ครึ่งปีฟัน ตร. 103 นาย

เพื่อให้การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ ที่เกี่ยวข้อง ตร. จึงประกาศลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร. และ จตช. ลงมาถึง รอง ผบก. และให้ข้าราชการตำรวจในสังกัด ตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีลำดับอาวุโสดังกล่าว หากเห็นว่าข้อมูลในการจัดทำลำดับอาวุโสไม่ถูกต้อง สามารถยื่นเรื่องต่อ ตร. (ผ่าน ทพ.) พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาทบทวนได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันประกาศลำดับอาวุโส จากนั้นก็เข้าสู่โหมดทำบัญชีแต่งตั้ง ที่ว่ากันว่า ก.ตร.จะเคาะเก้าอี้ "ผบ.ตร." ก่อน เมื่อได้ ผบ.ตร.คนใหม่ แล้วจึงถึงคิวทำบัญชีแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2566

ไม่เสียแรง #กู้คืนศักดิ์ศรีตำรวจดีของประชาชน ที่ บิ๊กเอก-พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ติดแฮชแท็กสโลแกนส่วนตัว ตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็น "ตัวแทน" ตำรวจทั่วประเทศ ทำหน้าที่ ก.ตร. เพราะล่าสุด "บิ๊กเอก" โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งความคืบหน้าการกู้คืนศักดิ์ศรีตำรวจดีของประชาชน ในการประชุม ก.ตร.เมื่อวันพุธที่ 26 ก.ค.66 ครั้งที่ 8/2566 วาระสำคัญเรื่องที่ 2 ก.ตร.ได้พิจารณาคำร้องทุกข์ข้าราชการตำรวจที่ถูกย้ายออกนอกหน่วยโดยไม่สมัครใจ จากวาระการแต่งตั้ง 2565 จำนวน 34 ราย มีมติให้เยียวยาและข้อสังเกตให้ย้ายกลับสังกัดเดิม 26 ราย ยกคำร้อง 4 ราย ยุติการพิจารณา 5 ราย เนื่องจากขอถอนคำร้องทุกข์ รวมทั้ง "บิ๊กเอก" บอกถึงการนำเสนอ ก.ตร.พิจารณาแนวทางในการแต่งตั้งตำรวจระดับ "นายพล" เพื่อไปดำรงตำแหน่งในหน่วยงานหลัก อาทิ ผบช.น., ผบช.ภ. หรือ ผบก.น., ผบก.ภ.จว.ใหญ่ๆ ควรจะพิจารณาผู้มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์อย่างไรบ้าง เป็นลำดับไป และหน่วยงานอำนวยการที่เป็นสมองของผู้บังคับบัญชาในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาทิ สกพ., สง.ก.ตร., กมค. ฯลฯ ก็ควรจะสนับสนุนบุคลากรในหน่วยให้เจริญเติบโตตามสายงานได้อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่...ปรบมือดังๆ ครับ

ไหนๆ ก็เอื้อนเอ่ยถึงการประชุม ก.ตร.กันแล้ว นอกจากเรื่องการแต่งตั้งที่น่าสนใจ ที่มีความคืบหน้าไปพอสมควรแล้ว เรื่องการกลั่นกรองน้ำดี ไล่น้ำเสียออกจากหน่วย ก็มีอย่างต่อเนื่อง บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า กรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคล ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของตำรวจประจำเดือน ก.ค.66 มี "ตำรวจ" ถูกลงโทษจำนวน 6 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 5 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 1 นาย โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.66 มีข้าราชการตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้น จำนวน 103 นาย ซึ่งเป็นการไล่ออกจากราชการ จำนวน 84 นาย และปลดออกจากราชการ จำนวน 19 นาย

แห่ชื่นชมกระหึ่มสังคมโซเชียล ภาพเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว 6 วัน ส่งผลให้สภาพการจราจรบริเวณถนนสาย 304 วังน้ำเขียว-ปราจีนบุรี-โคราช มีปริมาณรถมาก เพราะประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี ส.ต.ต.ยศภัทร สนิทพรรณ ตำรวจจราจร สภ.วังน้ำเขียว จว.นครราชสีมา กำลังคอยอำนวยความสะดวกการจราจรบริเวณถนนดังกล่าว แล้วพบสุนัขตัวหนึ่งยืนอยู่แต่ไม่สามารถเดินข้ามถนนไปได้ จึงช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรพาน้องหมาข้ามถนนให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ผู้พบเห็นจึงถ่ายคลิปวิดีโอมาแชร์กันในสังคมโซเชียล จนมีผู้เข้ามาแสดงความชื่นชมจำนวนมาก

เรียกได้ว่าเป็นช่วงการเมือง "หน้าสิ่วหน้าขวาน” ไม่มีผบ.เหล่าทัพ คนไหนกล้าเปิดปากพูดเรื่องการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ยิ่งเป็นสัปดาห์มหามงคลทุกหน่วยมีภารกิจในการจัดกิจกรรมวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมุ่งมั่นทุ่มเทให้งานนี้อย่างเต็มที่ตั้งแต่วันพฤหัสบดี-ศุกร์ที่ผ่านมา เหล่าทัพจัดพิธีถวายพระพรชัยมงคล จัดกิจกรรมจิตอาสากันอย่างคึกคัก ที่กองทัพบก พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี ที่ห้อง 211 ภายในกองบัญชาการกองทัพบก และตอนจบพิธีได้ลงมาชมนิทรรศการด้านล่าง โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษ และให้กำลังใจกำลังพลที่มาบริจาคเลือดเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เมื่อเจอหน้าผู้สื่อข่าวจึงแจ้งล่วงหน้าว่า “วันนี้เป็นวันดี เป็นวันมงคล ไม่พูดเรื่องอื่น”

ขณะที่ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ขอรูดซิปปากไม่ตอบทุกคำถามของสื่อมวลชน บอกแค่เพียงว่าในวันโหวตนายกฯ อีกรอบ ต้องดูภารกิจก่อนว่าติดงานอะไรหรือไม่ ส่วนเรื่อง “ดีลลับลังกาวี” ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าจริงหรือเท็จ แต่หากจัดความสัมพันธ์ต้องเรียกว่า “บิ๊กแก้ว” กับบิ๊กในกระแสข่าวที่เดินทางไปนั้น เป็นเพื่อนซี้ปึ้กกันแบบที่ไว้ใจได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทั้งสองคนจะไปด้วยกัน จนมีหลักฐานโชว์หราในเที่ยวบินพิเศษ และการเดินงานใหญ่ที่คงไม่ใช่การไปเจรจากับมาสเตอร์มายด์เพื่อดับไฟใต้อย่างที่มีการชี้แจงหลังไมค์ คงสำคัญสุดๆ จึงเป็นคำถามที่ยากจะมีคำตอบได้ การเลือกใช้ลูกนิ่งรับมือก็อาจทำให้เรื่องเงียบไปได้ในระดับหนึ่ง

“ผอ.กวาง” พล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) และคณะ เดินทางไปร่วมพิธีรำลึกวาระครบรอบ 70 ปี ข้อตกลงว่าด้วยการยุติสงครามเกาหลี ในฐานะแขกกิตติมศักดิ์ของรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี และศึกษาดูงานด้านกิจการทหารผ่านศึก ณ สาธารณรัฐเกาหลี เมื่อวันที่ 22-29 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามคำเชิญของกระทรวงรักชาติและกิจการทหารผ่านศึกสาธารณรัฐเกาหลี ทั้งนี้ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2493 กองกำลังเกาหลีเหนือได้เปิดสมรภูมิยึดเกาหลีใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ตอบรับคำร้องขอขององค์การสหประชาชาติ เข้าร่วมกองกำลังชาติพันธมิตร 22 ประเทศ จนกระทั่งสงครามยุติลงด้วยการเจรจากองกำลังชาติพันธมิตรได้รับชัยชนะ พร้อมกับยกย่องให้สมญานามทหารไทยว่า “กองพันพยัคฆ์น้อย (Little Tiger)” อันหมายถึงนักรบร่างเล็กที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บที่แหลมคม และเปี่ยมไปด้วยหัวใจที่ห้าวหาญ ซึ่งสงครามในครั้งนั้นประเทศไทยได้ส่งทหารเข้าร่วมรบกว่า 6,200 นาย โดยมีทหารที่เสียชีวิตในสมรภูมิทั้งสิ้น 136 นาย

ขอขอบคุณ กองทัพเรือ กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ และ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ได้มอบเครื่องหมายสหัทยานาวี และประกาศนียบัตรกำกับเครื่องหมาย ประจำปีงบประมาณ 2566 ให้แก่ผู้สื่อข่าวสายทหารหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2566 ที่ห้องชมวัง อาคารราชนาวิกสภา เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ โดยปีนี้มีผู้ได้รับทั้งหมด150 คน เป็นสื่อมวลชน 7 คน จากข้อมูล กระทรวงกลาโหมกำหนดให้มีเครื่องหมายสหัทยานาวี และประกาศนียบัตรกำกับเครื่องหมายของกองทัพเรือ เพื่อมอบแก่บุคคลต่างๆ ที่กองทัพเรือเห็นสมควร หรือเป็นผู้สนับสนุนกองทัพเรือ หรือทำคุณประโยชน์ต่อสาธารณชนและประเทศชาติร่วมกับกองทัพเรือ ด้วยความวิริยอุตสาหะ และเสียสละ โดยมอบหมายให้กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ เป็นหน่วยพิจารณาตัวบุคคลเสนอกองทัพเรือ เพื่อเข้ารับมอบเครื่องหมายสหัทยานาวี