'You can’t make this _hit up!!!'

Mark Twain เคยพูดว่า “Truth is stranger than fiction, but it is because fiction is obliged to stick to possibilities; Truth isn’t.”

ถ้าแปลแบบภาษาฟุดฟิดฟอไฟ เหตุการณ์ในโลกแห่งความจริงไม่สามารถมาแต่งในนวนิยายได้ เพราะถึงแม้เรื่องในนวนิยายเป็นแฟนตาซีจัด คนชม ถ้าแต่งเรื่องแปลกแนวเกินจะไม่มีความเชื่อว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ คนชม/อ่าน/ฟัง จะรู้สึกว่า คนแต่งดูถูกสติปัญญาของผู้บริโภค แต่เหตุการณ์หลายอย่างในโลกจริง เกิดขึ้นจริง แต่ไม่สามารถเกิดขึ้นในโลกนวนิยายได้ครับ เพราะในโลกนวนิยายต้องอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือ…บ้าง

สำหรับสถานการณ์ คุณทักษิณกลับมา เรื่องราวการเลือกนายกรัฐมนตรี เรื่องราวการเมือง การสลายขั้ว การสวนมติพรรค (เพราะความหิวของตัวเอง) ผมถามจริงๆ เถอะ ถ้าเรื่องราวเหล่านี้ปรากฏในหนัง (ไม่ว่าจะหนังอินเดีย หรือละครไทยก็ตาม) ทุกท่านก็คงเหมือนผมคือ ดูไปบ่นไป และด่าผู้ผลิตหนัง/ละครเรื่องนั้นๆ เพราะจะคิดว่าเรื่องราวที่ปรากฏในจอไม่มีทางเกิดขึ้นในโลกความจริงหรอก ใครจะไปเชื่อ?!?!?!

แต่ความจริงน้ำเน่ากว่าเรื่องนิยาย!!! ผมรับรองว่าไม่มีนักเขียน หรือผู้แต่งสคริปต์คนไหนกล้าคิดเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเราช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าทำเป็นหนังขึ้นมาไม่มีใครดูหรอก และไม่มีใครกล้าสร้าง เพราะคนดูจะรู้สึกว่าคนสร้างดูถูกสติปัญญา แล้วคนสร้างกลัวว่ามันน้ำเน่าเกิน

มีคำพูดหนึ่งที่ผมมักใช้เวลาเจอสถานการณ์เหลือเชื่อจริงๆ ไม่ต้องหยิบยกคำพูดของ Mark Twain ซึ่งอาจดูยืดยาว แล้วไม่ทันสมัย เมื่อเจอสถานการณ์ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมักจะพูดเองว่า “You can’t make this _hit up!” ขออภัยที่ใช้คำหยาบ แต่มันสรุปเหตุการณ์ได้ดีที่สุดครับ

อย่าว่าแต่ในประเทศไทยอย่างเดียว ในช่วงกลางสัปดาห์มีข่าวเรื่องเครื่องบินที่นาย Yevgeny Prigozhin นั่งระหว่างเดินทางภายในประเทศรัสเซียตก ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนเสียชีวิต เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตกอยู่ในกรณีความจริงเหลือเชื่อกว่าโลกนวนิยาย

สำหรับใครที่ติดตามข่าวคราวเมื่อ 2-3 เดือนที่แล้ว คงจะจำได้ว่ามีข่าวกลุ่มกองกำลัง Wagner เกือบจะปฏิวัติและโค่นล้มประธานาธิบดี Vladimir Putin แต่ในที่สุดไม่สำเร็จ และ Prigozhin ไม่ติดคุก ไม่ถูกประหารชีวิต แต่ต้องพ้นจากตำแหน่งผู้นำ Wagner และต้องไปเก็บตัวอยู่ที่ Belarus (หรือที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ประเทศรัสเซีย) แต่ดูแล้วว่าเขาไม่ได้ทำตามข้อตกลง และยังใช้ชีวิตปกติในประเทศรัสเซีย พอพูดถึงเรื่องความจริงเหลือเชื่อกว่านิยายนั้น ต้องดูประวัติความสัมพันธ์ Prigozhin กับ Putin แล้วมันจะเข้าข่าย “You can’t make this _hit up!”

ในช่วง 1990s หลัง Prigozhin ออกจากคุก 9 ปี ตามข้อกล่าวหาหลอกลวงและปล้นทรัพย์ เขาไปเปิดธุรกิจ Catering

ถ้าย้อนเวลากลับไป ประเทศรัสเซียในยุคนั้นเป็นยุคริเริ่มประเทศใหม่ เปลี่ยนจากสหภาพโซเวียตที่เป็นระบอบคอมมิวนิสต์เต็มตัวมาเป็นประเทศรัสเซีย ที่หันมาบริหารประเทศตามทุนนิยมและเสรีภาพมากขึ้น เป็นยุคที่คนรัสเซียต้องปรับตัวกับแนวทางบริหารใหม่ และแนวทางชีวิตใหม่ด้วย

ดังนั้นทุกอย่างที่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร หรืออะไรก็แล้วแต่ ทุกสิ่งอย่างที่หน่วยงานรัฐเคยดูแล เปิดให้เอกชนดูแลแทน ซึ่งเป็นช่วงที่เละ เป็นช่วงตะลุมบอน ช่วงนั้นประเทศรัสเซียเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ที่มีคนแย่งกันอยากเป็นเจ้าของ แต่บริหารไม่เป็น เพราะก่อนหน้านั้น หน่วยงานรัฐดูแลทุกอย่าง ร้านค้าหรือร้านอาหารจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ ไม่มีใครสนใจอะไร เพราะใบอนุญาตร้านอาหารหรือร้านค้านั้น หน่วยงานรัฐเป็นผู้อนุมัติ และไม่มีคู่แข่ง ดังนั้นในยุคโซเวียต คุณภาพสินค้าหรืออาหารตามร้านไม่ได้เป็นสิ่งชี้วัดว่าร้านนั้นดีหรือไม่ดี หรืออยู่ได้หรือไม่ได้ ผลไม่ได้อยู่ที่กำไร การอยู่รอดของร้านนั้นๆ อยู่ที่ความสัมพันธ์ที่มีกับหน่วยงานรัฐมากกว่า

พอเปลี่ยนจากโซเวียตมาเป็นรัสเซีย เกิดการแข่งขันขึ้นทันที การเอาตัวรอดของร้านค้าขึ้นอยู่กับคุณภาพมากกว่าเมื่อก่อน เลยมีผู้ประกอบการผุดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ด เพราะทุกคนอยากเป็นเจ้าของอนาคตของตนเอง ทุกคนอยากกำหนดอนาคตของตนกับครอบครัวเสียที เพราะในยุคของโซเวียตมีคนอื่นกำหนดทิศทางชีวิตเขาตลอดเวลา

ครั้งเดียวที่ผมได้ไปรัสเซีย ผมไปในช่วงนั้นพอดีครับ (ร่วมเดินทางกับคุณเปลว สีเงิน ด้วย) ผมจำไม่ได้ว่าเราไปกันในช่วงก่อนหรือหลังเปลี่ยนระบอบประเทศเรียบร้อย จำไม่ได้ว่าเราไปช่วงก่อนหรือหลัง Boris Yeltsin ยืนอยู่บนรถถังหรือไม่ แต่ผมจำได้อย่างเดียวว่าเป็นช่วงกำลังเปลี่ยนแปลงแน่ๆ ดังนั้นจะเห็นวิถีชีวิตเดิมๆ ที่คนต่อแถวเพื่อซื้อขนมปัง ซื้อของใช้ในบ้าน บวกกับร้านอาหารที่ผุดขึ้นมาใหม่ ที่การบริหารและรสชาติไม่ได้เรื่อง

ผมยังจำได้ว่าตอนนั่งเครื่องระหว่างมอสโกไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนั้น คุณพ่อผมนั่งติดกับคนรัสเซียคนหนึ่ง ระหว่างบินคุณพ่อผมเอาหมากฝรั่งมาเคี้ยว (ยี่ห้อ Chiclets สีเขียว) ซึ่งจะมาเป็นชิ้นๆ ทรงสี่เหลี่ยม คุณพ่อเอาชิ้นสองชิ้นมาเคี้ยว แล้วสังเกตว่าผู้ชายนั่งข้างๆ มองหมากฝรั่งที่คุณพ่อถืออยู่ คุณพ่อเลยยื่นหมากฝรั่งให้ผู้ชายคนนั้นในทำนองว่า “เอาไหม?”

ผู้ชายคนนั้นตื่นตาตกใจ ขอคุณพ่อ 4 เม็ด เพื่อเคี้ยว 1 เม็ดตอนนั้น และเก็บอีก 3 เม็ดให้กับลูก 2 คน และภรรยาที่บ้าน คุณพ่อบอกให้เขาเอาไปทั้งกล่อง แต่เขาไม่ยอม เพราะเขาบอกว่าแค่นี้เขาพอใจแล้ว (ตามภาษาอังกฤษของเขาที่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรนัก) เขาสื่อให้คุณพ่อเข้าใจว่า แค่คนละชิ้น ครอบครัวเขามีความสุข เขาสองคนเลย Shake Hands กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณพ่อมักหยิบยกมากล่าวในคอลัมน์ของเขาและตามเวทีต่างๆ เวลาไปบรรยาย

นี่แหละครับคือยุคและโลกที่ Prigozhin ริเริ่มสร้างตัว เอาไว้สัปดาห์หน้า ผมจะเขียนต่อเรื่องของเขาและกลุ่ม Wagner ครับ เพราะเป็นเรื่องความจริงที่เหลือเชื่อกว่านวนิยาย และวันนี้ผมนอกเรื่องไกลไปหน่อยครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กินฮอตดอกไหมครับ?

กินฮอตดอกไหมครับ? ขอแจ้งครับ ถ้าแฟนคอลัมน์ท่านใดอยากอ่านบทความที่มีเนื้อหาสาระ ที่มีประเด็น ที่สมศักดิ์ศรี มาตรฐานหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์นั้น

รื้อฟื้นความทรงจำเรื่อง Wikileaks

ในที่สุด หลังใช้เวลา 14 ปีในการติดคุกในอังกฤษบ้าง ลี้ภัยในสถานทูตเอกวาดอร์บ้าง นาย Julian Assange ได้เดินทางกลับบ้าน (ออสเตรเลีย) ในฐานะ Free Man ครับ

ที่มาของ Presidential Debates

ในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ถือว่าเป็นการริเริ่มฤดูกาลหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสหรัฐอเมริกาครับ เพราะในวันนั้นจะเป็นการ Debate

Thank you, Jerry West….the Logo

อีกไม่กี่วันข้างหน้า โลก (ในไทย) น่าจะหยุดหมุนชั่วคราว เรื่องชี้ชะตาอนาคตอดีตนายกฯ นายกฯ ปัจจุบัน และพรรคที่น่าจะมีว่าที่นายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

Donald Trump ยังเป็นผู้สมัครได้ไหม?

เมื่อสัปดาห์ก่อน ข่าวที่โด่งดังทั่วโลกไม่ใช่ข่าวน้องไนซ์เชื่อมจิตนะครับ ถึงแม้สังคมไทยจะติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจังก็ตาม ผมเชื่อว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะมีเรื่องอื่นเข้ามาแทน

ทำไม Pride Month ต้องมีทุกมิถุนายน?

ขออนุญาตสวมหมวกคนขี้บ่นนิดหนึ่งครับ ในฐานะบ้านอยู่เมืองทองธานี เวลาบอกใครว่าอยู่เมืองทองฯ ส่วนใหญ่เขาจะพูดว่า “โห…ไกลจัง!!”