รัฐบาล ‘สลายขั้ว” กับ นโยบายเศรษฐกิจลูกผสม

พอรัฐบาลเพื่อไทยเข้ารับหน้าที่ คำถามใหญ่ที่ตามมาก็คือการเป็นรัฐบาลผสมมากมายหลายพรรคนั้น ท้ายที่สุดจะสามารถเอานโยบายที่หาเสียงเอาไว้กับประชาชนมาทำให้เกิดขึ้นในภาคปฏิบัติหรือไม่

ยิ่งเมื่องบประมาณมีจำกัด และทุกพรรคที่มาร่วมรัฐบาลล้วนต้องการใช้เงินเพื่อเอานโยบายของตนมาทำให้เกิดเป็นความจริงในทางปฏิบัติเพื่อเอาใจฐานเสียงก็ตัวเอง ก็ยิ่งจะทำให้การบริหารนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคพอสมควร

ย้อนไปดูแนวทางของพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล (ซึ่งต้องกระเด็นไปเป็นฝ่ายค้าน) ว่าด้วยเรื่อง “แบ่งเค้ก” มีมุมมองต่างกันที่น่าสนใจ

คุณเผ่าภูมิ โรจนสกุล, หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของเพื่อไทย, เคยบอกว่า

ในขณะที่ศิริกัญญา ตันสกุล, หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของก้าวไกล, มองว่าหากเทียบประเทศไทยเป็นเค้ก อันที่จริงเค้กนั้นมีเพียงพอให้สำหรับคนทุกคน แต่ปัญหาคือคนที่แบ่งเค้กนั้นแบ่งเค้กอย่างไม่เท่าเทียมเหมาะสม

แต่คุณเผ่าภูมิมองว่า หากประเทศไทยเป็นเค้ก เราสามารถทำเค้กชิ้นนี้ให้ใหญ่ขึ้นและเพียงพอต่อทุกคน

จึงต้องติดตามว่าพรรคเพื่อไทยจะทำให้ “เค้ก” ใหญ่ขึ้นได้อย่างไรท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่ประดังกันมาหลายด้าน

มีทั้งวิกฤตเฉพาะหน้า และคำมั่นสัญญาว่าจะปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สมกับที่เคยประกาศว่าจะมาสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง

วันนี้ เมื่อเพื่อไทยไม่ได้เสียง “แลนด์สไลด์” จะต้องยอมกลืนน้ำลายว่าไม่สามารถจะดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้างหรือไม่

เป็นอีกประเด็นที่ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด

แต่ที่แน่ ๆ คือก่อนจะมีการโหวตให้คุณเศรษฐา ทวีสินเป็นนายกฯในรัฐสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น พรรคเพื่อไทยโหมออกข่าวตอกย้ำถึงนโยบายหลัก ๆ ทั้งชุดสู่สาธารณชนอีกรอบ

เหมือนจะใช้นโยบายทั้งชุดมากลบกระแสทางลบอันเกิดจากการตั้ง “รัฐบาลสลายขั้ว”

ดังนั้น เราจึงเห็นข้อความผ่านโซเชียลมีเดียของพรรคเพื่อไทยที่ตอกย้ำนโยบายต่าง ๆ ของตนเช่น

เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เร่งสร้างรายได้ สร้างโอกาส เพื่อปากท้องพี่น้องประชาชน

พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ตระหนักถึงปัญหาและความท้าทายที่ประเทศกำลังเผชิญ

อาทิ ปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ค่าครองชีพของพี่น้องสูงขึ้น ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ตอนนี้สูงถึง 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.6% ของ GDP การลงทุนต่างชาติที่ยังชะลอตัว

และภาวะ “แก่ก่อนรวย” จากการที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่เงินออมไม่เพียงพอ

ปัญหาเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้พี่น้องประชาชนรายได้ไม่พอ ไม่สามารถแก้ภาวะหนี้สินได้ และมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงเรื่อย ๆ

ด้วยเหตุนี้ นอกจากมาตรการเร่งด่วนทั้ง Digital Wallet การพักหนี้ การลดค่าน้ำมัน ค่าไฟแล้ว

เราจึงมีแนวทาง “สร้างรายได้” สู่พี่น้องประชาชนและประเทศ และ “สร้างโอกาส” เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนสามารถตั้งตัวทำมาหากิน แก้หนี้สิน และหลุดพ้นจากวิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งนี้ได้สำเร็จ

- “สร้างรายได้” เพื่อสร้างเศรษฐกิจ

- “เปิดประตูการท่องเที่ยว” โกยรายได้เข้าประเทศ เราจะแก้ระเบียบเพื่อลดความยุ่งยากของนักท่องเที่ยวในการเข้าประเทศ ลดขั้นตอนวีซ่าให้เข้าประเทศได้สะดวกขึ้นตามความเหมาะสม สร้างการรับรู้และความประทับใจเกี่ยวกับไทยต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วโลก

โดยหวังว่า การท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นจะนำมาสู่การกระจายรายได้ทุกพื้นที่ ตั้งแต่พี่น้องเกษตรจนถึงคนทำงานในโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร กิจการขนส่งต่างๆ ทั่วไทย

- “เปิดประตูการค้า” ส่งเสริมการค้าขาย ดึงการการลงทุนจากทั่วโลก เราจะเร่งเจรจา FTA ฉบับใหม่ และเร่งรัดสรุป FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจา

พร้อมใช้การทูตเปิดตลาดใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียกลาง อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง ทั้งหมดนี้ จะสร้างรายได้ใหม่ผ่านการค้าขายและการลงทุนใหม่จากทั่วโลก

- “เพิ่มรายได้เกษตร 3 เท่า ใน 4 ปี” ด้วยหลัก “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้”

เราจะสร้างทางเลือกในการเพาะปลูก เปิดตลาดใหม่ในการส่งออก สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อสร้างความแม่นยำในการเพาะปลูก เพิ่มจำนวนและคุณภาพของสินค้า และสร้างระบบประกันราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้า

เมื่อตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้น เราจะเร่งดำเนินการแผนรับมือเอลนีโญ ที่ส่งผลต่อปริมาณน้ำในการเพาะปลูก

พร้อมผลักดันการตรวจสภาพดิน การปรับเปลี่ยนพืช การเพิ่มทุนและที่ดิน การปรับกลยุทธ์ในการขายสินค้าเกษตร และการยกเลิกข้อบังคับที่เป็นอุปสรรค เป็นต้น

นอกจากการสนับสนุนพืชผลทางการเกษตรแล้ว เราจะสนับสนุนการทำปศุสัตว์อื่น เช่น การเลี้ยงโค

รวมถึงฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาด้านการประมง ผ่านการแก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เร่งเจรจาข้อตกลง IUU ใหม่ ปลดล็อกประมงพื้นบ้านขนาดเล็ก

▪️“สร้างโอกาส” ลดเหลื่อมล้ำ สร้างชีวิตใหม่

-  “ออกโฉนดที่ดิน 50 ล้านไร่” แก้ไขกฎหมาย พิสูจน์สิทธิ เพื่อให้ประชาชนได้โฉนดที่ดินอย่างถูกต้อง สร้างโอกาสใหม่ในการหารายได้ให้พี่น้องเกษตรกรอย่างยั่งยืน

-  ขยายการเข้าถึงและเพิ่มคุณภาพ “30 บาทรักษาทุกโรค” ให้สมบูรณ์และดียิ่งขึ้น เพื่อไทยจะผลักดันให้บัตรประชาชนใบเดียวสามารถใช้รักษาได้ทั่วไทย

สร้างระบบนัดคิวออนไลน์ เปิดให้ตรวจเลือดคลินิคใกล้บ้านเพื่อพบแพทย์ในวันถัดไป และสามารถรักษาและจ่ายยาออนไลน์ เพื่อลดภาระของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์

เรายังจะผลักดันการดูแลสุขภาพจิต รวมถึงการส่งเสริมให้มีสถานชีวาภิบาลสำหรับผู้ป่วยติดเตียง เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหลานสามารถกลับไปทำงานได้อย่างหมดห่วง

 

นอกจากนี้ เราจะมุ่งมั่นป้องกันโรคด้วย อาทิ การระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปีทุกคนและผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV 

- ผลักดัน “รัฐบาลดิจิทัล” เพื่อสร้าง “รัฐสนับสนุน” ที่มีประสิทธิภาพ ปฏิรูประบบราชการให้บริการประชาชน ขจัดอุปสรรคในการทำมาหากิน ผ่านแนวทางต่าง ๆ เช่น การสร้าง One Stop Service สำหรับการให้บริการภาครัฐ

การลดดุลพินิจเจ้าหน้าที่ผ่านการสร้างกฏเกณฑ์ชัดเจนโดยใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาเป็นตัวทำธุรกรรม อาทิ Smart Contract เพื่อลดโอกาสในการคอรัปชั่น และการกำหนดระยะเวลาในการอนุมัติให้แน่นอน

พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นเดินหน้าประชาธิปไตย ปักธงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดำเนินนโยบายเร่งด่วน นโยบาย “สร้างรายได้” และ “สร้างโอกาส” ฝ่าวิกฤตของประเทศ เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน

“ว่าที่นายกฯ” เศรษฐา ทวีสิน ประกาศเป็นแถลงการณ์ลงรายละเอียดเรื่องมาตรการที่รัฐบาลใหม่จะ “ทำทันที”

ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนักต่อเนื่องมาหลายปี พรรคเพื่อไทย จึงมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อเป็นรัฐบาลจะเดินหน้า ‘นโยบาย Digital wallet 10,000 บาท’ อย่างเร่งด่วน

เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน บรรเทาปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาหมุนเวียนอีกครั้ง  

1.คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นได้ จะได้เงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยตรงผ่าน ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ (Digital Wallet)  เพื่อจับจ่ายใช้สอยสินค้าที่จำเป็นในการดำรงชีวิต

 

  1. 2. Digital Wallet 10,000 บาท ที่ได้รับมาสามารถใช้จ่ายในรัศมี 4 กิโลเมตร แต่ปรับเปลี่ยนได้ตามลักษณะภูมิประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทุกคน
  2. สามารถใช้จ่ายได้ภายใน 6 เดือน ด้วยบัตรประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน ไม่สามารถเบิกถอนเป็นเงินสดได้ แต่หากไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันจะสามารถใช้จ่ายผ่านเลขบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมโค้ดส่วนตัว
  3. 4. Digital Wallet 10,000 บาทนี้จะถูกส่งตรงถึง ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ ของประชาชน ภายใต้ระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงไม่มีช่องว่างให้ใครฉวยโอกาสหาประโยชน์ระหว่างทาง ปิดโอกาสไม่ให้เกิดการหักหัวคิวในทุกขั้นตอน

 

นโยบาย Digital Wallet 10,000 บาท  ของพรรคเพื่อไทย มุ่งเดินหน้านโยบายเงินดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้วยแนวคิดที่ทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ด้วยทัศนคติเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศชาติ

แต่ไม่ได้บอกว่าเงินที่จะต้องใช้เฉพาะเรื่องนี้ประมาณ 560,000 ล้านบาทจะเอามาจากไหน

และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายจะยอมให้พรรคเพื่อไทยทุ่มงบประมาณเกือบทั้งหมดเพื่อทำนโยบายของเพื่อไทยเป็นหลักหรือไม่

เวลาแห่งการพิสูจน์กำลังมาถึงแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ