พรุ่งนี้เลือกตั้งใหญ่ที่กัมพูชา...ไม่มีอะไรต้องลุ้น เพราะพรรครัฐบาลยึดฐานเสียงไว้เกือบหมด และฝ่ายค้านหมดน้ำยาไปแล้ว
แต่ที่น่าสนใจคือ นายกฯ ฮุน เซน พร้อมที่จะต่ออายุทางการเมืองของตัวเองหลังปกครอง 38 ปี โดยไม่มี Facebook ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอันโปรดปรานของตัวเองอย่างไร
ฮุน เซน เป็นผู้นำกัมพูชามาตั้งแต่ปี 1985 เข้าสู่การเลือกตั้งรอบนี้ด้วยความคาดหวังว่าจะชนะด้วยคะแนนเสียงอย่างถล่มทลายอีกครั้ง
เพราะกำจัดพรรคฝ่ายค้านหลักๆ และสื่ออิสระก็ถูกกดดันให้หดหายไปเสียแล้วเป็นส่วนใหญ่
บางคนบอกว่า ฮุน เซน ยัง 'คิดถึง' ผู้ติดตามกว่า 14 ล้านคนบน Facebook ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เขาใช้สื่อสารกับผู้คนเป็นประจำ
ฮุน เซน คืออดีตผู้บัญชาการเขมรแดงที่เปลี่ยนข้างเมื่อสิ้นสุดของระบอบการปกครองที่โหดร้ายมาเป็นผู้นำประเทศผ่านการตั้งพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP)
อุปสรรคทางการเมืองสำคัญ เช่น พรรคฝ่ายค้านหลัก หรือ “พรรคแสงเทียน” ถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าร่วมการเลือกตั้งครั้งนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ด้วยเหตุผลทาง “เทคนิคด้านกฎหมาย”
พรรคประชาชนกัมพูชาของฮุน เซน คาดว่าจะได้ที่นั่งในสภาแห่งชาติทั้งหมด 125 ที่นั่ง เช่นเดียวกับในปี 2018
แม้จะไร้คู่แข่งอย่างเป็นทางการ แต่ฮุน เซน ในวัย 70 ปี ยังคงอยู่ในโหมดการต่อสู้อย่างเข้มข้นตลอดเวลา
ด้วยการออกมาเตือนคู่แข่งทางการเมือง ภาคประชาสังคม และสื่อมาตลอดด้วยคำขู่ที่ว่า
“ถ้าพวกคุณเล่นงานผม ผมจะทำลายพวกคุณให้สิ้นซาก”
แต่เขาทำอะไรไม่ได้ เมื่อ Meta สื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ตัดสินใจห้ามเขาเล่น Facebook ด้วยเหตุผลที่ว่า มี “เนื้อหาที่อาจก่อความรุนแรง”
นักวิเคราะห์ที่ติดตามการเมืองกัมพูชากล่าวหาว่า “ผู้นำตลอดกาล” ของกัมพูชาคนนี้ มักปล่อยข่าวลือที่ไร้เหตุผลว่ากองกำลังภายนอกมีเจตนาทำลายเสถียรภาพกัมพูชา
เป็นการสร้างภาพให้เห็นว่าเขาเท่านั้นคือผู้ปกป้องชาติบ้านเมืองได้อย่างแข็งขัน คนอื่นทำไม่ได้
ฮุน เซน ต้องลบหน้า Facebook ของเขาเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ไม่นานหลังจากคณะกรรมการกำกับดูแลของ Meta เห็นว่าคำพูดเชิงรุนแรงซึ่งโพสต์บนไทม์ไลน์ของเขาเป็นการคุกคามต่อผู้อื่น
และเรียกร้องให้ลบโพสต์ดังกล่าวหลังจากมีการร้องเรียนว่า "ละเมิดมาตรฐานชุมชน" ของ Facebook
ฮุน เซน ออกมาชี้แจงว่าเขาได้ตัดสินใจเลิกใช้ Facebook แล้ว
และอ้างว่าเรื่องที่เกิดนั้นมาจากมีคนสร้าง “บัญชีปลอม” ไม่ใช่เนื้อหาของตนเองแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาขึ้นบัญชีดำกรรมการกำกับดูแลของ Meta 22 คน และสั่งห้ามเข้าประเทศ
คนที่วิพากษ์เขาบอกว่า ฮุน เซน เคยชินกับการมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
ดังนั้น การตั้งคำถามใดๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของเขาจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้อย่างดุเดือดและรุนแรง
พอถูก Facebook ลบเพจตัวเอง ก็อาจจะทำให้เขารู้สึกว่ายังมีอะไรในโลกนี้ที่เขาควบคุมไม่ได้เบ็ดเสร็จ
แต่มีหรือที่ฮุน เซน จะยอมถอยง่ายๆ พอหยุดใช้ Facebook ฮุน เซน ก็หันไปใช้ Telegram, TikTok
นอกจากจะย้ายไปที่ Telegram แล้ว ฮุน เซน ก็กลับไปเปิดใช้งานบัญชี Twitter ของตนเองอีกครั้ง
แต่แน่นอนว่าไม่มีแพลตฟอร์มใดที่เจาะตลาดได้เหมือนกันในกัมพูชา
อีกด้านหนึ่ง เขาก็สั่งปิดสื่ออิสระที่รายงานข่าวเกี่ยวกับลูกชายในแง่มุมอันไม่พึงปรารถนา
คนกัมพูชาเองต้องระมัดระวังในการโพสต์ข้อความบน Facebook เพราะตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะถูกจับตาโดยคนที่สนับสนุนท่านผู้นำ และเจ้าหน้าที่รัฐที่คอยติดตามเนื้อหาที่ไม่เป็นมิตรกับฮุน เซน และคนรอบตัว
นอกจากพรรคแสงเทียนที่เป็นพรรคฝ่ายค้านใหม่จะถูกสกัดกั้นแล้ว ก็ยังสามารถย้อนไปถึงต้นกำเนิดของพรรคสม รังสี ที่ก่อนหน้านี้ก็ถูกห้ามไม่ให้ลงแข่งขันในการเลือกตั้งครั้งนี้เช่นกัน
สม รังสี เองก็ยังลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ เพราะโดนข้อหามากมายหลายกระทงที่ทำให้กลับเข้าประเทศไม่ได้
แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะต่างไปจากทุกครั้งตรงที่ว่า ฮุน เซน กำลังบอกเป็นนัยว่าเขากำลังจะเกษียณชัดเจนมากขึ้นกว่าในอดีต
ทุกสัญญาณบอกว่าเขาเตรียมส่งมอบอำนาจให้กับฮุน มาเนต ลูกชาย
โดยไม่มีเสียงความขัดแย้งหรือความเห็นแย้งจากมุมใดๆ ของสังคมกัมพูชา
ที่ไม่ได้ยินเสียงคัดค้านเพราะเสียงเห็นต่างไม่อาจจะปรากฏในสื่อสาธารณะใดๆ ได้
ผู้สนับสนุนฮุน เซน กล่าวว่า เขาสร้างเสถียรภาพให้กับประเทศที่ยากจนและมีความแตกแยก
คนชื่นชมเขาบอกว่า ฮุน เซน คือผู้ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยโครงสร้างพื้นฐานและแผนการก่อสร้างที่สำคัญ ปรับเปลี่ยนรูปแบบประเทศที่เคยถูกทำลายจากสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการทุจริตเรื้อรัง
แต่นักวิจารณ์ย้ำว่า ความมั่งคั่งที่สร้างขึ้นส่วนใหญ่ถูกแบ่งปันในหมู่ชนชั้นนำแคบๆ ในลักษณะรวยกระจุก จนกระจาย
นักวิพากษ์บางสำนักกล่าวหาว่า ฮุน เซน ปล่อยให้กัมพูชากลายเป็น “รัฐลูกค้า” ของจีน
โดยอ้างว่ามีการขายและโอนถ่ายที่ดินและทรัพยากรมากมายให้กับธุรกิจจีน
ขณะที่มีข้อกล่าวหาว่านักลงทุนและพวกอันธพาลชาวจีนที่หลบๆ ซ่อนๆ ได้พบแหล่งหลบซ่อนเงินในกาสิโนและศูนย์หลอกลวงที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกัมพูชา
ชาวเขมร 17 ล้านคนต้องพึ่งพาบารมีของความเป็นผู้นำคนเดียวคนนี้ เพราะโครงสร้างอำนาจและสังคมถูกออกแบบและกำหนดให้เป็นอย่างนี้
เมื่อพรรคฝ่ายค้านไม่มีที่ยืน รัฐบาลของฮุน เซน ก็ยังเดินหน้ากระชับอำนาจของการปกครองและยับยั้งผู้เห็นต่างอย่างต่อเนื่อง
น่าสังเกตว่า รัฐสภากัมพูชาเพิ่งผ่านกฎหมายใหม่อย่างค่อนข้างเร่งรีบเพื่อกดดันประชาชนให้เข้าร่วมการเลือกตั้ง
และตั้งข้อหาแบบเหวี่ยงแหต่อผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “ยุยงส่งเสริม” ประชาชนไม่ให้ลงคะแนนเสียง
นั่นคือการมุ่งเป้าไปที่กลุ่มที่ยืนอยู่คนละข้างกับฮุน เซน ที่ถูกเนรเทศไปต่างประเทศ
รวมถึงสม รังสี ผู้เป็นฝ่ายค้านตลอดกาล
แม้จะเคยพยายามหลบกลับประเทศผ่านไทย แต่สม รังสี ก็ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในการพยายามท้าทายอำนาจเบ็ดเสร็จของศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขา
จวบจนถึงวันนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ