ทำไมสี จิ้นผิงจึงให้ “หวัง อี้” กลับมารั้งตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศหลังจากที่ “ฉิน กัง” ถูกปลดจากตำแหน่งอย่างกระทันหัน...และยังไม่มีคำอธิบายทางการว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่?
หวัง อี้เคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ถึง 10 ปีก่อนได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้านโยบายต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อปีที่แล้ว
พอเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงกับฉิน กังซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศได้เพียง 10 เดือน ต้องดึงเอาหวัง อี้มานั่งเก้าอี้ตัวสำคัญนี้จึงถูกนักสังเกตการณ์ทางการทูตหลายคนมองว่าเป็น “ทางเลือกที่ปลอดภัยและดีที่สุด”
เพราะปีนี้เป็นแห่งความยุ่งเหยิงทางการทูตของจีนทีเดียว
จะปล่อยให้มีเรื่องอื้อฉาวกับคนนั่งเก้าอี้ยาวนานเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อสถานภาพของจีนทั้งในและต่างประเทศ
แม้ในประเทศเอง คนจีนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กรณี “หายตัวไปอย่างลึกลับ” ของฉิน กังอย่างเสรีซึ่งไม่ค่อยจะได้ปรากฏให้เห็นมาก่อนในแวดวงการเมืองระดับชาติของจีนเช่นกัน
การกลับมาของหวัง อี้อาจสอดคล้องกับวิธีปฏิบัติแต่ก่อนเก่าที่ต้องหันไปหาบุคลกรระดับสูงเพื่อคอบประกองเรือในกรณีฉุกเฉิน
ปักกิ่งต้องการใครผู้มีประสบการณ์พร้อมเพื่อเตรียมรับกิจกรรมด้านการทูตที่สำคัญหลายเรื่องในช่วงนี้
รวมถึงแผนที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงอาจไปเยือนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นงานที่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้าอย่างละเอียดทุกย่างก้าว
จึงจะให้เกิดช่องว่างในการกำกับทิศทางของนโยบายต่างประเทศจีนในจังหวะนี้ไม่ได้
คำถามใหญ่ทางการเมืองยังคงอยู่หลังจากจีนเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างกะทันหัน
ฉิน กังถูกปลดออกจากตำแหน่งในการประชุมพิเศษของคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติเมื่อสองสัปดาห์ก่อนไม่มีการให้เหตุผลอย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้านี้กระทรวงต่างประเทศเพียงให้คำอธิบายว่าเขาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เนื่องจาก “เหตุผลด้านสุขภาพ”
การกลับมาที่กระทรวงต่างประเทศของหวัง อี้เหมือน “ผู้ใหญ่” กลับมาดูแลบ้านเก่าเพื่อให้ลูกบ้านสบายใจว่าทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของส่วนกลาง
ในช่วงการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ในปี 2546 อู๋ อี้ “สตรีเหล็ก” ของประเทศ เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขแทนจาง เหวินกังที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งหลังจากถูกวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการจัดการการระบาดของจีน
ไม่นานมานี้ จาง เต๋อเจียง ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีเช่นกัน ถูกส่งไปยังฉงชิ่งเพื่อทำหน้าที่หัวหน้าพรรค หลังจากการถูกปลดอย่างเกรียวราวของโป ซีไหล ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุด
ต่อมา โป ซีไหลถูกศาลตัดสินจำคุกในข้อหาคอรัปชั่น
พอเกิดช่องว่างในตำแหน่งสำคัญ ๆ ผู้นำจีนจะส่ง “ผู้อาวุโส” ไปประคองสถานการณ์ให้ “นิ่ง” ก่อนที่จะกำหนดว่าใครจะไปนั่งแทนตำแหน่งนั้น ๆ
จึงตีความได้ว่าหวัง อี้ได้ได้รับความไว้วางใจจากผู้นำระดับสูงให้ทำหน้าที่เป็น "นักผจญเพลิง"
การกลับมาของหวัง อี้มีขึ้นพร้อมกับการรณรงค์ครั้งสำคัญของปักกิ่งในการเริ่มต้นการทูตอีกครั้งหลังจากสามปีของการควบคุมโควิด
โดยเฉพาะในความพยายามที่จีนจะพยายามปรับปรุงความสัมพันธ์กับตะวันตกดีขึ้น
สี จิ้นผิงกำลังเตรียมพบกับผู้นำต่างประเทศอย่างน้อย 5 คนในระหว่างการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกที่จัดขึ้นอย่างอลังการที่เมืองเฉิงตูเมื่อสัปดาห์ก่อน
และคาดว่าเขาจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่ม BRICS ที่แอฟริกาใต้ในเดือนหน้า
นอกจากนี้ยังจะมีการประชุมสุดยอดกลุ่ม G-20 ที่อินเดียในเดือนกันยายน
อีกทั้ง สี จิ้นผิงจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด Belt and Road ที่กรุงปักกิ่งในเดือนตุลาคม
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เสีจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤศจิกายนเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกหรือ APEC
กิจกรรมที่มากมายหลากหลายทั้งหมดนี้จำเป็นต้องให้รัฐมนตรีต่างประเทศเตรียมงานพื้นฐาน
จะว่าไปแล้ว มีน้อยคนนักที่จะมีคุณสมบัติและประสบการณ์ระดับหวัง อี้
ซึ่งมีทั้งตำแหน่งที่อาวุโสในพรรคและมีบารมีที่หาผู้อื่นเทียบได้ยาก
เพราะประกบอยู่ข้างสี จิ้นผิงมายาวนาน
พอฉิน กังหายหน้าไป หวัง อี้ก็ปรากฏตัวในงานสำคัญ ๆ ทันที
เช่นการประชุมของสมาคมรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพปีนี้
จังหวะการไม่ปรากฏตัวของฉิน กังถูกจับตาเกือบจะทันทีหลังจากกิ่งเลื่อนการเดินทางของโจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในสัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฎาคม
ต่อจากนั้นประมาณอีกสองสัปดาห์ต่อมา คำถามว่า “เขาอยู่ไหน?” ต่อฉิน กังก็ขยายวงในสื่อต่างประเทศ
มีแต่สื่อของรัฐของจีนเท่านั้นที่ยังคงเงียบอย่างเห็นได้ชัด
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศตกอยู่ในภาวะอึดอัดเมื่อเจอคำถามเรื่องนี้
จากวิดีโอสั้นที่เผยแพร่ทางออนไลน์ ใครๆ ก็สัมผัสได้ถึงความกระอักกระอ่วนของเธอเมื่อถูกถามประเด็นนี้
ในคลิปนั้น จะเห็นเธอแสร้งทำเป็นดูและมองไปที่สมุดโน้ทที่เหมือนเขียนข้อความอะไรไว้
จากนั้นเธอก็ขอให้นักข่าวถามคำถามซ้ำก่อนที่จะตอบตามแบบของการหลบเลี่ยงคำถามชวนกระอักกระอ่วนว่า
“ดิฉันไม่มีข้อมูลที่จะนำเสนอ” หรือ “ฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้”
นักข่าวขอให้ยืนยันว่าฉิน หังยังคงเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศหรือไม่ เธอบอกให้นักข่าวตรวจสอบเว็บไซต์ของกระทรวงซึ่งระบุว่าฉิน กังเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
และบอกว่าเธอไม่มีข้อมูลใหม่ใดๆ ดังนั้น
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจึงไม่สามารถยืนยันได้โดยตรงว่ารัฐมนตรีต่างประเทศยังคงเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่
จึงเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ ที่นักข่าวต้องตรวจสอบเว็บไซต์ของกระทรวงเพื่อยืนยันว่ารัฐมนตรีต่างประเทศ ณ วันนั้นคือใคร
แต่ที่แน่ ๆ คือการที่หวัง อี้มานั่งเก้าอี้ตัวนี้ในยามนี้เท่ากับยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ ภายใต้การนำที่เข้มแข็งของสี จิ้นผิง
เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศนั้นมีหน้าที่หลักคือนำเอานโยบายสูงสุดของพรรคไปปฏิบัติตามเท่านั้น
ไม่ได้สามารถจะริเริ่มแนวทางต่างประเทศของกระทรวงหรือของรัฐมนตรีแต่อย่างใด
ความจริง หากทางการตอบคำถามจากสื่ออย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก ไม่พยายามจะปิดกั้นข่าว อาจจะสร้างความกระอักกระอ่วนให้กับกระทรวงบ้าง แต่ก็จะป้องกันปัญหาของการคาดการณ์ไปหลายทิศหลายทางที่สร้างความเสียหายได้มากกว่า
อย่างที่ปรากฏให้เห็นในสภาพความเป็นจริงวันนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ