โควิด-19 วิกฤตใหญ่ที่คนทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยได้เผชิญ สร้างความเสียหายอย่างมากมาย โดยเฉพาะเศรษฐกิจทั่วโลกที่พักพินาศ ต่างก็ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นจนกลายมาเป็นโจทย์ใหญที่ทุกประเทศต้องเร่งแก้ไข เช่นเดียวกับประเทศไทย นอกจากจะต้องเร่งแก้โจทย์เหล่านี้ให้ได้เร็ววัน แล้วยังต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องการเมืองที่ยังคงเป็นปัจจัยลบกับการเติบโตและฟื้นฟูประเทศ โดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน ทำให้ภาคเอกชนต่างมีความวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทย
ซึ่ง เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ระบุว่า
การเสนอชะลอการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน 10 เดือนนั้น ภาคการเมืองต้องชั่งน้ำหนักว่าเศรษฐกิจไทยจะรับไหวหรือไม่ ไทม์ไลน์ที่ภาคเอกชนเคยประเมินไว้คือเดือนสิงหาคม ต้องจัดตั้งรัฐบาลได้ และเข้ามาทำหน้าที่เดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นจุดที่คำนวณความเสี่ยงว่าอยู่ในจุดที่ยังพอรับได้ แต่หากช้าไปมากกว่านั้น ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นยิ่งมีต้นทุนที่สูงขึ้น และยังประเมินไม่ได้ว่าจะสร้างความเสียหายแค่ไหน
เช่นเดียวกับ วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย มองว่า จำเป็นต้องมีรัฐบาลให้เร็วที่สุด เพื่อจะไม่ให้เกิดภาวะสุญญากาศ และเข้ามาบริหารจัดการเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวขณะนี้ ซึ่งการเสนอให้มีรัฐบาลรักษาการนานถึง 10 เดือน เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ต่างชาติหนีไปลงทุนประเทศอื่น ประเทศจะขาดการลงทุนใหม่จำนวนหลายแสนล้านบาทในช่วง 10 เดือน-1 ปี
ขณะที่ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KK ระบุว่า การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าอาจทำให้เกิดสุญญากาศทางเศรษฐกิจ ประกอบกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกามีปัญหา ยิ่งทำให้ไทยได้รับผลกระทบ และล่าสุดคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวมองว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ทำให้เกิดความกังวลจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะการอนุญาตให้ทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย แม้ว่าจะมีจำนวนผู้เข้ามาลงทุน แต่จำนวนเม็ดเงินกลับน้อยลงถึง 30%
นอกจากนี้ ฝ่ายยุทธศาสตร์ของประเทศอย่าง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ โดยเลขาธิการ ดนุชา พิชยนันท์ มองว่า การที่รัฐบาลรักษาการยาวนานออกไปจะกระทบกับการบริหารราชการแผ่นดินในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องของการจัดทำงบประมาณ และการทำงบประมาณการลงทุนที่ไม่สามารถทำได้ในส่วนที่เป็นงบลงทุนใหม่ หากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าออกไปกว่า 10 เดือน ถือว่าเป็นสมมุติฐานที่ยาวนานที่สุด ก็จะกระทบกับการจัดทำงบประมาณถึง 3 ปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 67-69 ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะปกติการจัดทำงบประมาณจะล่าช้าไปไม่กี่เดือนเท่านั้น
โดยสภาพัฒน์ประเมินวงเงินที่จะลงไปในระบบเศรษฐกิจเฉพาะ 2 ไตรมาสหลังจากที่หมดปีงบประมาณ 66 คาดจะเป็นช่วงที่มีเม็ดเงินที่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงที่ใช้งบประมาณไปพลางก่อนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท โดยเป็นวงเงินจากภาครัฐ 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งมาจากการเบิกจ่ายงบประจำ และงบลงทุนที่มีการผูกพันไว้แล้ว ส่วนอีก 2 แสนล้านบาทเป็นเม็ดเงินที่มาจากการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งหากการจัดทำงบประมาณล่าช้าออกไป ก็ต้องไปดูว่าจะมีเม็ดเงินจากรัฐวิสาหกิจที่ลงทุนได้เพิ่มหรือไม่ ส่วนเม็ดเงินการลงทุนจากภาครัฐที่เป็นรายการใหม่นั้นไม่สามารถทำได้ เพราะต้องมาจากรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม
ยังไม่รวมผลกระทบต่อกรอบการเจรจาบนเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจรจาการค้ากับต่างประเทศ หรือ FTA ต่างๆ เพราะถ้ามีการเจรจาแล้วก็ยังไม่สามารถที่จะลงนามในสัญญาในช่วงของการเป็น ครม.รักษาการได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือกระทบกับการค้า การลงทุนของประเทศแน่นอน
จะเห็นว่าเสียงสะท้อนของหลายฝ่ายที่แสดงถึงความกังวลต่อการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ยังไม่แน่นอน จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการลงทุนจากต่างชาติ รวมไปถึงตลาดหุ้นที่ต่างชาติต่างเทขายกันเป็นว่าเล่น ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่แม้จะมีการท่องเที่ยวเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อน แต่เมื่ออุณหภูมิการเมืองที่ร้อนแรงและไม่มีความชัดเจนเช่นนี้ ก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจเข้าไปอีก
ดังนั้นถ้าถอยกันคนละก้าว มองภาพรวมของประเทศและความเป็นอยู่ของประเทศจะดีกว่าไหม.
บุญช่วย ค้ายาดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปี68สินเชื่อระบบแบงก์ไทยหืดจับ
ปี 2568 ยังเป็นอีกปีที่ต้องจับตากับทิศทางของเศรษฐกิจไทย เพราะยังมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งบวกและลบ ที่จะเข้ามามีผลกับภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสถานการณ์กดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน
แผนดัน ‘เกษตรครบวงจร’
อุตสาหกรรมเกษตร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย และที่ผ่านมาเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนไปได้ด้วยสินค้าเกษตร แต่ก็มีบางช่วงที่ติดขัดและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จากปัจจัยกระทบต่างๆ
เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม
แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน
การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ
ของขวัญรัฐบาล
อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว
ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ