แผนผ่อนปรนโทษ ‘ซูจี’ ของจริงหรือภาพลวง?

รัฐบาลทหารพม่าถอยจริงหรือเป็นเพียงการสร้างภาพเพื่อเดินหน้าควบคุมประเทศด้วยอำนาจของกองทัพต่อไป?               นี่คือคำถามใหญ่หลังจากมีคำประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้ลดโทษจำคุกของอองซาน ซูจีจาก 33 ปีเป็น 27 ปี

แน่นอนว่าฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยและรัฐบาลคู่ขนานหรือ National Unity Government (NUG) ออกแถลงการณ์ทันทีว่าความเคลื่อนไหวล่าสุดของกองทัพพม่านั้นไม่ใช่ข่าวดีแต่อย่างใด

เพราะอองซาน ซูจีและแกนนำของพรรค NLD ที่ถูกยึดอำนาจในรัฐประหารที่นำโดยพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่ายนั้นไม่มีความผิดใด ๆ

ข้อหาที่กองทัพพม่ายัดเยียดให้เธอและพวกนั้นล้วนเป็นเรื่องเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมาทั้งสิ้น

ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลทหารพม่าจะต้องทำก็คือการปล่อยนักโทษการเมืองทั้งหมด “อย่างปราศจากเงื่อนไข...และทันที”

คนมองในแง่ดีบอกว่าก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน รัฐบาลทหารพม่าก็ย้ายอองซาน ซูจีจากเรือนจำไปอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง

เท่ากับเป็นการเปลี่ยนจากการติดคุกเป็นการกักบริเวณ

แต่คนมองในแง่ร้ายบอกว่านั่นก็เป็นเพียงการสร้างภาพให้ดูดีเท่านั้น

เพราะเนื้อหาสาระที่ควรจะเกิดยังไม่ได้เกิดเลย

อีกทั้งรัฐบาลทหารพม่าก็เพิ่งจะประกาศขยายเวลาการประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” และเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่เดิมกำหนดไว้ในเดือนสิงหาคมนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

สะท้อนว่ากองทัพพม่ากลัวว่าหากมีการเลือกตั้ง ประชาชนจะส่งเสียงดัง ๆ ว่าไม่เอาทหารอีกรอบหนึ่ง

แม้ว่าหากจะมีการหย่อนบัตรจริง พรรค NLD ของอองซาน ซูจีก็ถูกกีดกันไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งอยู่ดี

เท่ากับว่าทหารพม่ากลัวแม้กระทั่งเงาของพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตย

รัฐบาลทหารพม่าประกาศ “นิรโทษกรรม” อองซาน ซูจีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงการผ่อนผันโทษเท่านั้น

เพราะเธอยังต้องสูญเสียอิสรภาพ ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมือง

และในวัย 78 หากทางกองทัพไม่ยอมปล่อยเธฮให้เป็นอิสระในอนาคตอันใกล้ ความหวังของคนพม่าที่จะเห็นอิสรภาพและสันติภาพกลับมาอย่างถาวรคงจะเป็นเรื่องที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้

เพราะเมื่อกองทัพทำลายขบวนการประชาธิปไตยแล้วก็ยากที่จะทำให้คนรุ่นใหม่และชนชั้นกลางจะสามารถต่อรองกับกองทัพในการที่จะเรียกร้องให้มีสิทธิและเสียงในการปกครองประเทศอย่างที่ควรจะมีในระบอบที่เคารพในการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างจริงจัง

สถานีโทรทัศน์ของพม่ารายงานว่า กองทัพได้ “ให้อภัย” เธอใน 5 ข้อหาจากทั้งหมด 19 ข้อหาที่เธอถูกตัดสินว่ามีความผิด

ตั้งแต่การก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 อองซาน ซูจียังไม่เคยได้รับโอกาสในการสื่อสารกับประชาชนหรือโลกภายนอกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ยกเว้นที่คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยที่อ้างว่าได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมนี้จากมิน อ่อง หล่ายให้พบกับเธอ

แต่ก็ไม่มีรายละเอียดของการแลกเปลี่ยนระหว่างคุณดอนกับอองซาน ซูจีให้คนทั่วไปได้รับทราบแต่อย่างใด

คุณดอนอาจจะอ้างได้ว่าการที่รัฐบาลไทยชุดนี้ใช้นโยบายผ่อนปรนกับรัฐบาลทหารพม่า ไม่โดดเดี่ยวหรือประณามรัฐบาลทหารยังสามารถเข้าถึงอองซาน ซูจี

และคุณดอนก็อาจจะอ้างต่อได้ว่านโยบายเช่นนี้ของรัฐบาลไทยมีผลให้กองทัพพม่ายอมถอยแล้ว...ด้วยการลดโทษอองซาน ซูจีและแกนนำของ NLD บางคนอย่างที่เป็นข่าว

แต่ก็ยังมีคำถามต่อว่าสิ่งที่เห็นอยู่ขณะนี้เป็น “กลเกม” ของเผด็จการทหารพม่าหรือเป็นการยอมถอยจริง

เพราะมิน อ่อง หล่ายยังไม่ได้แสดงท่าทีว่าพร้อมจะดำเนินการตาม “ฉันทามติ 5 ข้อ” ของอาเซียนตามที่มีการเรียกร้องมาตลอดแต่ประการใด

ทางการอาจจะอ้างว่าท่าทีใหม่ของรัฐบาลทหารพม่านั้นเป็นรูปธรรมชัดขึ้นตลอดเวลา

เช่นครั้งนี้นอกจากซูจีแล้ว วิน มี้นต์ ซึ่งเป็นประธานาธบิดีของรัฐบาลที่ถูกโค่น ก็ได้รับการอภัยโทษในสองข้อหาเช่นกัน

อีกทั้ง นักโทษกว่า 7,000 คนได้รับการผ่อนผันและคาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวในเร็วๆ นี้

นักการทูตหลายประเทศเชื่อว่าการตัดสินใจของกองทัพที่ให้นิรโทษกรรมแก่ซูจี แม้จะเพียง “ผ่อนปรนไม่ใช่นิรโทษกรรมทั้งหมด” อาจมีสาเหตุจากความพยายามของกองทัพพม่าในอันที่จะลดแรงต่อต้านและผ่อนเบาแรงกดดันจากประชาคมโลก

สัญญาณอื่นๆ ของการปรับเปลี่ยนในแนวทางของรัฐบาลทหารพม่าคือข่าวในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมจากช่องทางภาษาพม่าของ BBC และสำนักข่าว AFP ที่รายงานตรงกันว่า

ซูจีถูกย้ายออกจากคุกและอยู่ในสภาพการกักบริเวณ

แต่จนถึงบัดนี้กองทัพพม่ายังหลีกเลี่ยงที่จะยืนยันเรื่องนี้

เชื่อกันว่าหากเธออยู่ในสภาพถูก “กักบริเวณในบ้าน” ก็อาจจะเปิดทางให้เธอสามารถพบกับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

อีกสัญญาณหนึ่งของความเปลี่ยนท่าทีจากฝั่งอาเซียนต่อวิกฤตเมียนมามาจาก อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเคยปฏิเสธการเจรจากับกองทัพพม่ามาตลอกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า

เขาและประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ได้หารือกันถึงความเป็นไปได้ที่จะสร้าง "ความยืดหยุ่น" ให้ประเทศเพื่อนบ้านที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารพม่าอย่างไม่เป็นทางการมากขึ้น

แต่มีเงื่อนไขว่าการติดต่อกันในลักษณะนั้นจะต้อง “ไม่ละทิ้งประเด็นสิทธิมนุษยชน”

ต้องไม่ลืมว่าทุกวันนี้มิน อ่อง หล่ายก็ยังเรียกกำลังฝ่ายค้านที่เป็นเป้าการถล่มโจมตีอย่างต่อเนื่องของกองทัพพม่าว่าเป็น”ผู้ก่อการร้าย”

ทั้ง ๆ ที่หากกองทัพพม่าดำเนินการตามฉันทามติอาเซียน 5 ข้อและประกาศหยุดยิงเพื่อนำไปสู่การเจรจา ก็สู้รบทุกวันนี้ก็จะหยุดลงได้

และสภาวะ “สงครามกลางเมือง” ของพม่าวันนี้ก็สามารถจะลดความรุนแรงได้ทันที

แต่ในความเป็นจริงนั้นความรุนแรงยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด

ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งหลายจุดในย่างกุ้งซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของประเทศ

ในเหตุร้ายต่าง ๆ เหล่านั้นสถานีตำรวจ ศาล และสถานที่อื่นๆ ตกเป็นเป้าของการโจมตี

หน่วยงานระหว่างประเทศที่เฝ้าติดตามเหตุการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธของสหรัฐฯ (ACLED) ซึ่งรวบรวมข้อมูลความขัดแย้งทั้งหลายรายงานว่ามีการปะทะกันด้วยอาวุธโดยเฉลี่ยมากกว่า 250 ครั้งในพม่าในแต่ละเดือนในปีนี้

รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นที่จัดตั้งขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติที่สนับสนุนประชาธิปไตยที่หลบหนีออกจากประเทศ ได้ร่างแผนสำหรับปฏิบัติการติดอาวุธขึ้นอย่างจริงจัง

แผนดังกล่าวเรียกร้องให้กองกำลังป้องกันประชาชน (People’s Defence Force หรือ PDF) ซึ่งประกอบด้วยประชาชนและกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยทำงานร่วมกันเพื่อโจมตีฐานทัพของกองทัพและยึดเมืองหลวงให้ได้ในที่สุด

สถานการณ์ในเมียนมายังห่างไกลจากคำว่าสันติภาพตราบที่ผู้นำกองทัพพม่ายังไม่พร้อมที่จะเปิดการเจรจาอย่างตรงไปตรงมา

และขั้นตอนแรกที่จะต้องเกิดคือมิน อ่อง หล่ายต้องพร้อมจะนั่งลงเจรจาอย่างเปิดเผยและโปร่งใสกับอองซาน ซูจีเท่านั้น!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ