ธนาคารแห่งประเทศไทยมีความกังวลเรื่องใช้สินทรัพย์ดิจิทัลมาชำระค่าสินค้าและบริการด้วยเหตุผลที่ได้เล่าให้ฟังในคอลัมน์เมื่อวานนี้ ยังไม่ถึงกับห้าม แต่ไม่สนับสนุนเพราะมีความเป็นห่วง
จึงกำลังจะเชิญหลายๆ ฝ่ายมาปรึกษาหารือเพื่อวางเกณฑ์ที่จะตอบโจทย์ทั้งเรื่องความปลอดภัย, ความเหมาะสม และขณะเดียวกันก็ไม่ให้ไทย “ตกรถด่วนขบวนดิจิทัล” ที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลกเช่นกัน
จึงควรจะเป็นหน้าที่ของ “ผู้มีส่วนได้เสีย” ทุกฝ่ายที่จะต้องนั่งลงแลกเปลี่ยนกันอย่างตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผยและจริงใจเพราะทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง
หัวใจของเรื่องจึงอยู่ที่การ “บริหารความเปลี่ยนแปลง” ที่กำลังเขย่าทุกวงการ พร้อมกับคำเตือน ธปท. ก็ออกวิจัยเชิงลึกในเรื่องภูมิทัศน์ทางการเงินในอนาคต (Consultation Paper on Financial Landscape) ที่น่าสนใจ
เป็นงานวิจัยว่าด้วยแนวนโยบายในการกำกับดูแลการดำเนินงานของสถาบันการเงินในอนาคตที่จะออกมาภายในไตรมาส 1/65 ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย
“ที่ผ่านมายังไม่พบว่าสถาบันการเงินเข้าไปลงทุนตรงในสินทรัพย์ดิจิทัล แต่อาจจะมีบริษัทลูกหรือบริษัทในเครือของสถาบันการเงินเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง...”
ซึ่ง ธปท.บอกว่าไม่เห็นด้วยหากสถาบันการเงินเข้าไปเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง
เพราะสถาบันการเงินมีหน้าที่ในการรักษาเสถียรภาพและต้องดูแลประชาชนผู้ฝากเงิน
ข้อสังเกตต่อการใช้ Crypto Payment เป็นวงกว้างนั้นมีดังนี้
การชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซี หรือ Crypto Payment กำลังมีการใช้งานมากขึ้น เพราะอุตสาหกรรมคริปโตฯ กำลังอยู่ในช่วงเบ่งบาน มูลค่าตลาดสูงถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้ภาคธุรกิจบางแห่งเริ่มออกมาประกาศรับการชำระเงินแบบ Crypto Payment แล้ว
โดยใช้วิธีให้ตัวกลางสร้างระบบ Auto Convert เพื่อแปลงคริปโตฯ เป็นเงิน Fiat และส่งต่อให้ร้านค้า
แม้ในระยะเริ่มต้นจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินโดยที่หน่วยงานกำกับดูแลไม่ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีหรือรูปแบบการกำกับมากนัก
แต่ในระยะยาวก็ยังถือว่ามีความท้าทายที่น่าจับตามมองหลายด้าน
เอกสารนี้บอกว่าข้อดีของ Crypto Payment ต่อประเทศไทยมีดังนี้
- ดึงดูดเงินจากต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายในประเทศ
- ทำให้ประเทศไทยเข้าถึงกลุ่ม New Wealth ที่เป็นนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
- ร้านค้ามีช่องทางในการรับชำระค่าสินค้าและบริการได้มากขึ้น
- มีโอกาสที่จะทำให้ประเทศไทยสร้างความได้เปรียบจากการเติบโตของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ขณะเดียวกันก็มีข้อสังเกตว่า หากเปิดรับ Crypto Payment (ร้านค้ารับเป็นคริปโตฯ) สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็จะ
- มีความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของราคาคริปโตฯ
- มีโอกาสถูกโจมตีไซเบอร์ ถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน และใช้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
- ภาครัฐไม่สามารถกำกับดูแลหรือดำเนินนโยบายการเงินในประเทศ
- หากใช้เป็นวงกว้างจะส่งผลต่อเสถียรภาพระบบการชำระเงินและระบบการเงินของประเทศ
อีกทั้งมีข้อสังเกตว่า หากเปิดรับ Crypto Payment (ร้านค้ารับเงินบาท) สิ่งที่อาจเกิดขึ้นก็คือ
- ผู้ที่ทำหน้าที่ตัวกลางแปลงคริปโตฯ เป็นเงินบาท อาจต้องได้รับอนุญาตจาก ธปท.
- ต้องมีระเบียบและการกำกับดูแลที่ชัดเจน สามารถเดินหน้าได้ทั้งธุรกิจและหน่วยงานกำกับดูแล
- ช่วยสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนต่อการใช้งานบาทดิจิทัลของ ธปท.
งานวิจัยเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการให้ความรู้ต่อประชาชนในวงกว้าง เพราะอย่างไรเสียก็ต้องยอมรับความจริงว่าแนวโน้มเรื่อง Decentralized Finance (DeFi) หรือการเงินทางเลือกที่ไม่อยู่ในกรอบการกำกับดูแลของรัฐบาลกลางนั้นกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในระดับโลก
เพราะเอกชนที่ทำเรื่องนี้มีคำอธิบายว่าเขามีวิธีการบริหารความเสี่ยงของตนอยู่ในหลายรูปแบบ
เช่น Exchange ที่ให้บริการด้านนี้มีกลไกป้องกันความเสี่ยงความผันผวนของราคาด้วยการแปลงเป็นเงินบาทแบบเรียลไทม์
หากเป็น Exchange ที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลก็จะมีมาตรการป้องกันการโจรกรรมไซเบอร์ การฟอกเงินและข้อมูลส่วนบุคคลลูกค้าอยู่แล้ว
เทคโนโลยีการรับชำระเงินและแลกเปลี่ยนคริปโตฯ ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้พัฒนาไปไกลพอสมควรแล้วเช่นกัน
เอกชนมองว่าหน่วยงานกำกับดูแลควรจะมีบทบาททั้ง “ดูแลและส่งเสริม” ไปพร้อมๆ กัน เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกขบวนเทคโนโลยีด้านการเงินที่กำลังกลายเป็นวิถีปกติของคนทั้งโลกในรูปแบบต่างๆ
หากสามารถสกัดกั้นการใช้คริปโตฯ เป็นแหล่งฟอกเงินอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อขี่คลื่นของ DeFi, NFT, Payment หรือ ICO ก็จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพในประเทศไทย
ผมมองว่าการแลกเปลี่ยน “ความห่วงกังวล” ของผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแล และ “ความกระตือรือร้น” ที่จะวิ่งตามเทคโนโลยีของเอกชนนั้นเป็นเรื่องปกติและควรจะทำกันอย่างถ้วนถี่และคึกคักต่อไป
เพื่อช่วยกันผลักดันประเทศไทยก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้านอย่างรู้เท่าทันและไม่เข้าข่าย “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้” อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับหลายๆ เรื่องในบ้านเรามาแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ