ทำผิด...อย่าพาล

บัดนี้พิธาที่สื่อหลายรายขนานนามให้เป็นพระเอกลิเกที่มีแม่ยก ลูกยกหลงใหลมากมาย ได้รับประกาศิตจากศาลรัฐธรรมนูญบอกให้หยุดการแสดงในฐานะ ส.ส.ชั่วคราว ตอนนี้พระเอกของด้อมส้มก็ออกมาเล่นนอกเวที ด้วยการพูดจาปานประหนึ่งสาปแช่งผู้คนที่มีส่วนทำให้ต้องหยุดเล่นลิเกเวทีเดิม สร้างวาทกรรมอันแสนจะงดงามแบบบทลิเกว่า “ผู้หวังมีอำนาจบางคนบางกลุ่ม​ที่เชื่อว่าจะมีพลังวิเศษในการหมุนเร่งเข็มนาฬิกาสู่อนาคตได้ ฉันขออวยพรให้​พวกเธอทุกคนมีอายุยืนยาวเพียงพอที่จะเห็นความใฝ่ฝันและความทะเยอทะยานของพวกเธอกลายเป็น​ฝุ่นละอองสลายจนไม่เหลือเป็นกอบเป็นกำ เป็นชิ้นเป็นอัน เห็นความต้องการของเธอถูกบดขยี้ด้วยกงล้อของกิเลสและอวิชชา

เดินวิ่งแบบหลับหูหลับตาจนไม่รู้ว่าผู้คนทั้งก่อนหน้าและตามหลังยุคสมัยของเธอนั้น​จะพากันตราหน้าว่าพวกเธอนั้นเป็นคนหนักแผ่นดินอย่างไร​เพื่อบันทึกไว้เป็นใบแทรกของหนังสือ​ประวัติศาสต​ร์ของชาติไทย​ ความเป็นชาติที่ก่อเกิดและอยู่ดีสุขสงบมาก่อน​ยุคสมัยของพวกเธอหลายร้อยศตวรรษ พวกท่านเพียงแค่ไม่ต้องการให้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี" ประโยคสุดท้ายคือความจริง แต่การที่พระเอกลิเกของเราไม่ไปถึงตำแหน่งที่ใฝ่ฝัน มันเป็นความผิดของคนที่ไม่ยอมให้ฝันของพระเอกเป็นจริง หรือมันเป็นความผิดของพระเอกเอง

คนที่เขาไม่ต้องการให้พระเอกได้สมอกสมใจตามความฝัน เขาก็ใช้ข้อบังคับที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญมาโต้แย้ง เขาไม่ได้ใช้การตะโกน การกระแทกเสียง ทำตาโปน กระแทกแดกดันว่าสูเจ้าทั้งหลายไร้สมอง ไม่ไตร่ตรองให้ดี ไม่อ่านกฎหมายให้ถ้วนถี่ จึงทำสิ่งที่ขัดต่อกฎหมาย จะด้วยจงใจเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่างหรือพลาดจริงก็ตามที สิ่งที่สรุปได้ก็คือ “สูเจ้านั่นแหละเป็นคนที่เตะขัดขาตัวเอง”

นอกจากการทำสิ่งที่ขัดบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว ลองถามตัวเองสิว่ามีใครอยู่เบื้องหน้าคุณ ถ้าไม่ใช่ใครบางคนที่มีทัศนะเป็นปรปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วมีใครอยู่เบื้องหลังคุณ ถ้าไม่ใช่ศาสดา ผู้นิยมชมชื่นการปฏิวัติเพื่อล้มล้างระบอบกษัตริย์ของฝรั่งเศส ที่มีการบั่นคอสมาชิกพระราชวงศ์ด้วยกิโยติน แล้วมีใครประคองให้คุณเดินหน้ามาอย่างคนที่หยิ่งยโส ถ้าไม่ใช่เยาวชน Gen X และ Y ที่ต้องการเสรีภาพอย่างไร้ขอบเขต ไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะแยกแยะผิดถูก

พวกคุณอวดอ้างความเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะมาเปลี่ยนแปลงประเทศ คนจำนวนมากพอใจกับคำว่า “เปลี่ยนแปลง” โดยไม่เคยสนใจรายละเอียดว่าพวกคุณจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างไร พวกคุณชนะเลือกตั้งเพราะคุณนำเสนอนโยบายขายฝัน แต่พอพวกคุณชนะการเลือกตั้ง คุณก็ออกมาบอกว่าหลายอย่างที่คุณสัญญาไว้นั้น พวกคุณไม่สามารถทำได้ แบบนี้เข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือเปล่าล่ะ

พวกคุณบอกว่าคุณจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัริย์ แต่โดนฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้งบ้าง มากล่าวหาพวกคุณว่าไม่จงรักภักดี คุณกล้าพูดว่าคุณจงรักภักดี แต่หลายคนเขาไม่เชื่อคุณ พวกเขาอนุมานจากพฤติกรรมของพวกคุณที่มุ่งมั่นที่จะแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และการอภิปรายในสภา พวกคุณก็ไม่เคยที่จะพูดจาที่แสดงว่าคุณพร้อมที่จะลดเพดานของการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 เรื่องนี้คนที่เขาจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เขายอมให้พวกคุณมีอำนาจในการบริหารประเทศไม่ได้ เพราะพวกเขามีความห่วงใยความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันหลักที่ค้ำจุนประเทศไทยตลอดมามากกว่า 700 ปี บทบาทของพวกคุณที่สนับสนุนผู้ชุมนุมและทำผิดกฎหมายมาตรา 112 ด้วยการไปประกันตัวผู้ต้องคดีทั้งหลายนั้น จะให้ผู้คนเขาคิดอย่างไรได้ นอกจากคิดว่าพวกคุณเป็นแนวร่วมของเด็กๆ ที่ออกมาชุมชุมต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์

อยากจะบอกกับคนที่ลงคะแนนเลือกพวกคุณว่า เลิกอ้างเถอะว่าที่เลือกพวกคุณนั้น เพราะอยากให้มีคนเปลี่ยนแปลงประเทศ อยากได้ความเจริญ (แบบที่ลงรายละเอียดไม่ได้ว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรจากการบริหารของพวกคุณ) จริงๆ แล้วเราเชื่อว่า บางคนเลือกพรรคของคุณหลงพระเอกลิเก บางคนอยากได้เสรีภาพอย่างไร้ขอบเขต บางคนเบื่อลุงอย่างไร้เหตุผล (หาว่า 8 ปีไม่มีผลงาน) บางคนหลงเชื่อว่าจะได้ผลประโชน์จากนโยบายประชานิยมที่คุณขายฝันในการหาเสียง (แล้วก็ทำไม่ได้) ในขณะที่มีคนหลงใหลคุณ แต่เชื่อเถอะ นโยบายของคุณหลายอย่างทำให้คนจำนวนมากห่วงใยอนาคตของประเทศ การที่พระเอกลิเกต้องลงจากเวที ออกนอกโรงลิเกไปนั้น อย่าโยนความผิดให้ ส.ว. ให้ กกต. หรือให้ศาลรัฐธรรมนูญเลยนะ หันมามองตัวเองดีกว่า ที่ผ่านมานั้นพวกคุณได้ทำอะไรไปบ้างที่ทำให้ต้องเตะขาตัวเองจนล้มตกเวที

เหตุผลที่ทําให้ผู้มีอํานาจในการตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีใม่อยากให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี และไม่อยากให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลมีเหตุผลมากมาย และเป็นเหตุผลที่เชื่อว่าวิญญูชนทั้งหลายเข้าใจและยอมรับได้ เป็นเหตุผลที่สะท้อนความคิดและความรู้สึก และความกังวลของคนไทยส่วนใหญ่จำนวนหลายสิบล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 นั้น เพราะมันเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ อีกทั้งประชาชนไม่ไว้ใจในเจตนารมณ์ของพรรคก้าวไกลที่ดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญกับการฟังเสียงประชาชนที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์

สิ่งที่พิธาและพรรคก้าวไกลพลาดไปก็คือ พวกเขาจะฟังเฉพาะเสียงของประชาชนที่ลงคะแนนให้พรรคของเขาเท่านั้น แล้วก็อ้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ เป็นฉันทามติ แล้วคนไทยที่เหลืออีกมากกว่า 50 ล้านคน ไม่ใช่ประชาชนหรือไร หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะดูแลประชาชนทั้ง 70 ล้านคนให้อยู่อย่างเป็นสุขกันทั่วหน้า เพราะเวลานี้พวกเขามีทีท่าฟังแต่คนที่เลือกพรรคของเขาเท่านั้น และในกลุ่มคนที่สนับสนุนเขานั้น ก็มี DNA ของความรุนแรงที่อาจจะนำพาประเทศเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างคนที่เห็นต่าง เพราะด้อมของพวกคุณมักจะเอาทัวร์ไปลงคนที่คิดต่างด้วยวาจาที่รุงแรง ต่ำทราม และด้อมของพวกคุณจำนวนหนึ่งก็พร้อมที่จะชุมนุมก่อม็อบที่มีการกระทำทั้งกายและวาจาล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์แบบเย้ยกฎหมาย ไม่สนใจว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจและของประชาชนผู้มีความภักดี ทั้งหมดนี้คือความผิดของพวกคุณที่ทำให้ต้องแพ้ อย่าพาลด่าทอต่อว่าคนอื่นที่ทำตามกฎหมายเลยนะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สับสนอลหม่าน แพทองธาร...พาลแพแตก

เราเคยทำนายไว้ว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐาพ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และได้แพทองธารมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

โลกแห่งความเป็นจริงที่กำลังถูกกลืนกิน

ด้วยความก้าวหน้า-ก้าวไกลของเทคโนโลยีข้อมูล-ข่าวสาร ที่เตลิดเปิดเปิงไปถึงระดับ 5G-6G และไม่รู้จะอีกกี่ G ภายในอนาคตอันใกล้ แถมยังมีตัวเร่ง ตัวกระตุ้น

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' ชัด

อุ๊ย....อุ๊ย แม้ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.จะปฏิเสธเสียงแข็งการเข้าพบ นายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่เกี่ยวกับการทาบทาม

เลือกผู้แทนกันยังไง...เมืองไทยจึงเป็นเช่นนี้

หลังจากรู้ผลการเลือกตั้งในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 บ้านเมืองไทยก็ดูพิกลพิการ อยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะเดินหน้าเพื่อการพัฒนาที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้า

ว่าด้วยการ'ฟันธง'ของนักวิเคราะห์ทั้งหลาย

ถึงเคยคลุกคลีอยู่กับการ วิเคราะห์ การบ้าน-การเมือง มาร่วมกว่าๆ 2 ทศวรรษเห็นจะได้ แต่ด้วยอายุปูนนี้และด้วยสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตัวเองใกล้ๆ