เมื่อเวียดนามลากคอระดับ รัฐมนตรีทุจริตหลายคนเข้าคุก!

เวียดนามปราบคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังมาหลายปีแล้วเพราะตระหนักว่าถ้าไม่ปราบเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวงก็มิอาจจะพัฒนาประเทศอย่างที่รับปากกับประชาชนได้

ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาศาลเวียดนามสั่งจำคุกผู้ต้องหา 54 รายในคดีอื้อฉาวที่สุดครั้งหนึ่งในประเทศที่โยงไปถึงพฤติกรรมโกงกินของคนในคณะรัฐมนตรีด้วย

หนึ่งในผู้ที่ถูกจำคุกเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการต่างประเทศ

ผู้ถูกตัดสินในข้อหาคอร์รัปชั่นรอบนี้ถูกจับได้ว่าร่วมกันกระทำผิดเพราะมีส่วนพัวพันในแผนการหลอกลวงเงินจากประชาชนเวียดนามที่อยู่ต่างประเทศ

To Anh Dung อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนามถูกตำรวจนำตัวขึ้นศาลในข้อหาพิจารณาคดีระหว่างการพิจารณาคดีส่งตัว
กลับประเทศในกรุงฮานอยเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยโยงถึงการใช้บริษัทและนักการทูตที่สมรู้ร่วมคิดในการหลอกลวงคนเวียดนามกันเองว่าจะสามารถช่วยให้กลับบ้านได้ในช่วงการระบาดของโควิด-19

ทั้ง ๆ ที่เป็นการต้มตุ๋น อาศัยตำแหน่งทางการของตนในการหลอกเอาเงินของคนเวียดนามขณะที่กำลังประสบกับปัญหาของโรคภัยไข้เจ็บอย่างแสนสาหัส

ศาลอ่านคำพิพากษาแจ้งว่าพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ใช้ช่วงจังวะในขณะที่กำลังอยู่ในภาวะวิกฤตของโรคระบาดไม่มีเที่ยวบินของสายการบินพาณิชย์เดินทางไปเวียดนาม

โดยผู้ร่วมกันโกงกินกลุ่มนี้อ้างว่าชาวเวียดนามเหล่านั้นสามารถกลับประเทศด้วยเที่ยวบินพิเศษ,,,ถ้าพร้อมจะควักกระเป๋าจ่ายเงินพิเศษ

ทางการเวียดนามแจ้งว่าการดำเนินคดีในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำการเอาจริงเอาจังกับนโยบายยกระดับมาตรการปราบปรามทุจริตของรัฐบาลเวียดนาม

จะเห็นว่าเวียดนามดำเนินตามแนวทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนที่ฟันข้าราชการและระดับสูงในรัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับสินบาทคาดสินบนอย่างจริงจัง

รัฐบาลจีนจัดการฟ้องข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงแล้วไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนเพื่อให้ประชาชนเห็นว่าการปราบปรามเจ้าหน้าที่ฉ้อฉลเป็นวาระแห่งชาติที่แท้จริง

มิใช่เป็นเพียงนโยบายบนกระดาษที่สวยหรูเท่านั้น

ที่เวียดนาม หลายปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หลายร้อยคนถูกสอบสวนเมื่อมีการร้องเรียนเรื่องรีดไถและโกงกิน

มีจำนวนไม่น้อยที่เมื่อพบว่ามีพฤติกรรมที่น่าตำหนิเช่นนี้ก็จะถูกบังคับให้ลาออกจากตำเเหน่ง

ในจำนวนนั้นรวมถึงอดีตประธานาธิบดีเหงียน ซวน ฟุก และรองนายกรัฐมนตรี 2 คน

ซึ่งเคยเป็นข่าวเกรียวกราวทั่วโลกมาแล้วเมื่อต้นปีนี้

ในกรณีล่าสุดนี้ เจ้าหน้าที่รัฐ 25 คน ถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการที่รับสินบนมูลค่า 1.75 แสนล้านดอง หรือกว่า 250 ล้านบาท

เหวียน ซวน ฟุก ที่ขอลาออกจากตำแหน่ง ประธานาธิบดีเวียดนามอย่างกระทันหันเพราะคดีคอร์รัปชั่นระดับสูง

ระดับอาวุโสที่สุดที่ถูกศาลสั่งจำคุกคืออดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ โท อัน ดัง ผู้ต้องรับโทษจำคุก 16 ปี

โดยคำพิพากษาแจ้งว่าได้พบว่าเขามีความผิดจากการรับสินบน 2.15 หมื่นล้านดอง

อีกคนหนึ่งที่ถูกสั่งจำคุดคืออดีตเอกอัครราชทูตทูตเวียดนามประจำญี่ปุ่น วู ฮอง นาม

คนนี้ถูกตัดสินจำคุก 30 เดือน

และเอกอัครราชทูตเวียตนามประจำมาเลเซีย ทราน เวียด ไทต้องโทษ 4 ปี

อีกคนหนึ่งคือฟาม ตรุง เคียน ผู้ช่วยของรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขเวียดนามซึ่งถูกสั่งจำคุกตลอดชีวิต

ก่อนหน้านี้อัยการได้ฟ้องเรียกร้องให้ศาลสั่งประหารชีวิตจากการรับสินบนเกือบ 4.3 หมื่นล้านดอง

น่าสังเกตว่าการดำเนินคดีครั้งนี้ใช้เวลาที่ค่อนข้างสั้นและรวดเร็วเพื่อต้องการจะตอกย้ำว่าการทำผิดร้ายแรงเช่นนี้จะต้องได้รับการลงโทษอย่างฉับพลันทันการเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่น ๆ อีกต่อไป

โดยการดำเนินคดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม และใช้เวลาทั้งหมด 18 วัน

สั้นกว่าที่วางแผนไว้ 12 วัน

ที่น่าจะโยงกับคดีนี้ก็คือการประกาศเมื่อต้นปีนี้ของ เหวียน ซวน ฟุกที่ขอลาออกจากตำแหน่ง ประธานาธิบดีเวียดนาม อย่างกะทันหัน

เชื่อกันว่าเป็นเพราะพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามต้องการให้เขาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐที่อยู่ใต้บังคับบัญชาในช่วงโควิดระบาด

เมื่อ 17 มกราคม ปีนี้ ข่าวทางการเวียดนาม VNA แจ้งว่า

“ประธานาธิบดีฟุกยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ลาออกจากงาน และเกษียณแล้ว”

และระบุว่า นายฟุกถูกพรรคคอมมิวนิสต์ตัดสินว่า มีส่วนต่อการกระทำผิดของรัฐมนตรีว่าการ ในสมัยที่นายฟุกเป็นนายกรัฐมนตรี ช่วงปี 2559-2564

การลาออกครั้งนั้นถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งสำหรับประเทศคอมมิวนิสต์อย่างเวียดนาม

เพราะโดยปกติแล้วการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอาวุโสขนาดนี้จะต้องไม่แสดงออกอย่างโฉ่งฉ่างเช่นนี้

แต่เป็นเพราะรัฐบาลต้องการจะแสดงถึงความเอาจริงเอาจังกับนโยบายปราบโกงในระดับสูง จึงต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยต้องทำมาก่อน

แม้จะเป็นเรื่องที่สร้างความกระอักกระอ่วนกับระดับผู้นำของประเทศก็จำเป็นต้องทำ

เพื่อรักษาสถานภาพและความน่าเชื่อถือของพรรคและรัฐบาลเวียดนามเอาไว้

ก่อนหน้านั้นก็เริ่มมีร่องรอยของเรื่องอื้อฉาวแล้ว

โดยรองนายกรัฐมนตรี 2 คน ได้แก่ นายฟาม บินห์มินห์ และนายวู ดุก ดาม ถูกปลดจากตำแหน่ง จากข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่น

               โดยนายมินห์เป็นรัฐมนตรีว่าการกิจการต่างประเทศ

ส่วนนายดามมีความรับผิดชอบโดยตรงในการบริหารรับมือสถานการณ์โรคระบาด

ช่วงระบาดของโควิดนั้น เวียดนามปิดพรมแดนเพื่อสกัดการระบาดของโควิด

ทางการเวียดนามได้จัดเครื่องบินเช่าเหมาลำนำคนเวียดนามที่อยู่ในต่างแดน 60 ประเทศและดินแดนกลับบ้านเพื่อให้ได้รับการดูแลรักษา

แต่คนเวียดนามจำนวนไม่น้อยบ่นเสียงดังว่าต้องเผชิญกับปัญหาสารพัด

รวมถึงขั้นตอนที่ต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินและค่าธรรมเนียมกักตัวที่สูงเกินไปมาก

เป็นที่มาของการสอบสวนข้อร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

ซึ่งท้ายที่สุดนำไปสู่การตั้งข้อหาคนสำคัญตั้งแต่ระดับรองนายก, รัฐมนตรี, รัฐมนตรีช่วย, นักการทูตและนักธุรกิจที่สมคบกันต้มตุ๋นประชาชนของตนเองอย่างเหลือเชื่อ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ