"...ผมหวังว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีแต่ความหวัง ชาวไทยมีแต่ความหวัง ความรัก และความเคารพซึ่งกันและกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ฟังซึ่งกันและกัน ไม่ว่าเราจะเป็นใครก็ตาม
ในเมื่อเราเป็นคนไทย เพื่อนพี่น้องชาวไทยด้วยกัน เราก็น่าจะให้เกียรติซึ่งกันและกัน ฟังซึ่งกันและกัน และมีความรักซึ่งกันและกัน ใครผิดใจกันขอให้อโหสิกัน และหันเข้ามาหากัน..."
ความรู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจของ "ท่านอ้น-วัชรเรศร วิวัชรวงศ์" ก่อนเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
นี่ไม่ใช่การอ่านสคริปท์
เป็นการด้นสดจากการเฝ้ามองประเทศไทยมานาน
แต่ละคำล้วนมีความหมายเพื่อคนไทยทุกคน
ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร อยู่ขั้วการเมืองไหน ล้วนต้องการความรัก ความหวัง
"ท่านอ้น" รู้ดีว่าสถานการณ์ของประเทศไทยเป็นอย่างไร และต้องแก้ปัญหาอย่างไร
การให้เกียรติซึ่งกันและกัน รับฟังซึ่งกันและกัน สำคัญมากครับ เพราะผู้คนในสังคม เริ่มที่จะละเลยสิ่งเหล่านี้
สังคมคนยุคใหม่มักมองตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่น้อยลง
"โบว์-ณัฏฐา มหัทธนา" เธอตาดีครับ มองเห็นในสิ่งที่หลายๆคนไม่ทันสังเกต คือข้อความบนเสื้อยืดที่ "ท่านอ้น" สวมใส่ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนเดินทางออกจากประเทศไทย
เป็นเสื้อสีฟ้า เขียนว่า “Virtue & Ideals give hope”
คุณธรรม และ อุดมคติ ให้ความหวัง
เหมือนเป็นการฝากถึงคนไทยทุกคน ช่วยกันทำให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งความสุข เป็นดินแดนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
และมีความหวัง
แล้วจะสร้างความหวังกันอย่างไร
ตัดภาพมาที่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คงจะจบได้ในวันที่ ๒๒ สิงหาคม
เห็นด้วยกับ "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" ที่โพสต์ข้อความว่า
"...ใครจะเป็นรัฐบาล ทำไมเราต้องเคียดแค้น ชิงชัง ด่าด้วยคำหยาบ ผมว่าเราทำมาหากิน หาเงินไว้ซื้อมาม่ากินตอนดึกๆ ดีกว่าครับ
#รัฐบาลที่ดี คือ รัฐบาลที่ประชาชนรู้สึกว่า ยังมีรัฐบาลอยู่..."
จะชอบหรือไม่ชอบ มันต้องมีรัฐบาลครับ เพราะรัฐบาลเป็นกลไกเริ่มต้นของส่วนราชการ และภาคเอกชน ในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ประเทศขยับไปข้างหน้า
ต่อให้วันนี้ก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล "พิธา ลิ้่มเจริญรัตน์" ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องปล่อยให้เดินไปตามครรลอง
ให้ได้ทำหน้าที่รัฐบาล
แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ให้ความใส่ใจในการเป็นรัฐบาล น้อยกว่าการุกไล่สถาบันหลักของชาติ แทนที่จะมุ่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน กลับทำตัวเป็นนักปฏิวัติรื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า เมื่อนั้นประชาชนก็มีสิทธิออกมาขับไล่รัฐบาล
ต้องยอมรับความจริงว่าการเมืองวันนี้ ไม่มีพื้นฐานของความรัก คุณธรรม การเคารพซึ่งกันและกัน แต่ยืนอยู่บนวาทกรรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
จนหลายครั้งวาทกรรมกลายเป็นกับดัก พันธนาการคนสร้างวาทกรรมนั่นเอง
ย้อนวาทกรรม "ปิดสวิตซ์สว." กันอีกครั้งครับ
จะบอกว่านี่คือความหวังก็ว่าได้
หวังว่าส.ส.ที่ได้รับเลือกทั้งสภา ๕๐๐ คน จะช่วยกันปิดสวิตซ์สว. ด้วยการพร้อมใจกันโหวตนายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องพึ่งพาเสียงของสว.แม้แต่เสียงเดียว
เป็นความหวังของพรรคก้าวไกล ในวันที่ตัวเองเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
แม้กระทั้งความพยายามในการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๗๒ พรรคก้าวไกลก็เรียกร้องทุกพรรคการเมืองร่วมกันปิดสวิตซ์สว.อีกทางหนึ่ง
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน พรรคก้าวไกลกำลังจะเป็นฝ่ายค้าน เกิดมโนสำนึกขึ้นมาใหม่
กูไม่ได้มึงก็ต้องไม่ได้!
แถลงการณ์พรรคก้าวไกลวานนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่า พรรคการเมืองนี้คือศูนย์กลางของจักรวาล
พรรคก้าวไกลเรียกสิ่งนี้ว่า "จุดยืน"
๑.รัฐบาลผสมข้ามขั้วที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีการนำพรรครัฐบาลขั้วเดิมเกือบทั้งหมดมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย เท่ากับขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงออกอย่างชัดเจนในวันเลือกตั้ง ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ว่าต้องการพลิกขั้วรัฐบาล
๒.การที่พรรคก้าวไกลจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐบาลผสมข้ามขั้วนี้ ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. ตามที่มีการกล่าวอ้าง แต่เป็นการเดินตาม สว. เพื่อปิดสวิตช์ก้าวไกล
เพราะหากทุกพรรคการเมืองมีเจตนาที่จะปิดสวิตช์ สว. และเคารพเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง ก็ต้องแสดงออกโดยการโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมากที่จัดตั้งโดยก้าวไกลตั้งแต่แรก ไม่ใช่การจัดตั้งรัฐบาลตามความต้องการของ สว. และอ้างว่าปิดสวิตช์ สว.
๓.แม้ขณะนี้จะยังไม่มีความชัดเจนเรื่ององค์ประกอบคณะรัฐมนตรี แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหน้าตาคณะรัฐมนตรีจะไม่แตกต่างจากรัฐบาลเดิมมากนัก พรรคก้าวไกลไม่เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลโดยเกรงใจผู้มีอำนาจแต่ไม่เกรงใจประชาชน จะผลักดันวาระที่ก้าวหน้าและนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริงได้
พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า การไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีผสมข้ามขั้วนั้น เราไม่ได้พิจารณาบนพื้นฐานของคุณสมบัติของตัวแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย แต่เป็นการตัดสินใจบนจุดยืนทางการเมืองและคำสัญญาที่พรรคก้าวไกลได้ให้ไว้กับประชาชนคือ “มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา” ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่สามารถตระบัดสัตย์ต่อประชาชนได้...
นี่คือแถลงการณ์ของพรรคการเมืองที่เห็นแก่ตัวอย่างที่สุด
อะไรก็ตามที่ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองคิดไว้ตั้งแต่ต้น ถือว่า ผิด
ก้าวไกลในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นตัวตั้งตัวตีออกแคมเปญปิดสวิตซ์สว. ก็แสดงว่ามีความประสงค์จะแก้ปัญหาการมีอิทธิพลของสว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีจริงๆ
หากมองในแง่อุดมการณ์ การปิดสวิตซ์สว.ถือเป็นสัญญาประชาคมที่พรรคก้าวไกลต้องทำให้ได้ ไม่ว่าการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม
แม้พรรคการเมืองอื่นไม่เห็นด้วยแต่แรก แต่ก็เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลในการเป็นศูนย์รวมของการปิดสวิตซ์สว.
แต่เมื่อตัวเองไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล ความหมายของการปิดสวิตว์สว.กลับเปลี่ยนไป
กลายเป็นการตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว
“มีเราไม่มีลุง มีลุงไม่มีเรา”
เรื่องอะไรจะปิดสวิตซ์สว.ให้ลุงได้เป็นรัฐบาลต่อ
พรรคก้าวไกลมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ ประชาชนก็เป็นผู้เลือกมา
พรรคก้าวไกลอ้างว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กลับด้อยค่าประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกพรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ
ประเทศไม่อาจมีความหวัง และความรัก ได้เลย หากนักการเมืองมองประชาชนที่ไม่ได้เลือกพรรคตัวเองเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้
อย่างน้อยให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง
๑ เสียงของประชาชน ไม่ว่าจะเลือกพรรคไหน ก็เป็น ๑ เสียงที่นักการเมืองต้องเคารพ
แต่พรรคก้าวไกลกลับไม่เข้าใจกติกาพื้นฐานนี้เลย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทอน-แม้ว' ไม่ต่าง
ใครโกหก... ระหว่าง "ทักษิณ" กับ "ธนาธร" "ก้าวไกล-เพื่อไทย" ไม่ได้ร่วมรัฐบาลกันเพราะเงื่อนไข ม.๑๑๒ อย่างที่ "ทักษิณ" พูดจริงหรือไม่
พ่อเหลิงอำนาจลูก
เตรียมรับเพิ่มไปอีกคดีครับ... งานนี้ไม่น่ารอด "ทักษิณ ชินวัตร" ทำตัวพองมากไป คิดว่ามีกำลังภายใน สามารถหลบเลี่ยงกฎหมายได้ทุกเรื่อง
'เอ็มโอยูเถื่อน'
กระทรวงการต่างประเทศต้องอธิบายแล้วล่ะครับ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผิดมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๔
เรียกผิดให้เรียกใหม่ครับ ไม่ใช่ "พื้นที่ทับซ้อน" แต่เป็น "พื้นที่อ้างสิทธิ" เป็นข้อแนะนำจาก เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา "ปกรณ์ นิลประพันธ์"
แผนยึดแบงก์ชาติ!
เรียบร้อยครับ.... วานนี้ (๑๑ พฤศจิกายน) คณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ด ธปท.) เคาะชื่อ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติคนใหม่แล้ว
'ทักษิณริ-อุ๊งอิ๊งทำ'
หมูไม่กลัวน้ำร้อน... เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อดีตนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ไว้หลายเรื่องครับ