาววันๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเดินไปตามถนน

ทุกครั้งที่ขอเบิกเงินค่าแรง เถ้าแก่มักจะแสดงท่าทีสุดรำคาญ ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะพูดได้ไม่กี่คำ ก็ถูกเถ้าแก่เรียก รปภ.ไล่ออกจากสำนักงาน เมื่อเขาสุดจะทน จึงจับลูกชายของเถ้าแก่ไว้เรียกค่าไถ่ แต่เขาเกิดสำนึกได้ แม้จะสามารถหนีไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็เกรงเด็กน้อยอยู่ภายนอกคนเดียวจะเกิดอุบัติเหตุ กลัวว่าเด็กน้อยจะเกิดความหวาดกลัว จึงอุ้มเด็กไว้แนบอกตลอด พอตำรวจปรากฏตัว เด็กน้อยก็หลับสนิทในอ้อมอกเขา

เขาถูกศาลตัดสินจำคุก 5 ปี ผู้เข้าฟังทั้งหมดเสียใจแทนเขา เป็นเพราะความไม่รู้กฎหมาย มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องชดใช้ด้วยโทษหนักขนาดนี้ แล้วครอบครัวที่โอนเอนใกล้ล้มเต็มที จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ขณะที่ศาลกำลังจะกล่าวเลิกศาล ได้มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในกลุ่มคนที่เข้ารับฟังคำตัดสิน "ช้าก่อน ฉันมีอะไรจะพูด" ทุกคนต่างหันไปมองที่ต้นเสียงเป็นหญิงชราคนหนึ่ง มีคนจำเธอได้ เธอคือคุณย่าของเด็กน้อย เป็นคุณแม่ของเถ้าแก่

 ทันใดนั้น หญิงชราได้โค้งคำนับต่อคนงานผู้เป็นจำเลย 3 ครั้ง ทุกคนต่างพากันตะลึง รวมทั้งเถ้าแก่ที่อยู่ในคอกสำหรับโจทก์ เขาไม่เข้าใจว่าแม่ของเขากำลังคิดจะทำอะไร?

หญิงชราที่เส้นผมขาวโพลนเงยหน้าขึ้นน้ำตานองเต็มหน้า สักครู่เธอพูดอย่างช้าๆ ว่า

"คุณคะ คำนับที่หนึ่ง ฉันขอโทษแทนลูกชายฉัน เป็นเพราะฉันอบรมสั่งสอนไม่ดี ปล่อยให้เขาทำเรื่องที่ผิดต่อเธอ ผู้ที่สมควรถูกตัดสินลงโทษ ไม่ควรจะเป็นเธอเพียงผู้เดียว ต้องรวมถึงลูกชายของฉันด้วย เขานั่นแหละที่เป็นต้นเหตุก่อเกิดเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา"

"คำนับที่สอง ฉันขออภัยคนในครอบครัวของเธอ ลูกชายฉันไม่เพียงแต่กระทำผิดต่อเธอ ยังทำผิดต่อคนในครอบครัวของเธอด้วย ฉันผู้เป็นแม่ละอายใจจริงๆ"

และ "คำนับที่สาม ฉันขอบใจเธอที่ไม่ได้ทำร้ายหลานชายฉัน ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาเกิดรอยมลทิน เธอมีจิตใจที่ดีงาม คุณคะ คุณเทียบกับลูกชายฉันแล้ว เหนือกว่าเป็นร้อยเท่า"

เรื่องเล่าเรื่องนี้สรุปว่า .. ไม่ว่าคนเราจะเลือกเดินทางในชีวิตเช่นไร อันดับแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ คุณธรรม ละอายแก่ใจตนเอง ไม่ขัดต่อศีลธรรม อย่างน้อยก็ไม่ควรกระทำเรื่องให้ผู้เป็นแม่ต้องโศกเศร้าเสียใจ ละอายใจ ถึงกับต้องก้มขออภัยแทนตัวเราเอง.

"ป้าเอง"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปักตะไคร้..ไล่ฝน

เป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ..แชร์และโพสต์สนั่นกันเลยทีเดียว กับเพจของกรุงเทพมหานคร ที่ประกาศรับสมัคร "คนปักตะไคร้" อันเนื่องมาจากระยะนี้ฝนตกแทบทุกวัน และเป็นวงกว้าง ไม่เหลือรอดสักพื้นที่เดียว

ดูซีรีส์..ไม่ทำลายสุขภาพ

ติดงอมติดแงมกันเลยทีเดียว หากใครหลวมตัวเข้าไปดูบรรดาซีรีส์จากแดนกิมจิ หรือไม่ก็แดนมังกร บ้างบางคราวก็แวะไปแดนปลาดิบ เพราะอาตี๋อาหมวย โอปป้า ออนนี่ อาจุมม่า โอก้าซังทั้งหลาย มีเรื่องให้น่าติดตามลุ้นกันได้อย่างออกรสชาติ สนุกสนานอย่างต่อเนื่อง

เชียร์ให้สุดใจไปถึง..ชุดนักกีฬา

เห็นข่าววิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมายว่าด้วยชุดยูนิฟอร์มของนักกีฬาไทยที่จะไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงปารีส โดยยึดเอาชุดของประเทศมองโกเลียเป็นตัวเปรียบเทียบ ก็ให้รู้สึกเห็นใจดีไซเนอร์ไทยที่พยายามทำงานออกมาตอบโจทย์ เพื่อการใช้งานของนักกีฬาบ้านเรา

กีฬากับวัยเกษียณ

เทศกาลฟุตบอลยูโรปิดฉากไปเรียบร้อยกับความสมหวัง ความเสียใจ ปะปนกันไป สำหรับคนเชียร์บอล และอีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือ ความสะบักสะบอมของร่างกายสังขาร เพราะการดูกีฬาตอนเขาเตะกันสดๆ นั้น อารมณ์ความรู้สึกย่อมแตกต่างจากการไปนั่งดูคลิปย้อนหลังอยู่แล้ว

ประตูน้ำ..ไม่เหลือรอยอดีต

ห่างเหินจากย่านธุรกิจที่เรียกว่า "ประตูน้ำ" เกือบ 1 ทศวรรษ เมื่อวันก่อนกลับไปอีกที เพราะมีภารกิจความจำเป็นที่ต้องไปแวะเวียน ฉะนั้น เมื่อมีโอกาสไปเยือนถิ่นเก่าแต่ดั้งเดิม ก็ต้องตามหา "ของอร่อย" ที่ขึ้นชื่อแถวนั้นสักหน่อย

สังคมอุดมด้วยมิจฯ

ขยันจริงขยันจัง ถ้าให้คะแนนได้ก็คงให้คะแนนเต็ม100 ไม่มีหัก!! ไปเลยสำหรับบรรดา "มิจฉาชีพ" แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหลาย