'คนโกง'กับ'อภัยโทษ'

วานนี้ (๙ ธันวาคม) วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล

กติกาเรื่องคอร์รัปชันกับความเป็นจริงในประเทศไทย บางครั้งมันก็ไปด้วยกันไม่ได้

สองสามวันมานี้ มีประเด็นใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง ให้วิพากษ์วิจารณ์กันเยอะพอสมควรทีเดียว

พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ วันที่ ๕ ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ และได้รับพระราชทานลดวันต้องโทษอีกกว่า ๑.๓ แสนราย

ในนั้นเป็น นักการเมือง อดีตข้าราชการระดับสูง และนายทุน ที่ถูกศาลพิพากษาคดีคอร์รัปชันรวมอยู่ด้วยหลายคน อาทิ

บุญทรง เตริยาภิรมย์ 

ภูมิ สาระผล

จุฑามาศ ศิริวรรณ 

และอภิชาติ (เสี่ยเปี๋ยง) จันทร์สกุลพร เป็นต้น

ประเด็นที่ตั้งเป็นคำถามคือ ในเมื่อคดีคอร์รัปชัน เป็นคดีสำคัญ ถึงขนาดมีการแก้ไขกฎหมายไม่ให้มีอายุความ

ในเมื่อเราตระหนักถึงภัยคุกคามจากการคอร์รัปชันขนาดนั้น แล้วทำไมหลักเกณฑ์การขออภัยโทษกลับไม่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันด้วย

ประเทศไทยต้องทำอะไรสักอย่างหรือไม่

หรือปล่อยไว้แบบนี้

นักการเมืองโกง ติดคุกไม่กี่ปีก็หลุดออกมา

ครับ...วุฒิสมาชิกสมชาย แสวงการ แสดงความเห็นประเด็นนี้ได้ตรงไปตรงมาที่สุด

"...โปรดอ่านซ้ำอีกครั้ง คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง คดีจำนำข้าว เมื่อ ๒๘ พ.ค.๒๕๖๒ เมื่อ ๒ ปีที่แล้ว ตัดสินจำคุกจำเลยในคดีสูงสุด ๕๐ ปี ๔๘ ปี ๔๒ ปี ๔๐ ปี ๓๖ ปี ๓๒ ปี ๒๔ ปี ๑๖ ปี ๘ ปี ๔ ปี กว่าศาลฎีกาจะพิพากษานั้นต้องพิจารณาทั้งสำนวน พยานหลักฐานและพยานบุคคลจนสิ้นสงสัย

แต่คำพิพากษานั้นแทบจะไร้ความหมาย? เมื่อมีปัญหาว่าราชทัณฑ์มีอำนาจเหนือตุลาการ?

คำพิพากษาที่ถึงที่สุดหรือของศาลฎีกา ถูกยกเลิก เพิกถอน โดยอำนาจที่ไม่ใช่อำนาจตุลาการ โดยอาจอ้างเพียง "เพื่อการบริหารคนไม่ให้ล้นคุก ประหยัดงบประมาณ"

แต่ลืมไปเสียซึ่งหลักการลงโทษทางอาญา ทฤษฎีการลงโทษ ทฤษฎีป้องกันปราบปราม ทฤษฎีตัดผู้กระทำผิดบุคคลอันตรายออกจากสังคม ฯลฯ

คดีทุจริตจำนำข้าวมีความเสียหายมากถึง ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท

มีชาวนาฆ่าตัวตาย ๒๓ คน

มีการชุมนุมประท้วงของ กปปส.และพี่น้องประชาชนหลายล้านคน เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกและนำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายของประชาชนจากการถูกยิงด้วยอาวุธสงครามและระเบิดมือจำนวนมาก จนนำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึกวันที่ ๒๐ พ.ค.

และนำไปสู่การยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อ ๒๒ พ.ค.๒๕๕๗ และริเริ่มการปฏิรูปในทุกๆ ด้าน ตามข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชน รวมทั้งข้อสัญญาที่จะมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

แต่สิ่งที่ปรากฏในวันนี้คือ การที่ราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจเหนือคำพิพากษาศาลฎีกาหรือไม่ ในการสามารถใช้กฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติ ให้อำนาจผู้บัญชาการเรือนจำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการราชทัณฑ์ที่มีสามารถมีอำนาจเหนือตุลาการ?..."

และวุฒิสมาชิกสมชาย เรียกร้องไปยัง นายกฯ ลุงตู่ พิจารณาแก้กฎหมาย พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ แก้กฎกระทรวง ฯลฯ

พร้อมทั้งตรวจสอบว่ามีการฉ้อฉล ในชั้นการควบคุมของผู้บัญชาการเรือนจำ หรืออธิบดีหรือระดับคณะกรรมการอย่างไร

นี่ไม่ใช่ประเด็นเล็กๆ ครับ แต่ใหญ่มากเกี่ยวเนื่องไปถึงทิศทางนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันของไทยในอนาคต

ต้องยอมรับว่า กฎหมายมีช่องโหว่

ที่ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อ้างว่าไม่ได้เป็นการใช้อำนาจโดยพลการหรือเลือกปฏิบัติให้ผู้หนึ่งผู้ใด แต่เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ สำหรับพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ เป็นกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมไม่ได้มีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขโทษ

มันก็ถูกของ "สมศักดิ์"

ไม่มีการทำผิดกฎหมาย แต่เป็นการบริหารกฎหมาย เอื้อประโยชน์ให้คนบางคนบางกลุ่มอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ หลักเกณฑ์การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปนั้น พระมหากษัตริย์ทรงพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษเด็ดขาดทุกคนโดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นเป็นการสมควรถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ขอให้พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องโทษ  

การพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไปนี้มักจะเกิดขึ้นในวโรกาสมหามงคลต่างๆ เช่นเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษก หรือพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก เป็นต้น

ส่วนหลักเกณฑ์การได้รับพระราชทานอภัยโทษของนักโทษเด็ดขาดผู้ใดจะได้รับพระราชทานอภัยโทษเท่าใดนั้น รายละเอียดจะกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษที่ตราขึ้นในแต่ละครั้ง

มีหลักเกณฑ์อยู่ ๓ ประการ คือ

การได้รับพระราชทานอภัยโทษให้ปล่อยตัว

การได้รับพระราชทานอภัยโทษให้ลดโทษ

การไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ

พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๔

มาตรา ๑๔ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๖ นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ไม่อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้

 (๑) นักโทษเด็ดขาดซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว

 (๒) ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกินแปดปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ภายหลังวันที่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.๒๕๖๔ ใช้บังคับ ในความผิดฐานผลิต นำเข้า หรือส่งออก หรือผลิต นำเข้า หรือส่งออกเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ กฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท

 (๓) ผู้กระทำความผิดซ้ำ และมิใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม

 (๔) นักโทษเด็ดขาดชั้นต้องปรับปรุงหรือชั้นต้องปรับปรุงมาก

กลุ่มนักการเมือง อดีตข้าราชการระดับสูง พ่อค้านายทุน ที่ร่วมก๊วนโกงและติดคุกอยู่ ไม่เข้าข่ายมาตรา ๑๔ นี้ครับ

ก็ต้องตั้งคำถามดังๆ ถึงล้อมคอกแล้วหรือยัง

ในเมื่อคดีคอร์รัปชันถูกแก้ไขในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๒๕ ว่า

"ในการดําเนินคดีอาญาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เมื่อได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลแล้ว ให้อายุความสะดุดหยุดลง

ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาหรือจําเลยหลบหนีไปในระหว่างถูกดําเนินคดี หรือระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มิให้นับระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาหรือจําเลยหลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ"

แล้วทำไมคนโกงรับโทษไม่สาสมกับความผิดที่ก่อไว้

กระบวนการพิจารณาลดโทษที่สุดท้ายไปอยู่ในมือนักการเมือง อาจทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทด้วยซ้ำ

ถึงเวลาสังคายนาเสียที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทลายทุนผูกขาด

ชื่นใจ... ชื่นใจในความรวยของเศรษฐีไทยครับ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ ๓๑ แล้วครับ

นายกฯ ฝึกงาน

ขยี้ตาสิบที... แถลงผลงานในรอบ ๓ เดือนแน่นะ "อิ๊งค์" ไปดูอีกทีกับการแถลงข่าววานนี้ (๑๒ ธันวาคม)

ชะตากรรม 'นายกฯ ชินวัตร'

วันนี้ (๑๒ ธันวาคม) นายกฯ อิ๊งค์ แถลงผลงาน อยากรู้ว่าผลงานมีอะไรบ้าง เชิญเฝ้าหน้าจอสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือช่อง ๑๑ นั่นแหละครับ

ง่ายๆ แค่เลิกโกง

อาจถึงขั้นเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลกันเลยทีเดียวครับ... หากพรรคเพื่อไทย จะเอาให้ได้ กับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ด้วยการจับยัดเข้าสภาฯ ก็สามารถยึดอำนาจกองทัพได้สำเร็จครับ