ถ้ามองจากแนวโน้มความเป็นไปของโลก...คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า โลกตะวันตก หรือโลกของพวกฝรั่งมังค่าที่เคยครอบครอง ครอบงำ โลกทั้งโลกมานับเป็นศตวรรษๆ ไม่ว่าในแง่การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา ตลอดไปจนทัศนคติ ค่านิยม ในรูปลักษณะต่างๆ จนใครต่อใครแทบกลายเป็นฝรั่ง หรือมุ่งลอกแบบ เลียนแบบฝรั่ง ไปทั่วทั้งโลก มาถึง ณ บัดนี้ อะไรต่อมิอะไร...มันชักเริ่ม เสื่อมทรุด-เสื่อมโทรม อย่างเห็นได้ถนัดชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที...
เรียกว่า...ถึงขั้นตัวพวกฝรั่งเอง ยังถึงกับต้องประดิษฐ์ศัพท์ ประดิษฐ์คำว่า Westlessness อันมีความหมายถึงความตกต่ำ เสื่อมโทรมแห่งความเป็น มาตรฐานตะวันตก ออกมาพูดคุย ถกเถียง เสวนาและอภิปรายกันอย่างเป็นระบบและกิจการ
ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ยิ่งเมื่อต้องเจอกับพวกที่ไม่อยากจะอยู่ภายใต้มาตรฐานแบบตะวันตก อย่างประเภทคุณพี่จีน คุณน้ารัสเซีย ที่นับวันจะ มาแรง-แซงโค้ง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ บรรดา ความเปลี่ยนแปลง ที่จะนำไปสู่ความเป็นอิสระ หรือการหลุดพ้น ไปจากการ ครอบงำ ของ โลกตะวันตก มันเลยกลายเป็นความจริง เป็นข้อเท็จจริง อันมิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไป...
โดยไม่ว่ามันจะนำไปสู่อะไรในขั้นตอนสุดท้าย...ไปสู่สงครามระดับ นิวเคลียร์-ไม่นิวเคลียร์ หรือไม่? อย่างไร? อันนั้นคงต้องไปสวดมนต์ ภาวนา เอาเองก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ...ย่อมต้องก่อให้เกิด ความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่ามากหรือน้อย ต่อบรรดาชาวโลก พลโลก อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ หรือย่อมทำให้ความต้องการที่จะเป็นอิสระ ความหลุดพ้นไปจากการครอบงำในลักษณะต่างๆ หรือ ความเป็นตัวของตัวเอง ของใครต่อใครภายในโลกใบนี้ ยิ่งน่าจะเป็นจริง-เป็นจัง หรือ เป็นไปได้ ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
แต่ก็นั่นแหละ...ขณะความเป็นไปของโลกกำลังเป็นไปในแนวนี้ ในลักษณะนี้ ก็ใช่ว่าแต่ละประเทศ แต่ละสังคม จะไหลไปตาม กระแส ได้อย่างราบรื่น ราบเรียบ ก็หาไม่!!! ภายใต้การฝังราก ฝังลึก ของทัศนคติ ค่านิยมตะวันตก ไม่ว่าจะในแง่ระบบการเมือง-การปกครอง ทฤษฎีเศรษฐกิจ ระบบการศึกษาตั้งแต่ขั้นรากฐาน ไปจนแม้แต่การแทรกซึมในทางวัฒนธรรมประเพณี ฯลฯ โอกาสที่จะเกิดรายการติดๆ-ขัดๆ เกิดการชักเข้า-ชักออก เกิดการหมุนไป-หมุนมา ตามแรงผลัก-แรงเหวี่ยงในแต่ละด้าน ย่อมต้องถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ที่แต่ละประเทศ แต่ละสังคม จำต้องเผชิญไปตาม กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ หรือ กฎอิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท อันว่าด้วย... ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล...
ไม่เว้นแม้แต่ สังคมไทย ของบรรดาชาวไทยแลนด์ แดนสยาม อย่างหมู่เฮาทั้งหลาย ที่ย่อมหนีไม่พ้นต่อการชักเข้า-ชักออก การหมุนไป-หมุนมา ระหว่างแรงผลัก แรงเหวี่ยง โดยอาจนำมาซึ่ง แรงปะทะ เอาง่ายๆ!!! แต่สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้อง ไหลไปตามกระแส อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ เพียงแต่ว่า...ในช่วง ระยะผ่าน ดังกล่าว จะมีการบริหาร จัดการ ให้ออกไปทาง สมูธ แอส ซิลก์ หรือให้เรียบ-ลื่น ปานผ้าไหมการบินไทย ได้แบบไหน? อย่างไร? อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องอาศัยสติ-ปัญญา ความรู้ ความคิด ความเชี่ยวชาญ อาศัยทั้งประสบการณ์ วาสนา บารมี ตลอดไปจนโชคช่วยอีกด้วย หรือกระทั่งต้องอาศัย พระสยามเทวาธิราช ไปโน่นเลย...
ด้วยเหตุนี้...ระหว่างที่บรรดาพวก นักการเมือง หรือพวกที่เพียรพยายามเข้าสู่ กระบวนการอำนาจ ทั้งหลาย เขากำลังลับ-ลวง-พราง หรือลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ ระหว่างกันและกันไปตามสภาพ ก็อย่าถึงกับต้องไปถือเป็น แก่นสาร เป็น สาระ ให้ต้องปวดเศียร เวียนเกล้า อะไรกันมากมาย สู้หันมาถอยอยู่ห่างๆ หันมา เฉยมอง ที่ย่อมไม่ใช่แค่ เฉยเมย หรือหันมายึดมั่นอยู่ใน อุเบกขาธรรม ตามแบบฉบับที่พระอาจารย์ ประยุทธ์ ปยุตฺโต ท่านเคยชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้นั่นแหละ น่าจะเข้าท่าที่สุด คือหันมา “วางเฉยต่อคนเพื่อรักษาธรรม ไม่เห็นแก่คน-แต่เห็นแก่ธรรม วางตัวเป็นกลางต่อคน ไม่ขวนขวายช่วยคน เชียร์คน เพื่อจะได้ไม่ก้าวก่ายแทรกแซงธรรม หรือเพื่อให้เป็นไปตามธรรม” หรือหันมารักษาธรรม ยึดมั่นในธรรม เอาไว้ให้จงหนัก จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง มันจะไหลไปตามกระแส ไปตาม ธรรมชาติ ของมันจนได้...นั่นแล...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่งเสริมหรือเสื่อมเสีย
สำหรับ FC เพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น สส.ในพรรค หัวคะแนน ข้าราชการที่ได้ตำแหน่งเพราะทักษิณและตัวแทนทักษิณ นักธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบายและโครงการต่างๆ ของทักษิณ
บทเพลงสำหรับปีใหม่-ฟ้าใหม่
ปีพุทธศักราช 2568 หรือคริสต์ศักราช 2025 หรือ ปีงู ปีนี้...ไม่ว่าจะหมอดง หมอดู นักวิเคราะห์ นักวิแคะ ดูๆ ท่านออกจะเห็นไปในแนวเดียวกัน คือหนักไปทาง หนักหนา-สาหัส
ลัคนามีนกับเค้าโครงชีวิตปี2568
สรุป-ตลอดทั้งปีทุกข์สองอย่างคือ ค่าใช้จ่ายและทุกข์ถึงตัวตรงๆ ยังอ้อยอิ่งในชีวิต มีโอกาสสู
เกรงว่าคำอวยพรปีใหม่จะไม่จริง
เวลาที่เรากล่าวคำอวยพรให้ใครๆ เราก็จะพูดแต่เรื่องดีๆ และหวังว่าพรของเราจะเป็นจริง ถ้าหากเราจะเอาเรื่องอายุ วรรณะ สุขะ พละ มาอวยพร โดยเขียนเป็นโคลงกระทู้ได้ดังนี้
แด่...ไพบูลย์ วงษ์เทศ
ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส
กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว
ใครบางคนตำแหน่งก็ไม่มี สมาชิกก็ไม่ใช่ แต่แสดงบทบาทยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เหมือนจงใจจะสร้างตำแหน่งใหม่ที่คนไทยต้องยอมรับ และดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จเอาเสียด้วย