ตำรวจถอดใจ

วงประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.  ครั้งที่ 6/2566 ที่มี บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะยังไม่มีวาระอะไรหรือหวาที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายที่เหล่าบรรดา "สีกากี" สนใจ เป็นเพียงพิจารณาเรื่องการรายงานการดำเนินการของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านวินัย คณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านอุทธรณ์ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจด้านกฎหมาย แต่ที่ต้องสะดุด ที่ต้องหยุดคิดอีกครั้งประจำเดือนมิ.ย.66 ก.ตร.ด้านวินัย อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคล ได้รายงานข้อมูลการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของตำรวจ มีตำรวจถูกลงโทษจำนวน 14 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการจำนวน 13 นาย

และปลดออกจากราชการ จำนวน 1 นาย เมื่อย้อนไปตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.66 มีตำรวจถูกลงโทษทั้งสิ้นจำนวน 97 นาย เป็นการไล่ออกจากราชการ 79 นาย ปลดออกจากราชการ 18 นาย ทราบข่าวทราบข้อมูลแล้วก็อยากให้ "ตำรวจ" ที่มีพฤติกรรมแตกแถว นอกรีต กระทำผิดต่างๆ กลับตัวกลับใจก่อนจะโดนไล่ออก ปลดออก เสียชื่อ เสียอนาคต

นี่ไม่ได้โดนไล่ออก ไม่ได้โดนปลดออก แต่ "สมัครใจออก" เพราะ "ถอดใจ" หลังจาก พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (รอง ผบช.สกพ.) ปฏิบัติราชการ ผบช.สกพ. ส่งหนังสือเวียนถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า แจ้งเรื่องที่สำนักงานกำลังพลจะนำเสนอ ตร.พิจารณาจัดทำโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล (การขอพระราชทานยศหรือเลื่อนยศสูงขึ้น เป็นกรณีพิเศษให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ขอลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุ) รุ่นที่ 24 (ปีงบประมาณ พ.ศ.2567) ตอนนี้เท่าที่สดับตรับฟังมาจาก "สีกากี" หลายกลุ่ม หลายก้อน แนวโน้ม "ตำรวจ" ที่จะเข้าร่วมโครงการเออร์ลีรีไทร์ในปีนี้ จะมีจำนวนมากกว่าปีงบประมาณ 2566 ที่มีตำรวจได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการตามโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพลฯ จำนวน 1,275 ราย เหตุผลที่ได้ยินมาส่วนใหญ่พูดในทำนอง "กลัวติดคุก" เกี่ยวโยงไปถึง พ.ร.บ.ป้องกันอุ้มหาย ที่ทุกคนกำลังเผชิญปัญหาอุปกรณ์ในการทำงานไม่พร้อม "นาย" ก็อยากมีผลงานทางคดี "ลูกน้อง" ออกไปทำงานท่ามกลางความไม่พร้อม ก็สุ่มเสี่ยงติดคุก ติดตะราง

ปมขาดแคลนอุปกรณ์ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับพ.ร.บ.ป้องกันอุ้มหาย ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ถ่ายวิดีโอคลิปในขณะจับกุมและควบคุมตัวไว้เพื่อเป็นหลักฐาน เคยได้อ่านบทสัมภาษณ์ "โฆษกกอล์ฟ" พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมัยศาลมีคำวินิจฉัยใหม่ๆ ให้ตำรวจดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป้องกันอุ้มหายทันที ไม่มีการชะลอ ไม่มีการเลื่อน ไม่การขยับ ยืนยันตำรวจไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ที่ออกมา "ปัจจุบันเรามีกล้องอยู่แสนกว่าตัว หลังจากนี้ก็จะมีการจัดซื้อเข้ามาดำเนินการ โดยจะใช้เวลาอีกประมาณ 3 เดือนน่าจะทัน” จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ดูเหมือนตำรวจฝ่ายสืบสวนหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตำรวจภูธรมีกล้องเพียงไม่กี่ตัว หลายคดีที่เกิดขึ้นเลยต้องชะงักไปพอสมควร "ผบ.เด่น" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ แม่ทัพใหญ่ น่าจะลองสำรวจกล้องในการทำงานของตำรวจทั่วประเทศดูบ้างก็ดี จะได้รู้พื้นที่ไหนยังขาดแคลนอยู่บ้าง จะได้เสริม จะได้แก้ปัญหาถูกจุด ประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็จะได้รับการบริการจาก "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนับสนุนให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โครงการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจ ที่ "ผบ.เด่น" พร้อม พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.), พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.), คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ และคณะ ลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี ไปรับฟังและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาบุคลิกภาพและคุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจ ที่มีผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 100 นาย ซึ่งเป็นผู้แทนจากทุกหน่วยในสังกัด ตร. ตามกำหนดระยะเวลาอบรม 8 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.-3 ก.ค.66 เพราะเท่าที่ดูรายละเอียดการอบรมมีวิทยากรทั้ง พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโน เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น จ.เชียงราย แสดงเทศนาธรรมแก่ตำรวจในหัวข้อที่สำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต จริยธรรม คุณธรรม มีหลักธรรมในการปฏิบัติหน้าที่, รศ.ดร.วุฒิพงศ์ ถายะพิงค์ นักวิชาการสุขภาพจิตการสื่อสารและศาสนาปรัชญา, นพ.พิเชษฐ พัวพันกิจเจริญ ผอ.รพ.พระจอมเกล้า, นายอธิษฐาน วงศ์ใหญ่ รอง ผอ.ฝ่ายบริหาร รพ.ลำปาง ทุกท่านล้วนมีความรู้ มีวิธีปฏิบัติต่างๆ ที่จะทำให้ตำรวจยุคใหม่ได้พัฒนาอย่างเต็มที่

“แม่ทัพต้น” พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ออกมากางแผนถอนทหารออกจากพื้นที่รับผิดชอบของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ตามแผน 3 ระยะ ช่วงแรกของสถานการณ์ตั้งแต่ปี 2547-2553 มุ่งเน้นใช้กำลังทหารเป็นกำลังหลัก รวมทั้งได้เพิ่มเติมกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 1-3 เข้าควบคุมสถานการณ์และยุติสภาพปัญหา เข้าสู่ระยะที่ 2 ของการแก้ปัญหาตั้งแต่ปี 2554-ปัจจุบัน โดยได้มุ่งเน้นเสริมสร้างประสิทธิภาพให้กำลังฝ่ายพลเรือนและกำลังตำรวจ ด้วยการเพิ่มอัตรากำลังตำรวจ 1,700 นาย เพิ่มกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนกว่า 7,000 พร้อมทยอยถอนกำลังกลับที่ตั้งปกติ และปรับลดอัตรากำลังจากหน่วยต่างๆ ทุกๆ ปี คงเหลืออัตรากำลังทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ในปัจจุบัน 49,995 อัตรา พร้อมเตรียมแผนการปรับลดอัตรากำลังให้สอดคล้องกับ “แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นความมั่นคงและแผนปฏิบัติการด้านการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี 2566-2570” ด้วยการทยอยปรับลดกำลังทหารพรานจากกองทัพภาคที่ 1-3 กลับที่ตั้งปกติทั้งหมด ควบคู่ไปกับการปรับลดพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้หมดสิ้นไปภายในปี 2570

เห็นข่าวระดับท็อปไฟว์ของเหล่าทัพมาร่วมงานวันชาติสหรัฐฯ ที่จัดขึ้นล่วงหน้าเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมากันคึกคัก ตั้งแต่ “ปลัดหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และมีอดีตทหาร และทหารประจำการหลายนายเดินทางมาร่วมงานตามคำเชิญของส่วนต่างๆ ของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยตามคำกล่าวของ “ทูตโกเด็ค” ยังย้ำหลักการเรื่องคำแถลงยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และความร่วมมือในด้านการค้า การลงทุนในภูมิภาคนี้ ในปีนี้เรียกได้ว่าแขกมาร่วมงานคับคั่ง ทั้งฝ่ายพลเรือน การเมือง และความมั่นคง สถานที่จัดงานแน่นขนัด หลังจากปีก่อนๆ เจอสถานการณ์โควิด-19 มีการจำกัดจำนวนคน

ทบ.แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ในช่วงวันที่ 1-9 ก.ค.66 การเมืองร้อนๆ แบบนี้ เกรงประชาชนจะตกใจ ...กองทัพบก เลยแจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะของมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) โดยกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) ออกนอกที่ตั้ง เพื่อทำการฝึก และตรวจสอบเป็นหน่วย หมู่ ตอน หมวด ประจำปี 2566 ในพื้นที่ฝึกสนามฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง บ.หลุมหิน ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี โดยเคลื่อนย้าย 2 ขบวน โดยขบวนที่ 1 เดินทางไปวันที่ 1 ก.ค.66 เวลา 05.30 น. เดินทางกลับในวันที่ 9 ก.ค.66 เวลา 09.00 น. และขบวนที่ 2 เดินทางไปวันที่ 5 ก.ค.66 เวลา 04.30 น. เดินทางกลับในวันที่ 8 ก.ค.66 เวลา 15.00 น. โดยใช้เส้นทางดังนี้ จาก พัน.ร.มทบ.11-ถ.แจ้งวัฒนะ-ถ.ชัยพฤกษ์-ถ.หมายเลข 356-ถ.หมายเลข 324-จ.กาญจนบุรี และกลับเส้นทางเดิม พร้อมขออภัยในความไม่สะดวก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตจเรตำรวจฯ ขอทำเรื่องเฉพาะหน้า ‘เพิ่มเงิน-สวัสดิการตำรวจ’ ก่อนจะไปเปลี่ยนประธาน ก.ตร.

ณะนี้มีการเคลื่อนไหวจะปฏิรูปตำรวจโดยตำรวจเอง หลักๆคือให้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.  แต่ประธานจะมาจากการเลือกกันเองเหมือนคณะกรรมการข้าราชการอัยการ หรือ ก.อ. กระผม ไม่แน่ใจว่าจะเกิดผลดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเก่า

‘นักกฎหมายตำรวจ’ ถอดบทเรียน การเข้าระงับเหตุ ลดความสูญเสีย

ด้วยความเคารพความกล้าหาญ และเสียสละของผู้เสียชีวิต ควรแก่การยกย่องเป็นเกียรติประวัติสืบไป แต่การเข้าระงับเหตุ ของตำรวจไทยมีข้อผิดพลาด ต้องนำไปถอดบทเรียนแก้ไข

สลด! หนุ่มมุกดาหารโดนไฟดูด ดับคาเสาไฟฟ้าแรงสูง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มุกดาหาร ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนตายบนเสาไฟฟ้าแรงสูง บริเวณทางเข้าหมู่บ้านคำตุนาง ไปยังหมู่บ้านกุดโง้ง ตำบลมุก อำเภอเมือง

‘บิ๊กเอก’ ยกเสียงสะท้อนจากตำรวจ เจ็บปวดผู้มีอำนาจข่มขืนองค์กร ถึงเวลาต้องปฏิรูปตร.

อีกเสียงสะท้อนจากนายตำรวจ ที่สื่อสารออกมา อย่างเจ็บปวด เปรียบเทียบให้เห็นภาพองค์กรตำรวจ ผู้มีอำนาจทางการเมือง อดีตผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทำอะไรไว้ ควรที่จะปฏิรูปตำรวจอีกหรือไม่

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง