เมื่อเกิดปรากฎการณ์”กายแก้ว”โผล่ในกลางเมืองรัตนโกสินทร์ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2566 ที่ขั้นตอนขนส่งรูปปั้นขนาดมหึมาติดที่คอสะพานส่งผลให้รถติดที่ถนนรัชดาภิเษกเป็นแพยาวเหยียดและพิธีบวงสรวงเมื่อวันที่13สิงหาคม 2566รวมทั้งกราบไหว้ของคนศัทธาและกลุ่มคัดค้านแล้ว
เหตุการณ์เช่นนี้บ่งบอกว่าอันความเชื่อ-ของคนนั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคล หากไม่เดือดร้อนคนอื่น หรือทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แตะกันเมื่อใดก็ยุ่งเมื่อนั้น
ตามปกติแล้วแม้ความเชื่อแปลกๆก็มีอยู่ทั่วไปแต่หากจะปรากฎการณ์โผล่ขึ้นมาเป็นข่าวใหญ่-โด่งดังกลางเมืองเช่นการกราบไหว้บูชาราหู-ชูชก-เปรตกู้แห่งคำชะโนด-ตุ๊กตาลูกเทพ-ลัทธิประหลาดใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีชายอ้างตัวเป็นพระบิดา รักษาโรคโดยวิธีการไม่ถูกสุขลักษณะ-ฯลฯมักจะมีองค์ประกอบจากอาการของดางจรสองดวงคือ พระราหูจร(8)และพฤหัสบดีจร(5)ทำมุมกับดวงเมืองลงล้อคกัน
ก่อนอื่นมารู้จักอาการทางโหรของดาวสองดวงนี้ก่อน
1.พระราหู ทางโหรดวงเดิมใช้สัญลักษณ์คือ๘-หากเป็นดาวจรจะใช้8 ตำราเฉลิมไตรภพบอกว่า พระอิศวรชุบมาจากผีโขมดสิบสองหัว สีกายเป็นทองสัมฤทธิ์ มีวิมานสีนิล ทรงครุฑ เป็นพาหนะ มีกายใหญ่โตขนาดกลืนพระอาทิตย์และพระจันทร์ด้วย
ราหูเป็นตัวแทนของความมืด เปรียบได้กับอวิชชาบดบังที่มีอยู่ในตัวทุกคน ที่ทำให้เกิดโมหะจริต และอกุศลจิต มัวเมาไปตามอารณ์ต่างๆที่อาจส่งผลได้ทั้งบวก-ลบ (เช่นบางคนมัวเมาทำบุญ)แต่ทางโหรให้น้ำหนักด้านลบมากกว่าบวกคืออยู่ที่ไหนเบียดเบียนให้เดือดร้อนรำคาญที่นั่นเหมือนตัวด้วงมอดคอยกัดกร่อนชีวิต ในทางโหรจึงให้ความหมายสั้นเกี่ยวกับราหูคือ”ทายมัวเมาให้ทายราหู”และนิยมบูชาด้วยของดำ
2.พฤหัสบดี ทางโหรดวงเดิมใช้สัญลักษณ์คือ๕-หากเป็นดาวจรใช้5ตำราบอกพระอิศวรสร้างจากฤาษีสิบเก้าตน สีกายแก้วไพทูรย์ อยูวิมาณสีบุศราคำ มีกวางทองเป็นพาหนะ
ข้อแตกต่างชัดเจนคือ ขณะที่ราหูคือเจ้าของความลุ่มหลงมัวเมา พฤหัสบดี กลับหมายถึงปัญญาทางธรรม เป็นเรื่องของจิตที่ต้องการหมดสิ้นกิเลสทั้งปวงรวมทั้งความลุ่มหลงมัวเมาที่ราหูเป็นตัวแทนอยู่ นำไปสู่การหลุดพ้นจากวัฎฎะสงสาร หรือเป็นสิ่งที่หยั่งรู้ธรรมชาติของทุกสิ่ง หรือพูดง่ายๆคือพุทธจริตนั่นเอง จึงคนเรียนโหรท่องกันติดปากว่า…ทายปัญญาพิสุทธิ์ทายพฤหัสบดี…
จากอาการดาวสองดวงนี้ ในเมืองรัตนโกสินทร์ ก็เหมือนคนที่ย่อมมีทั้งความลุ่มหลงมัวเมา และพุทธจริตสู้-ยื้อกันเป็นระยะๆไปตลอดไม่มีหมดไป(ถ้าเป็นคนก็จนกว่าจะหลุดพ้นหรือสำเร็จอรหันต์)เพราะดาวทั้งสองดวงอยู่กับเมืองตลอด ช่วงใดที่ความลุ่มหลงมัวเมาเด่นปรากฎการณ์อย่างกายแก้วก็จะโผล่กลางเมือง ให้ฝ่ายพุทธจริตได้ออกมาติติงว่าไม่ใช่
ส่วนบรรดาลางบ่งบอกถึงปรากฎการณ์กายแก้วในดวงเมืองคือ
ก.ตั้งแต่วันที่30มีนาคม 2565มาแล้ว ที่พระราหูจร(8)จ้าของความลุ่มหลงมัวเมาทับลัคนา และพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมือง(๑)ซึ่งเป็นตัวแทนจิตใจคนไทยด้วย คนไทยส่วนหนึ่งจึงลุ่มหลงไปบูชาลัทธิแปลกๆ รอมาหนึ่งเกณฑ์
ข.อยู่ในระยะที่ในเมืองจะมีอาการ-เห็นผิดเป็นชอบ-คิดทำออกจากกรอบปกติทั่วไป เช่นแทนที่จะบูชาพระรัตนตรัยและยึดเป็นที่พึ่งก็บูชากายแก้วใหญ่โตมหึมาแทน มีการขายความคิดเซ่นไหว้น่าหวาดเสียวโดยการฆ่าสัตว์ถ้าทำจริงเป็นการละเมิดศีลห้าที่ห้ามฆ่าสัตว์ ฯลฯ ซึ่งรอโอกาสตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21เมษายน 2566ยาวไปถึง21เมษายน 2567 เป็นตัวซ้ำ
หลักคือระยะนี้ทักษาจรเมืองตกภูมิราหู มีคำพยากรณ์ตามตำราลิลิตทักษาพยากรณ์ ทรงนิพนธ์โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีว่ากลุ่มเหตุการณ์ใหญ่ที่จะเกิดในเมืองตามเกณฑ์นี้คือ…ราหูทิศพายัพ จิตคับแค้นวุ่นวาย บ่สบายพลัดมิตร เห็นผิดเป็นชอบ ศัตรูตอบทดแทน..
ค.ส่วนตัวแทนพุทธจริตคือพฤหัสบดีนั้นตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน2566 เป็นต้นมา-21เมษายน 2567กำลังทับลัคนาและพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมืองอยู่ด้วยเช่นกัน แต่โชคร้ายเป็นระยะที่พฤหัสบดีกำลังเป็นกาลกิณีจรจึงดูเหมือนจะช่วยไปเสริมอาการเห็นผิดเป็นชอบของพระราหูจรเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามพฤหัสบดีก็คือหัวหน้าเทวดาประจำตัวของเมืองแม้จะอยู่ในช่วงผันแปรไปแต่ เมื่อเข้าคู่กับพระอาทิตย์ดวงเดิม(๑)ถือเป็นคู่มิตรใหญ่ก็ยังพอจะช่วยดึงรั้งอวิชชาได้บ้าง
เราจึงได้เห็นผู้รู้ในเมืองหลายสายจากหลายแหล่งเช่นดร.ธงทอง จันทรางศุ-สภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยฯลฯได้ออกมาแสดงจุดยืน-ติง-รั้งให้พิจารณาการบูชาและเคลื่อนย้ายรูปปั้นกายแก้วออกไป
รอดูว่าเมื่อพฤหัสบดีกาลกิณีจรเริ่มเดินถอยหลังในราศีเมษประมาณวันที่29สิงหาคม 2566 เป็นต้นไปจะมีการทบทวนเรื่องนี้หรือไม่
สำคัญคือตั้งแต่วันที่18ตุลาคม2566 เป็นต้นไป เมื่อพระราหูจร(8)เริ่มย้ายราศีจากเมษ เข้าเดินมีนที่จะมีผลต่อคนทุกลัคนาราศี รวมทั้งเมืองที่ลัคนาสถิตเมษด้วยรูปบูชาใหญ่โตตั้งเด่นเป็นสง่าน้อมนำในทางลุ่มหลงมัวเมาน่าจะย้ายหรือทำให้ลับตาคน ด้วยราศีมีนที่พระราหูจรเข้าไปเดินเป็นภพวินาสน์-มุมอับ-ที่อับของดวงเมือง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเมืองก็เหมือนกับคนที่ยังไม่สำเร็จอรหันต์ จึงย่อมมีอวิชชา-ความลุ่มหลงมัวเมาอยู่ตลอด เพียงแต่จะระดับใดเท่านั้น แล้วรอจังหวะเมื่อใดจะเป็นข่าวใหญ่
สำหรับเราคนที่อยู่ในเมืองนั้นใครมีวาสนาก็จะมีพุทธจริต-ปัญญารู้อะไรควรกราบไหว้บูชา อะไรไม่ควร กลุ่มคนเหล่านี้จะมีพฤหัสบดีเด่นในดวงชะตา
ส่วนคนที่พระราหูเด่นถึงอย่างไรก็จะยังมีความลุ่มหลงมัวเมาอยู่เป็นระยะๆ
ที่เห็นมามีคนลุ่มหลงบูชาเจ้าลัทธิทุ่มเทเสียเงิน-เวลาของชีวิตไปโข ครั้นต่อมาค่อยๆตาสว่าง เกิดพุทธจริตในใจว่าไม่ใช่ กลับสู่ทางชีวิตปกติ -คนเช่นนี้พระราหูเด่นในชะตาจริง แต่ใส้ในหรือดวงนวางค์จักรพฤหัสบดีโดดเด่น-ข่มความลุ่มหลงมัวเมาลง จึงกลับมาได้ในที่สุด
คนเช่นนี้ติดยายังเลิกได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
4 กลุ่มชั่วน่ากลัวเป็นนักหนา กลุ่มที่ 5 ยิ่งน่าสยอง
ณ เวลานี้ หลายคนมองประเทศไทยด้วยความห่วงใยว่า ประเทศไทยของเราที่เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก ทั้งการลงทุน การทำมาค้าขาย การเข้ามาพำนักยามชรา และการมาท่องเที่ยว
ลิ้นงู...ที่อยู่ในปากงู!!!
ถึงแม้นจะพะงาบๆ อยู่ห่างๆ...ไม่มีโอกาสได้ลงลึก เจาะลึก ในรายละเอียด ด้วยเหตุเพราะสุขภาพ สังขาร ร่างกาย และอาจด้วยความห่างเหิน ห่างหาย กับใครต่อใครมานานแสนนาน
ตั้ง 'นายพัน' สีกากีเริ่ม
อะไรจะเร็วขนาดนั้น! โผแต่งตั้ง "ตำรวจ" ระดับ "นายพันสีกากี" เริ่มขยับนับหนึ่งกันแล้ว ทั้งๆ ที่ระดับ "นายพล" ล็อตแรก ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)
ลัคนาตุลกับเค้าโครงชีวิตปี2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีที่มีระยะแตกแยกพี่น้อง หรือเพื่อนสนิท หรือยุ่งยากมรดก-การเงิน
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม