ท่ามกลางบรรยากาศ การคาดเดา เรื่องใครจะจับมือตั้งรัฐบาลด้วยสูตรไหน ตัวเลขเท่าไหร่ อย่างไร “พ่อใหญ่” จะกลับเมืองไทยหรือไม่ วันนี้ผมขอพูดถึงเรื่องที่คนอาจให้ความสนใจ 1 วัน และจะให้ความสนใจอีกทีต่อเมื่อครบรอบปีหน้าอีกรอบ นั่นคือครบรอบ 56 ปีของอาเซียน ที่จะหมุนเวียนทุกวันที่ 8 สิงหาคมครับ
ผมรู้เลยว่า เมื่อใช้คำว่าอาเซียนปุ๊บ คนมักจะอ่านผ่านๆ และไม่สนใจ ผมบอกเลยว่า อย่าว่าแต่พวกเราที่ไม่ได้อยู่ใกล้สำนักงานใหญ่อาเซียน คนอินโดฯ เองก็เป็นเช่นนั้นครับ ขนาดสำนักเลขาธิการอาเซียน หรือเรียกกันว่า ASEAN Secretariat (หรือ ASEC) ตั้งอยู่ในกรุงจาการ์ตาก็ตาม
ในทุกวันที่ 8 สิงหา.นั้น ที่ ASEC เขาจะจัดงานยิ่งใหญ่ จะเชิญทูต เชิญองค์กรระหว่างประเทศ เชิญแขกผู้มีเกียรติมาร่วมงาน แล้วจะเชิญประธานาธิบดีอินโดนีเซียมาเปิดงาน ถ้าประธานาธิบดีไม่ว่าง จะมอบให้รองประธานาธิบดี และ/หรือ รัฐมนตรีต่างประเทศมาแทน ในช่วงที่ผมอยู่อินโดนีเซีย (ระหว่างปี 2016-2019 ในฐานะเลขาธิการสมัชชารัฐสภาอาเซียน หรือ AIPA) ผมได้ร่วมงานทั้ง 3 ปี เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า ถ้าผมไม่ได้อยู่ที่นั่น ผมไม่มีวันและไม่มีทางจะบินไปอินโดฯ เพื่องานอาเซียนโดยเฉพาะ แล้วถ้าตามความเป็นจริง อยู่ๆ ผมจะเดินเข้าไปคงไม่ได้อยู่ดี
ตอนที่ผมอยู่อินโดฯ ASEC ยังเป็นตึกเก่าอยู่ อาคารใหม่ยังสร้างไม่เสร็จ ดังนั้นบรรยากาศในตึกเก่ามันดู Classic คงไม่ต่างกับคนที่คุ้นเคยกับบรรยากาศอาคารรัฐสภาเดิมของเรา กับบรรยากาศอาคารรัฐสภาใหม่ ซึ่งผมยอมรับว่า ทั้ง ASEC ใหม่ และรัฐสภาใหม่ (ของเรา) ผมยังไม่เคยเข้าและไม่เคยสัมผัส ผมเลยไม่รู้ว่าบรรยากาศในอาคารใหม่ของทั้งสองที่นั้นเป็นอย่างไรครับ
แต่สำหรับ ASEC เก่า บรรยากาศมันคุ้นเคย แล้วไม่มีอะไรซับซ้อน เดินเข้ามาในอาคารปุ๊บ เจอห้องโถงปั๊บ และแขกผู้มีเกียรติก็ยืนพูดคุยและทักทายกัน พอสักพักหนึ่งจะเข้าไปในหอประชุมใหญ่ ที่บรรจุคนได้ประมาณ 300-500 คน ซึ่งในหอประชุมก็จะมีตัวแทนรัฐบาลอินโดนีเซียเปิดงานด้วยคำกล่าว สรรเสริญความเป็นอาเซียน ตามด้วยเลขาธิการอาเซียนสรรเสริญความเป็นอาเซียนอีกทีหนึ่ง บางปีจะมีการแสดงบ้าง บางปีจะมีการถ่ายทอดบ้าง
เสร็จพิธีการทั้งหลาย แขกผู้มีเกียรติทุกท่านจะเดินออกจากห้องเพื่อสังสรรค์ต่อ ซึ่งที่ ASEC จะไม่มีการเลี้ยงอาหารอย่างเป็นทางการ แต่ห้องนิทรรศการก็จะมี ซุ้มอาหารจากประเทศสมาชิกมาร่วมงานด้วย ตรงนั้นแหละครับจะเป็นหัวใจของงาน เป็นสีสันและความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นใครในโลกนี้ก็ตาม ทุกคนจะชอบชิมและลองอาหารจากหลากหลายประเทศ เพราะโอกาสที่จะกินในสิ่งที่ไม่คุ้นเคยมันไม่ง่าย และงานระดับ ASEAN Day สถานทูตทุกแห่งต้องนำอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของประเทศเขามา
นอกจากประเทศ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนนั้น จะมีประเทศ Dialogue Partner ร่วมงานและออกบูธด้วย ดังนั้น นอกจากอาหารในอาเซียนแล้ว ก็ยังมีอาหารจีน ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย แคนาดา และประเทศอื่นๆ ที่เป็น Dialogue Partner มาร่วม เลยยิ่งสนุกไปใหญ่ สำหรับประเทศใดที่ไม่ได้เอาอาหารมา ก็จะมีการขายของจากประเทศนั้นๆ เลยทำให้มีสีสันมากขึ้น
ผมเข้าใจดีว่า อาเซียนเป็นเป้าที่จะต่อว่า มันง่ายที่จะบอกว่าอาเซียนมีปัญหานั่นนี่นู่น ไร้ความหมายนั่นนี่นู่น และไร้ประโยชน์นั่นนี่นู่น ซึ่งพูดไปก็เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่มันจริงทั้งนั้น เอาเข้าจริงถ้าผมไม่พูดถึงเรื่อง ASEAN Day พวกเราจะสนใจ ASEAN Day ไหมครับ?
อย่างที่ผมบอกตั้งแต่แรก ที่พวกเราในประเทศไทยไม่สนใจอาเซียน หรือ ASEAN Day ไม่เป็นเรื่องแปลก คนที่อยู่พนมเปญ สิงคโปร์ บรูไน เวียงจันทน์ ย่างกุ้ง หรือที่อื่นในอาเซียน ความรู้สึกคือ อาเซียนไกลตัว มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราแม้แต่นิดเดียว แล้วคนในจาการ์ตาเอง เขารู้สึกอย่างไร? เพราะ ASEC ตั้งอยู่ที่นั่น ถ้าคุณไม่ได้เกี่ยวข้องกับแวดวงทูต แวดวงองค์กรระหว่างประเทศ หรือแวดวงอาเซียนนั้น คนอินโดฯ เอง ไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับอาเซียนเช่นเดียวกันครับ อย่าว่าแต่คนอินโดฯ ทั่วประเทศ คนจาการ์ตาเองไม่ได้รู้สึกภูมิใจ หรือผูกพันอะไรเกี่ยวกับอาเซียนและ ASEC ครับ
เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย และเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงที่ขวางการเป็น ASEAN Community ที่แท้จริง ถ้าเอาความจริงมาพูดกัน คนธรรมดาๆ อย่างพวกเรามีอคติเกี่ยวกับอาเซียน ในใจของเรา เรามักจะบอกว่า พวกเราไม่มีโอกาสได้สัมผัส หรือเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับสมาชิกอื่นในอาเซียน เลยทำให้เราไม่ค่อยใส่ใจหรือสนใจอาเซียน ผมบอกเลยว่า ไม่ใช่ครับ อย่าโกหกตัวเองเลยครับ
โลกสมัยนี้มันแคบลง และมันสัมผัสกันได้ปลายนิ้วมือของเรา ถ้าเราอยากรู้อะไร เราก็สามารถรู้ได้ อยู่ที่ว่าเราอยากรู้หรือไม่ อยู่ที่ว่าเราจะสนใจหรือไม่
ผมถึงบอกว่า การที่อาเซียน และ/หรือ ASEC เป็นเป้าและเป็นแพะรับบาปในเรื่องทุกเรื่อง ถือว่าเป็นเป้าที่ง่าย และเป็นเป้า ที่สะดวก แต่ที่อาเซียนของเราเป็นเช่นนี้ ที่ ASEAN Community ของเราเป็นเช่นนี้ เราจะโยนความผิดทั้งหมดที่อาเซียน กับ ASEC ไม่ได้นะครับ เราต้องมองตัวเราเองเหมือนกัน เราต้องมองตัวเราเองว่า เราสนใจความเป็นอาเซียนมากน้อยแค่ไหน? และสำคัญไปกว่านั้นคือ เราอยากสนใจความเป็นอาเซียนมากน้อยแค่ไหนมากกว่า
ในแวดวงวิชาการ หรือเวลาใครจะปาฐกถาเรื่องอาเซียน ทุกคนมักจะเอาปัญหาอาเซียนมาพูด ซึ่งปัญหามีอยู่มากมาย และทางอาเซียนกับ ASEC สมควรโดนด่าจริงๆ เพราะเขาอยู่ในโลกของเขา แต่ที่เขาอยู่ในโลกของเขาได้ เพราะพวกเราที่อยู่ในโลกของเราไม่สนใจเรื่องอาเซียนเองต่างหาก แต่ถ้าให้ความเป็นธรรมกับพวกเรา มันเหมือนปัญหางูกินหาง หรืออะไรมาก่อนอะไรระหว่างไก่หรือไข่
อาเซียนเป็นเช่นนี้เพราะเขาทำตัวไม่น่าสนใจ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของพวกเรา พวกเราเลยไม่สนใจ เป็นเช่นนั้นใช่ไหมครับ? หรือเป็นเพราะพวกเราไม่ใส่ใจและไม่สนใจอาเซียน เขาเลยอยู่ในโลกของเขาได้ โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าพวกเราคิดหรือใส่ใจอย่างไร?
เวลาผมบรรยายเกี่ยวกับอาเซียน ผมจะไม่เอาปัญหาของอาเซียนมาโจมตีเล่นๆ เหมือนคนอื่นทั่วไป เพราะผมถือว่าอาเซียนเป็นเป้าที่ง่าย แล้วทุกคนก็จะเออออเหมือนกัน แต่ผมจะพูดอยู่เสมอว่าที่อาเซียนเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะพวกเราไม่สนใจและไม่ใส่ใจ ความจริงอาเซียนเป็นอย่างที่เราอยากให้เป็นได้เลย ถ้าเราใส่ใจและสนใจ แต่ถ้าพวกเราเพิกเฉย อาเซียนจะอยู่ในโลกของเขา แล้วเขาก็จะไปของเขา โดยที่พวกเราไม่รับรู้อะไรก็ได้ และเขาก็ทำเช่นนั้นครับ
ดังนั้นเวลาใครก็แล้วแต่จะมาด่าอาเซียน หรือด่า ASEC ผมว่าก่อนที่จะด่าเขา ด่าตัวเองก่อนดีกว่าไหม? ที่อาเซียนเป็นอย่างที่เป็นทุกวันนี้ ก็เพราะพวกเรามีส่วนให้เป็นเช่นนี้ครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
President Biden….You’re a Good Dad
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีสารพัดเรื่องที่น่าสนใจและน่าเขียนถึง เรื่องแรกต้องเป็นเรื่องประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ เพราะเป็นเรื่องไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นการประกาศฟ้าผ่าทีเดียว
คุยเรื่อง…ที่ไม่ใช่เรื่อง
เผลอแป๊บเดียว วันนี้เราเข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ถือว่าเราเข้าฤดูกาลซื้อของขวัญสำหรับคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ตามห้างต่างๆ
'ศาลอาญาระหว่างประเทศ….มีไว้ทำไม?'
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court หรือ ICC) ได้ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย
ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้
ผมจะไม่แปลกใจถ้าTrumpชนะ….แต่ผมจะแปลกใจถ้าHarrisแพ้
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี