มีใครรู้ไหมว่า ‘ปริโกซิน’ อยู่ไหน?

Yevgeny Prigozhin หัวหน้าใหญ่ของทหารรับจ้างวากเนอร์อยู่สบายดีหรือ?

คำตอบคือไม่มีใครรู้ แม้แต่ข่าวกรองตะวันตกก็ยังยอมรับว่าไม่มีเบาะแสอะไรชัดเจน

ที่แน่ๆ คือเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา เขายังไปคุยกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียอยู่

แต่หลังจากวันนั้น (ซึ่งจากกันด้วยเงื่อนไขที่ตกลงกันไม่ได้) ก็ไม่มีใครบอกได้ว่าอดีตนักรบผู้โฉ่งฉ่างที่เคยเป็นคนสนิทของปูติน และกลายมาเป็น “หัวหน้ากบฏ” ที่ถูกปราบนั้นกำลังใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนและอนาคตเป็นอย่างไร

จะพูดเล่นพูดจริงไม่มีใครรู้

แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกมาเตือนวันก่อนว่า ปริโกซิน “ทานอะไรก็ระวังให้ดี”

ไบเดนบอกว่าสหรัฐฯ ไม่แน่ใจว่าปริโกซินอยู่ที่ไหน

พร้อมกล่าวติดตลกว่า หัวหน้ากลุ่มวากเนอร์คนนี้ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะอาจถูกวางยาพิษได้

 “ถ้าผมเป็นเขา ผมจะระวังเวลารับประทานอะไร และผมจะจับตาดูเมนูไว้ดีๆ”

และเสริมว่า “เอาจริงนะๆ...ผมไม่คิดว่า พวกเรารู้แน่ว่า อนาคตของปริโกชินในรัสเซียจะเป็นอย่างไร”

ปริโกซินเป็นตัวละครโดดเด่นคนหนึ่งในการรุกยูเครนของรัสเซีย

เขามีส่วนช่วยรัสเซียผนวกแคว้นไครเมียเมื่อปี 2014

ก่อนหน้านี้ก็เคยร่วมรบสู้กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (Islamic State-IS) และยังเป็นหัวหน้ากองกำลังในสาธารณรัฐแอฟริกากลางและสาธารณรัฐมาลี

ก่อนที่จะกระโจนเข้าทำสงครามในยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีผลงานเข้ายึดเมืองบาคห์มุตของยูเครนเมื่อต้นปีนี้ด้วย

ปูตินคงไม่ให้อภัยปริโกซินง่ายๆ จากกรณีที่สร้างความโกลาหลในรัสเซีย และความตื่นเต้นไปทั่วโลกด้วยการนำนักรบรับจ้างมุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก หลังยึดเมืองรัสเซียทางใต้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา

ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงกับปูตินด้วยการสลายตัวก่อนที่กองกำลังกบฏจะเข้าถึงมอสโก

โดยมีข้ออ้างจากทั้ง 2 ฝ่ายว่า เพื่อ “หลีกเลี่ยงการนองเลือด”

รอยแผลที่ทิ้งไว้นั้นทำให้ปูตินถูกมองว่ากำลังสูญเสียฐานอำนาจที่เคยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาก่อน

แต่พอเกิดเรื่องนี้ก็เปิดทางให้ตะวันตกสรุปว่าปูตินกำลังอยู่ในภาวะ “ขาลง” และฐานอำนาจที่เคยเบ็ดเสร็จเริ่มคลอนแคลน

ตามมาด้วยคำถามถึงประสิทธิภาพของกองทัพภายใต้การนำของปูตินในการเผด็จศึกในครามยูเครน

อีกทั้งยังอาจจะเปิดช่องให้กลุ่มผู้ต่อต้านปูตินลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจของเขาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 “คนกลาง” ในการสงบศึกครั้งนี้กลายเป็น อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ผู้นำเบลารุสที่อ้างว่าเป็นผู้เล่นบทเจรจาลดความตึงเครียดระหว่างปริโกชินและปูติน

หลังจากยุติการเผชิญหน้า ปริโกซินเดินทางไปยังเบลารุส โดยหัวหน้ากองกำลังวากเนอร์กรุ๊ปและนักรบติดอาวุธของเขาพ้นจากข้อหาร้ายแรงทั้งหลายทั้งปวงอย่างน่าทึ่ง

และยังไม่มีคำอธิบายที่ฟังน่าเชื่อถือว่าไม่มีอะไรเคลือบแฝงถึงวันนี้

นักวิเคราะห์ตะวันตกมองว่า ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่อง “ผิดปกติ” ของการเมืองรัสเซีย

เพราะก่อนหน้านั้น 16 เดือน ปูตินเหมือนจะเตรียมประกาศชัยชนะในสงครามยูเครน ถึงขั้นที่เตรียมจะยึดเมืองหลวงของยูเครนได้ด้วยซ้ำไป

แต่วันนี้ปูตินกลับกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ ต้องออกมาป้องกันเมืองหลวงของรัสเซียจากกองกำลังที่นำโดยอดีตคนสนิทของตนอย่างน่าฉงนสนเท่ห์เลยทีเดียว

ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าการก่อกบฏ 24 ชั่วโมงของปริโกซินจะส่งผลอย่างไรต่อสงครามในยูเครน

แต่ที่ค่อนข้างจะแน่นอนก็คือ เหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้มีการดึงนักรบ 2 งกลุ่มออกจากยูเครน

นั่นคือทหารรับจ้างวากเนอร์ และนักรบเชเชนที่ถูกทางการรัสเซียส่งไปสกัดกลุ่มวากเนอร์เพื่อไม่ให้ “ซ่าเกินเหตุ”

ในช่วงแรกมีการคาดหวังจากฝั่งยูเครนว่า การสู้รบกันเองในรัสเซียนั้นจะเป็นโอกาสของทหารยูเครนที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของ “ยุทธการตีโต้” (counter-offensive) เพื่อชิงพื้นที่บางส่วนกลับจากที่ทหารรัสเซียเคยยึดครองเอาไว้

อีกคำถามหนึ่งก็คือ จะเกิดอะไรกับกลุ่มวากเนอร์นี้ต่อไป

ภายใต้ข้อตกลงสงบศึกนั้น ทหารวากเนอร์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกบฏครั้งนี้จะได้รับข้อเสนอให้ทำสัญญาขึ้นตรงต่อกองทัพรัสเซีย

นั่นแปลว่าพวกเขาจะอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของกองทัพรัสเซีย

อันเป็นเงื่อนไขที่ปริโกซินไม่ยอมรับ เพราะจะทำให้เขาสูญเสียอำนาจและบารมีโดยสิ้นเชิงทันที

สถาบัน Institute for the Study of War ของสหรัฐฯ ซึ่งติดตามสงครามยูเครนมาตั้งแต่วันแรกๆ เตือนว่า “รัฐบาลรัสเซียกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ไร้ดุลยภาพทางด้านความมั่นคงอย่างมาก”

เพราะเชื่อว่าข้อตกลงระหว่างปูตินกับปริโกซินและระดับนำของกองกำลังวากเนอร์ที่เกิดขึ้นเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นเพื่อแก้ไขความตึงเครียดเฉพาะหน้าเท่านั้น

แต่ความคลางแคลงสงสัยต่อกันนั้นฝังลึกเกินกว่าที่จะสามารถเยียวยาได้ด้วยข้อตกลงกว้างๆ ที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังได้

ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ ปริโกชินได้โวยวายเรียกร้องและกดดันด้วยการทำคลิปขึ้นโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องให้ปูตินขับไล่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เซอร์เกย์ ชอยกู ออกจากตำแหน่ง

โดยปริโกซินได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียๆ หายๆ ต่อบทบาทของชอยกูในการทำสงครามของรัสเซียในยูเครนมาตลอด

แต่ท้ายที่สุดคนที่ต้องหลุดจากตำแหน่งไม่ใช่ชอยกู หากแต่คือตัวปริโกซินเอง

ก่อนหน้านี้ข่าวกรองของสหรัฐฯ รายงานว่า ปริโกซินได้ซ่องสุมกำลังใกล้กับชายแดนรัสเซียมาสักพักใหญ่แล้ว

ข้อเท็จจริงที่ว่านี้ย้อนแย้งกับการกล่าวอ้างของปริโกซินที่บอกว่า การก่อกบฏครั้งนี้เป็นปฏิกิริยาฉับพลันเพื่อตอบโต้ที่ค่ายทหารของวากเนอร์กรุ๊ปในยูเครนถูกกองทัพรัสเซียโจมตีไม่กี่วันก่อนหน้านั้น

กระทรวงกลาโหมของรัสเซียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างปัจจุบันทันด่วนเช่นกัน

มาถึงวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรแน่ชัดว่าปูตินจะจัดการกับปริโกซินและทหารวากเนอร์อย่างเป็นรูปธรรมและถาวรอย่างไร

สะท้อนเช่นกันว่าทุกอย่างในรัสเซียยังอยู่ในภาวะ “ฝุ่นยังไม่หายตลบ”!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ