สำรอก...ตะคอก...ทำลาย

ทุกวันนี้ใครติดตามข่าวแล้วประมวลประเด็นต่างๆ เข้าด้วยกัน ก็จะเห็นได้ว่ามีขบวนการทำลายชาติอยู่อย่างชัดเจน พวกเขาเป็นเครือข่ายที่แบ่งงานกันทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย บางคนอยู่ข้างหน้า บางคนผลุบๆ โผล่ๆ บางคนอยู่เบื้องหลัง ทำตัวเป็นอีแอบ ส่วนที่อยู่ข้างหน้าจะมีลักษณะของการกระทำทั้งกายและวาจาที่รุนแรง ถ่อยเถื่อน ต่ำทราม สถุล ไร้มารยาท เสียงที่เปล่งออกมา มันคือการสำรอก ตะคอกด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จนเราอดที่จะถามไม่ได้ว่าเด็กพวกนี้โตมาอย่างไร พ่อแม่ไม่ได้สอนการเป็นคนดี มีมารยาทให้พวกเขาบ้างหรือไร ถึงได้ทำตัวต่ำช้าสามานย์ได้ขนาดนี้ หรือพวกเขาถูกครอบโดยพวกที่อยู่เบื้องหลังที่ใส่ชุดข้อมูลที่เป็นเท็จให้พวกเขาปฏิบัติตนเช่นนี้ ได้ข่าวว่าบางคนนั้นพ่อแม่ไม่เอาแล้ว เพราะไม่อาจจะสั่งสอนได้แล้ว ลูกเชื่อคนอื่นมากกว่าพ่อแม่ เศร้าจัง

เครือข่ายทำลายไทยที่กำลังดำเนินอยู่เวลานี้มีองค์ประกอบหลายกลุ่ม หลายพวก พฤติกรรมของพวกเขาเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ ถ้าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้อีกต่อไป ประเทศไทยเราคงมีอันเป็นไป คนแก่ที่เครือข่ายในขบวนการนี่เรียกว่าไดโนเสาร์อาจจะลาโลกไปแล้ว ไม่ได้เห็นวันที่ประเทศไทยล่มสลาย แต่เยาวชนที่ศาสดาของเครือข่ายกล่าวเยินยอว่าเป็นผู้กล้าหาญ ใช้สิทธิเสรีภาพกำหนดอนาคตของตนเอง เด็กๆ ได้ฟังก็กระหยิ่มว่าตัวเองนั้นเก่งเหลือเกิน เมื่อศาสดาที่ทำตัวเป็นผู้นำจิตวิญญาณสั่งให้ทำอะไรก็จะทำตาม ไม่ว่าสิ่งนั้นดีหรือเลว ไม่ว่าสิ่งนั้นผิดหรือถูก ไม่ว่าสิ่งนั้นผิดกฎหมายหรือไม่ ศาสดาจะให้กำลังใจในการทำชั่วโดยใส่ชุดความคิดว่า “เป็นเด็ก เป็นผู้หญิง” คือเกราะป้องกันที่จะโดนคดี เพราะศาสดาจะออกมาสร้างวาทกรรมต่อว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่า “ทำเกินกว่าเหตุกับผู้หญิงบ้าง ทำเกินกว่าเหตุกับเด็กเยาวชนบ้าง” ทำราวกับว่าเป็นผู้หญิง เป็นเด็ก ทำอะไรก็ไม่ผิด เด็กๆ ก็ละเลิงและหลงเชื่อ พร้อมที่จะทำชั่วตามการกำกับของศาสดาผู้นำจิตวิญญาณ

เครือข่ายของพวกเขาร่วมมือกันทำงานอย่างเป็นระบบ มีนักยุทธศาสตร์เป็นผู้วางแผนในการทำสงครามแย่งชิงมวลชน และชี้นำทิศทางการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการ เมื่อเราพิจารณาการกระทำของเขา การพูดจาของเขา เราก็จะเห็นว่าทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาต้องการนั้นไม่ใช่การพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทิศทางที่น่าจะเรียกว่าเป็นความเสื่อมที่จะทำให้ประเทศสูญเสียอะไรหลายๆ อย่าง ลองวิเคราะห์พฤติกรรมของคนในเครือข่ายเขาดู เราจะเห็นขบวนการทำลายชาติ เครือข่ายของเขาประกอบด้วย

กลุ่มแรก ได้แก่ กลุ่มการเมืองซึ่งมีเป้าหมายที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พวกเขาจะทำหน้าที่เป็นศาสดาผู้นำจิตวิญญาณ คอยป้อนชุดข้อมูลครอบงำ ล้างสมองคนอื่นๆ ในเครือข่าย รวมทั้งการกำกับการกระทำของคนที่พวกเขาผลักให้ออกมาเป็นแนวหน้าในการสำรอก ตะคอก และทำลายแบบไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เด็กๆ ที่ทำตามการกำกับของพวกเขา ทำตามการยุยงของพวกเขาในระดับที่ทำผิดกฎหมาย ทำให้โดนคดีหลายมาตรา รวมทั้งมาตรา 112 แล้วบรรดาศาสดาเหล่านี้ก็จะมาสร้างวาทกรรมว่ารัฐบาลใช้นิติสงครามจัดการกับคนคิดต่าง ทั้งๆ ที่พฤติกรรมของเด็กๆ นั้น ไม่ใช่การคิดต่าง แต่เป็นการคิดชั่ว ทำชั่ว ทำผิดกฎหมาย สิ่งที่เขาใช้ในการประณามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายว่ากระทำรุนแรงกับเยาวชนบ้าง กระทำการเกินกว่าเหตุบ้าง

จากกลุ่มการเมือง ก็จะมีพรรคการเมืองที่ดำเนินการตอบสนองกลุ่มการเมืองที่น่าจะเป็นทั้งผู้กำกับ ผู้บงการ และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้การกระทำต่างๆ เกิดขึ้นได้ตามความต้องการ พวกเขาเป็นอันตรายต่อประเทศชาติแค่ไหน เราสามารถดูได้จากนโยบายของพวกเขาที่มีทั้งการแก้ไข (หรือยกเลิก) มาตรา 112 การกระจายอำนาจที่อาจจะก้าวไปถึงการแบ่งแยกดินแดน การทำลายความมั่นคงของกองทัพ การทำลายขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นอัตลักษณ์อันดีงามและเป็นเสน่ห์ของความเป็นไทย พวกนี้จะสร้างแกนนำให้เป็นที่นิยมของมวลชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน Gen X และ Gen Y

เมื่อกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองดำเนินการเช่นนี้ ทำให้เกิดคนที่คลั่งไคล้พวกเขาที่เราเรียก กันว่า “ด้อม” คนพวกนี้จะจัดชุมนุม ใช้ความรุนแรง ทำร้ายผู้คน ทำลายสิ่งของ ใช้ผรุสวาจาด่าทอต่อว่าคนที่คิดต่างด้วยวาจาที่หยาบคาย ถ่อยสถุล แล้วก็อ้างว่าทำตามสิทธิเสรีภาพที่ให้ไว้ตามรัฐธรรมนูญ แต่การชุมนุมที่รุนแรงและมีอาวุธนั้น มันเกินขอบเขตของสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้ไว้ เมื่อเด็กพวกนี้ออกมาชุมนุมและทำกิจกรรมที่รุนแรงถ่อยสถุล ก็จะได้รับคำเยินยอจากศาสดาและแกนนำของกลุ่มการเมืองและพรรคการเมือง ทำให้เด็กพวกนี้เหิมเกริม เพราะกลายเป็นคนมีแสง

ในเครือข่ายของพวกเขาจะมีสื่อมวลชนบางรายที่ละทิ้งอุดมการณ์และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ สร้างแสงให้คนชั่ว เสนอข่าวให้คนชั่วกลายเป็นคนดี ด้อยค่าคนดีให้เป็นคนไร้ค่า และมีนักวิชาการบางคนที่ขายวิญญาณให้แก่ศาสดา แล้วใช้สถานะของความเป็นนักวิชาการวิเคราะห์และให้ความคิดเห็นแบบบิดเบือน เพื่อให้เข้าทางของศาสดาผู้นำจิตวิญญาณ มีข้าราชการบางคนที่อำนวยความสะดวกให้กับการกระทำที่รุนแรง รวมทั้งผู้บริหารสถาบันการศึกษาบางรายที่ยอมให้มีการจัดกิจกรรมที่นำไปสู่การทำลายชาติ โดยไม่มีการห้ามปราม

ที่สำคัญพวกเขามีกองทัพ IO คอยเผยแพร่ข่าวสารบิดเบือนในสื่อทั้ง offline และ online ครอบงำความคิดและพฤติกรรมมวลชน โดยเฉพาะเยาวชน gen X และ gen Y ใช้ยุทธศาสตร์ IO ด้วยการใช้ Social media เป็นอาวุธ (Weaponization of Social Media) ข้อความของพวกเขาจงใจที่จะสร้างทัศนะชังชาติ ชังสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้อยค่าความเป็นไทย สร้างความแตกแยก ใครพูดจาไม่ถูกใจก็จะไปรุมด่าเขาที่เรียกว่า “เอาทัวร์ไปลง” ด้วยความก้าวร้าว ต่ำทราม คุกคามคนคิดต่างด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย พวกเขาจะช่วยกัน Share ข้อความ Retweet ข้อความ สร้าง Hashtag ให้คนเห็นว่าพวกเขามีแนวร่วมเป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันคืออวตารและบัญชีหลุมมากกว่า 90% ของข้อความที่ปรากฏ online ขบวนการเหล่านี้ต้องมีคนวางแผนและเป็นท่อน้ำเลี้ยงอย่างแน่นอน แกนนำของขบวนการนี้ยึดหลัก "สู้แล้วรวย" ด้วยความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ คิดแค่ตัวเองจะได้อะไร แต่ไม่คิดว่าประเทศชาติจะเสียหายอย่างไร ถ้าฝ่ายความมั่นคงยังไม่จัดการอย่างเข้มข้น ปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ ประเทศไทยจะถูกทำลาย สูญเสียความเป็นชาติ สูญเสียอธิปไตย พวกเราที่รักชาติ ต้องพูดเรื่องที่ถูกต้องกันให้มากขึ้นนะคะ ให้ข้อมูลแก่เยาวชนของเราด้วยความกล้าหาญ อย่ากลัวทัวร์ลงนะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สับสนอลหม่าน แพทองธาร...พาลแพแตก

เราเคยทำนายไว้ว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐาพ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และได้แพทองธารมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

โลกแห่งความเป็นจริงที่กำลังถูกกลืนกิน

ด้วยความก้าวหน้า-ก้าวไกลของเทคโนโลยีข้อมูล-ข่าวสาร ที่เตลิดเปิดเปิงไปถึงระดับ 5G-6G และไม่รู้จะอีกกี่ G ภายในอนาคตอันใกล้ แถมยังมีตัวเร่ง ตัวกระตุ้น

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' ชัด

อุ๊ย....อุ๊ย แม้ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.จะปฏิเสธเสียงแข็งการเข้าพบ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับการทาบทาม

เลือกผู้แทนกันยังไง...เมืองไทยจึงเป็นเช่นนี้

หลังจากรู้ผลการเลือกตั้งในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 บ้านเมืองไทยก็ดูพิกลพิการ อยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะเดินหน้าเพื่อการพัฒนาที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้า

ว่าด้วยการ'ฟันธง'ของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย

ถึงเคยคลุกคลีอยู่กับการ วิเคราะห์ การบ้าน-การเมือง มาร่วมกว่าๆ 2 ทศวรรษเห็นจะได้ แต่ด้วยอายุปูนนี้และด้วยสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองใกล้ๆ