ฮื่ออ์อ์อ์...ดูจาก “ภาษากาย” หรือจากกิริยา-อาการ ท่าทาง “พี่น้อง 3 ป.” เขายังน่าจะลิงจั๊กๆ น่าจะรักกันจริงๆ หรือน่าจะเหนียวแน่น หนึบหนับ ระดับสามารถจับพง จับพุง หยอกล้อกันชนิดน่ารัก-น่าใคร่ซะเหลือเกิน หรือระดับคงมีแต่ความตายเท่านั้น...ที่จะพรากฉันไปจากเธอ!!! ดังที่ “ลุงป้อม” ท่านว่าไว้ โดยมิอาจผันแปรไปเป็นอื่น...
-------------------------------------------------------
แต่สำหรับบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย...ที่ร่วมประกอบขึ้นมาเป็น “รัฐบาล” นี่สิ!!! เผลอเมื่อไหร่...อาจโดนเอามีดเสียบพุงขึ้นมาดื้อๆ เอาเลยก็ไม่แน่ ไม่ว่าจะในระหว่างพรรคต่อพรรค หรือภายในพรรคเดียวกันเอง โดยเฉพาะพรรค “พปชร.” หรือ “พลังประชารัฐ” ที่ “ลุงป้อม” ท่านนั่งแท่นเป็นหัวหน้าอยู่ในทุกวันนี้
โอกาสที่แนวโน้มแห่งความรัก จะเป็นไปตามแบบฉบับ “เลิฟ มี เลิฟ มาย ด๊อก” อะไรทำนองนี้ ดูๆ แล้ว...น่าจะยากเย็น แสนเข็ญ เต็มที ด้วยเหตุเพราะกิริยา อาการ ระหว่าง “บิ๊กตู่” กับ “ผู้กองแป้ง” ซึ่งต่างก็น่าจะเป็นที่รักของ “ลุงป้อม” ไปด้วยกันทั้งคู่ มันยังออกไปทาง “แหม่งๆ” ชนิดแทบไม่รู้ว่าใครหรือใครอาจถูกเอามีดเสียบพุง กันตอนไหน เมื่อไหร่ ก็ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน...
----------------------------------------------------------
ส่วนระหว่างพรรคต่อพรรคนั้น...การคิดที่จะอาศัยความรักล้วนๆ ยังไงๆ...คงมิอาจเป็นไปได้อยู่แล้วแน่ สำหรับสิ่งที่เรียกว่า “การเมือง” ตามปกติธรรมดาโดยทั่วไป คืออย่างน้อย...มันคงต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า “ผลประโยชน์” นั่นแหละเป็นสำคัญ ส่วนอะไรที่ฟังดูหะรูหะรา ประเภทอุดมการณ์-อุดมคติ หรือแนวทาง-แนวนโยบาย อะไรประมาณนั้น อันนั้น...ถือว่ามีเอาไว้เพื่อให้เกิดความไพเราะ เสนาะหู ไปเป็นพักๆ แม้จะไหลเข้าไปทางหูซ้าย แต่ย่อมสามารถทะลักออกมาทางหูขวาเอาง่ายๆ ถ้าหากสิ่งที่เรียกว่า “ผลประโยชน์” มันดันไม่ตรงกัน หรือดันขัดแย้งซึ่งกันและกัน โอกาสที่ฝ่ายใด-ฝ่ายหนึ่ง พรรคใด-พรรคหนึ่ง จะถูกพรรคที่เอามือไขว้หลัง คว้ามีดมาเสียบพุง ย่อมเป็นไปได้เสมอๆ...
---------------------------------------------------------------
ดังนั้น...การสร้างความเหนียวแน่น หนึบหนับ ระหว่างความเป็นพรรคร่วมรัฐบาล มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มากมายซักเท่าไหร่นัก เผลอๆ...อาจต้องถือเป็น “ศิลปะ” ชั้นสูงเอามากๆ ชนิดไม่ว่า “ศิลปินแห่งชาติ” รายใดต่อรายใดก็ยังมิอาจลอกแบบเลียนแบบได้เลย คือต้องอาศัยทั้งบุคลิก ลักษณะ ตบะและบารมี ความเข้าถึง-เข้าใจต่อ “ธรรมชาติทางการเมือง” ไปจนถึงต่อ “นักการเมือง” ในแต่ละตัว แต่ละราย ซึ่งล้วนแล้วแต่เข้าใจยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะต่างก็แทบไม่ผิดอะไรไปจาก “สัตว์ประหลาด” หรือสัตว์ที่มีลักษณะพิเศษ ต่างไปจากสัตว์มนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไป ไม่ว่าขนาดและลักษณะของฟัน ที่ออกไปทาง “เขี้ยวยาวเฟื้อยเลื้อยลากดิน” หรือผิวหนังที่หนาเปอะปะ ประมาณชามกระเบื้องราชวงศ์ถัง แถมบางรายยังมีปีก มีหาง และพ่นไฟได้ด้วย ฯลฯ...
--------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...การดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยความร่วมมือของบรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองทั้งหลาย มันจึงต้องอาศัยองค์ประกอบหลายต่อหลายอย่างด้วยกัน ทั้ง “พระเดช” ทั้ง “พระคุณ” ทั้งบุคลิกลักษณะระดับที่ “นักเลง” ต้องเรียกเฮีย “มาเฟีย” ต้องเรียกพี่ อะไรทำนองนั้น จะไปขี้หงุดหงิด ฉุนฉิว กริ้วโกรธ แบบพวก “จิ๊กโก๋ปากซอย” ไม่ได้เป็นเด็ดขาด ถึงแม้จะมีวุฒิสมาชิกอยู่ในกระเป๋ากุงเกง ถึง 250 พระหน่อไปแล้วก็เถอะ หรือต้องออกไปทางคล้ายๆ “ป๋าเปรม” ท่านนั่นแหละ เรียกว่า...แค่ตวัดสายตาไล่มาตั้งแต่ปลายเท้าไปถึงศีรษะ แล้วเอ่ยถ้อยคำสั้นๆ ด้วยเสียงทุ้มๆ ต่ำๆ ว่า “กลับบ้านเถอะ...ลูก” ประมาณนั้น แม้ไม่มีเสียงหมาหอนสอดรับ แต่ก็เล่นเอาใครต่อใคร มีสิทธิ์ขนลุก ขนพอง นอนไม่หลับ ฝันไม่ลง กันไปเป็นคืนๆ...
------------------------------------------------------
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม...ผ่านมาแค่ 8 ปีเท่านั้น “ป๋า” ก็ไม่เอาแล้ว...“ผมพอแล้ว!!!” ไม่คิดจะ “อยู่ยาวว์ว์ว์” ไม่คิดจะปวดเศียรเวียนเกล้ากับการสืบต่อสืบทอดอำนาจใดๆ ต่อไปอีก อันอาจผิดแผกแตกต่างไปจาก “บิ๊กตู่” ของหมู่เฮาอยู่พอสมควรในแง่นี้ ที่แม้ว่าจะใกล้ๆ 8 ปีเข้าไปทุกที แต่ก็ยังดู “เฟรช” ดูกระเหี้ยนกระหือรือมิใช่น้อย ต่อ “การเลือกตั้งครั้งใหม่” ที่กำลังจะมาถึงซักเมื่อไหร่ ตอนไหน ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ โดยเฉพาะการออก “เดินสาย” ไปเยี่ยมบ้านโน้น เมืองนี้ คนโน้น คนนี้ หรือแม้แต่การ “จับพุง” คุณ “ลุงป้อม” ก็เถอะ ก็อาจถือเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของการอยู่-การไป อย่างชนิดไม่จำเป็นต้องอธิบาย แต่อาจพอสรุปได้ประมาณว่า...คงมีแต่ความตายเท่านั้น ที่จะพรากฉันไปจากเธอ ทำนองนั้น...
--------------------------------------------------------
การแสดงออกถึงภาษากาย หรือภาษาใจที่ใครต่อใครแปลความไปต่างๆ นานาก็ตาม...สำหรับการ “อยู่ยาวว์ว์ว์” ของ “บิ๊กตู่” จึงไม่เพียงเป็นสิ่งที่ค่อนข้าง "ท้าทาย" ต่อขีดความสามารถ ศิลปะ บุคลิกลักษณะ ความเข้าถึง-เข้าใจ อันเป็นลักษณะเฉพาะของตัวบุคคล หรือปัจเจกบุคคลเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงฉากสถานการณ์ความเป็นไปของสังคมไทย ประเทศไทย หรือของโลกอีกด้วยต่างหากว่าจะสอดคล้องรองรับ กับความมุ่งมาดปรารถนาในลักษณะดังกล่าว มากหรือน้อยขนาดไหน??? แน่ล่ะว่า...ถ้าหากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ก็ดีไป!!! แต่ถ้าหากแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันไม่เป็นไปตามนั้น อันนี้...คงหนีไม่พ้นต้อง “ตัวใคร-ตัวมัน” กันไปตามสภาพ...นั่นแล...
----------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก “J. Donald Walters”... “Leadership is an opportunity to serve. It is not a trumpet call to self-importance. – ความเป็นผู้นำ...คือการมีโอกาสรับใช้ผู้อื่น มิใช่เสียงแตรที่ป่าวประกาศความสำคัญของตน”
----------------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น