หลังโควิด-19 คลี่คลาย การท่องเที่ยวถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่เป็นแรงสนับสนุนหลักให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโต ชดเชยการส่งออกที่ยังต้องเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจการเงินโลก นอกจากนี้ยังช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก ยังไม่รวมถึงอุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องพลอยเติบโตไปด้วย ดังนั้นนอกจากการดูแลด้านการบริการให้ได้มาตรฐานแล้ว ในด้านความปลอดภัยก็ต้องให้ความสำคัญด้วย
ซึ่งตามเป้าหมายของ ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ระบุว่า ได้ประเมินดีมานด์ของการท่องเที่ยวปี 2566 เชื่อว่าภาคท่องเที่ยวจะสามารถพยุงเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้ โดยทั้งปีมีลุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 30 ล้านคน หรือหากลดลงมาที่เป้าหมายรอง 25 ล้านคน ภาคการท่องเที่ยวก็ยังสร้างรายได้ให้ประเทศ 80% ของรายได้ท่องเที่ยวในปี 2563 หรือมีรายได้ประมาณ 2.38 ล้านล้านบาท
ล่าสุด นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. เดินหน้ายกระดับความปลอดภัยในพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จึงได้จับมือร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ หรือ MOU ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินของนักท่องเที่ยวเพื่อคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึง เท่าเทียมและมีคุณภาพมาตรฐาน กับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ สพฉ.
โดยมีเรืออากาศเอกนายแพทย์ อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการ สพฉ. ร่วมลงนาม เพื่อพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่พิเศษให้เกิดความยั่งยืน ตามแนวทางของหลักเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้มีการดำเนินงานเรื่องการแพทย์ฉุกเฉินในพื้นที่พิเศษ ทั้งในด้านการป้องกัน การช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ และการส่งต่อไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสม ให้นักท่องเที่ยว/ประชาชนในพื้นที่ได้เข้าถึงบริการ และลดการสูญเสียชีวิต อวัยวะ หรือเกิดความบกพร่องในการทำงานของอวัยวะสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามนโยบาย การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสีขาวภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งครอบคลุมเรื่องของสะดวก สะอาด ปลอดภัย เป็นธรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย อพท.จะเป็นหน่วยงานสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เช่น บุคลากรของ อพท. ภาคีเครือข่ายการพัฒนาการท่องเที่ยว ตลอดจนผู้แทนชุมชน ให้มีความสามารถในการบริหารจัดการ
ดังนั้น การป้องกันและการตอบสนองต่อสภาวะวิกฤตและเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวหรือประชาชนในพื้นที่พิเศษ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและเป็นไปตามหลักสากล รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการจัดทำแนวทางหรือมาตรการการบริหารจัดการ การป้องกันและการตอบสนองต่อสภาวะวิกฤตและเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวหรือประชาชนในพื้นที่พิเศษ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและเป็นไปตามหลักสากล”
เช่นเดียวกับทางกรมเจ้าท่า “เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5” ซึ่งรับผิดชอบดูแลในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ ภูเก็ต, ตรัง, กระบี่, ระนอง, พังงาและสตูล ตอบรับนโยบายด้านการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยกับการขนส่ง การเดินทางทางน้ำและดูแลนักท่องเที่ยว โดยจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจตราท่าเทียบเรือ ใบอนุญาต อู่เรือให้มีความพร้อมต่อการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอำนวยความสะดวกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญลดการเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว
และล่าสุด เดินหน้าจัดทำแผนปฏิบัติงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อร่องน้ำทางเดินเรือ ตลิ่งและชายฝั่งที่อยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจสอบใบอนุญาตคนประจำเรือ ใบอนุญาตใช้เรือ อุปกรณ์ประจำเรือ แพชูชีพ พวงชูชีพ เสื้อชูชีพให้พร้อมใช้งานได้ในกรณีเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ เนื่องจากเขตรับผิดชอบของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวทางน้ำเป็นจำนวนมาก จึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการ เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้บริการ
การท่องเที่ยวปลอดภัย และการบริการที่สะดวกสบาย เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว.
บุญช่วย ค้ายาดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม
แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน
การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ
ของขวัญรัฐบาล
อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว
ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ
ปี68ธุรกิจบริการอาหารยังโตต่อเนื่อง!
“ธุรกิจบริการอาหาร” ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตาในปี 2568 จากอานิสงส์ท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้การบริโภคอาหารน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐยังมีการอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ดันSMEอีอีซีบุกตลาดตปท.
ที่ผ่านมารัฐบาลอาจจะยังไม่ได้พูดถึงโครงการพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มากนัก เนื่องจากคงจะยุ่งกับการบริหารงานในแนวทางอื่นๆ อยู่ แต่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก