อย่าเพิ่งนึกว่าผลพวงจาก “กบฏวากเนอร์” ที่รัสเซียจะปิดฉากง่าย ๆ เพียงเพราะส่งหัวหน้าทหารรับจ้างไป “ลี้ภัย” ที่เบลารุส
แม้จะมีบางคนเชื่อว่าคำว่า “อภัยโทษ” สำหรับ “อาชญกรรมทรยศต่อชาติ” ไม่มี
แต่ข้ามวันเท่านั้น เสียงดุดันของปูตินก็แปรเป็นการประกาศยกโทษให้ทั้งหมด...กลายเป็นว่าปริโกซินและทหารวากเนอร์ที่ร่วมก่อการทั้งหมด “ไร้มลทิน” ทันที
ตรงกันข้ามคำแถลงจากประธานาธิบดีปูตินและหัวหน้าวากเนอร์เยฟเกนี ปริโกซินล่าสุดยังสะท้อนว่าความตึงเครียดยังดำรงอยู่อย่างสูงระหว่างสองคู่กรณี
อีกทั้งยังมีตัวละครที่ 3 คือประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกแห่งเบลารุสยังไม่ปราฏชัดเจนว่าจะเดินเรื่องต่อไปอย่างไร
อีกทั้งยังมี “ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิด” ที่บอกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียง “ฉากที่ถูกจัดขึ้น” เพื่อเป้าหมายที่ซับซ้อนและลุ่มลึกกว่าที่คนทั้งโลกได้รับรู้
จึงเป็นปฏิบัติการ “ลับ-ลวง-พราง” ที่ยังต้องเกาะติดกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
ในถ้อยแถลงทางทีวีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาปูตินกล่าวหาผู้นำวากเนอร์ที่ก่อกบฏว่าต้องการ "เห็นรัสเซียสำลักในกองเลือดจากการปะทะกัน"
นั่นคือสิ่งที่ศัตรูของรัสเซียต้องการเห็น, ปูตินกล่าว
ในคำแถลงสั้น ๆ 6 นาทีที่เต็มไปด้วยภาษาเดือดดาล ปูตินย้ำว่าจะดำเนินคดีกับกลุ่มผู้นำการจลาจลด้วยการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
แต่เขาเรียกกองทหารวากเนอร์ว่า "ผู้รักชาติ" ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกองทัพ ไปเบลารุส หรือกลับบ้าน
ปูตินไม่ได้เอ่ยชื่อปริโกซิน เจ้านายของวากเนอร์โดยตรง
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง ปริโกซินออกคลิป 11 นาที ปฏิเสธว่าไม่ได้พยายามโค่นล้มระบอบการปกครองของปูติน
แต่ที่ต้องออกมาแสดงอิทธิฤทธิ์นั้นก็เพื่อประท้วงความพยายามจะสลายกลุ่มทหารรับจ้างของเขา
ในเมื่อวาทะของปูตินและปริโกซินที่ยังร้อนแรงแต่ไม่พาดพิงถึงกันและกันโดยตรงสะท้อนว่าความตึงเครียดระหว่างทั้งสองยังอยู่ในระดับสูง
ดราม่าการเมืองรัสเซียเรื่องนี้ยังไม่จบแน่นอน!
ปริโกซินยืนยันในคลิปเสียงว่า “เราไม่ได้ต้องการโค่นปูติน!”
โดยอ้างว่านักรบวากเนอร์ของเขามุ่งหน้าไปยังมอสโคว์เพื่อ "หาผู้รับผิดชอบ" ผู้นำที่เขาตำหนิว่าเป็นผู้ก่อ "ความผิดพลาด" ในสงครามยูเครน
เขาปฏิเสธข่าวที่ว่า"การเดินขบวนเพื่อความยุติธรรม" ของเขามีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มปูติน
เขาอ้างว่าสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้เพราะรัฐมนตรีกลาโหมเซอร์เกย์ ชอยกูบังคับให้สลายกองกำลังรับจ้างวากเนอร์เพื่อผนวกเข้ากับกองทัพภายใน 1 กรกฎาคมนี้
และเขาไปเบลารุสเพราะประธานาธิบดีลูกาเชนโกรับปากจะหาทางทำให้วากเนอร์ยู่ต่อไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
คำถามคือตกลงจะสลายทหารรับจ้างวากเนอร์หรือไม่?
เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า ปฏิบัติการของกลุ่มวากเนอร์จะยังคงดำเนินต่อไปในประเทศมาลีและสาธารณรัฐอัฟริกากลาง
ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของกลุ่มทหารรับจ้างที่มีส่วนร่วมในการก่อเหตุจลาจลเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา
สมาชิกของวากเนอร์ "กำลังทำงานที่นั่นในฐานะครูฝึก" และงานนี้จะยังคงดำเนินต่อไป ลาฟรอฟกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ RT ของรัสเซีย
และเสริมว่าการประท้วงของวากเนอร์สุดสัปดาห์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของมอสโกกับ "พันธมิตรและมิตรสหาย"
พอฟังปูตินแถลงจึงชัดเจนขึ้น
เขาบอกว่าทหารวากเนอร์ส่วนใหญ่เป็นผู้เสียสละและรักชาติ ดังนั้นจึงไม่มีความผิด แถมยังให้ทางเลือก
คือมาลงทะเบียนเข้าประจำการกับกองทัพรัสเซีย
หรือกลับบ้าน
หรือเดินทางไปเบลารุส
ตรงนี้แหละที่น่าสนใจ เพราะหากยอมให้ทหารวากเนอร์ไปเบลารุส นั่นแปลว่าจะให้ไปรวมพลกับปริโกซินเพื่อฟื้นคืนชีพวากเนอร์ที่นั่นอย่างนั้นหรือ
ถ้าเช่นนั้นก็อาจจะสอดคล้องกับทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่บอกว่าปูตินกับปริโกซินสร้างสถานการณ์ทั้งหมดนี้ขึ้นมาเพื่อหาเหตุโอนย้ายทหารรับจ้างไปอยู่เบลารุส
จากจุดนั้นก็สามารถจะโจมตีกรุงเคียฟ, เมืองหลวงของยูเครน, ได้ง่ายดาย
หลายคนไม่เชื่อทฤษฎีนี้เพราะเป็นความเสี่ยงเกินไปสำหรับปูตินที่จะสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาจนทำให้มีภาพว่าเขาอ่อนแอจนทหารรับจ้างกลุ่มเดียวสามารถยึดเมืองรัสเซียทางใต้ได้และยังกำลังเตรียมบุกมอสโกอันเป็นฐานที่มั่นของรัฐบาลรัสเซีย
แต่แม้จะไม่เชื่อแนวคิดนี้ ก็ยังต้องหาคำอธิบายต่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
บางคนเชื่อว่าปูตินยังไม่ให้อภัยปริโกซินแน่นอน และชีวิตของหัวหน้าวากเนอร์อาจจะตกอยู่ในภาวะอันตราย
ขณะเดียวกันก็ต้องหาคำตอบว่าตัวลูกาเชนโกเองนั้นจะเล่นบทอะไรต่อไป
จะช่วยปูตินเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของปริโกซินไม่ให้ก่อเรื่องที่กวนใจปูตินอีก
หรือผู้นำเบลารุสคนนี้กำลังจะมีบทบาทที่โดดเด่นกว่าเดิมเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็นว่าปูตินต้องพึ่งพาเขาไม่น้อยในการทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายลงไปกว่าที่ปูตินอยากจะเห็น
คำถามที่ตามมาก็คือเหตุการณ์ “กบฏวากเนอร์” ครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อทิศทางของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนและต่ออนาคตของปูตินอย่างไร
ปริโกซินอ้างว่าเขาก่อเหตุครั้งนี้ “เพื่อป้องกันการล่มสลายของกลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์”
อีกทั้งอ้างว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการตอบโต้กรณีที่ค่ายทหารของแวกเนอร์ในยูเครนถูกกองทัพรัสเซียโจมตีซึ่งคร่าชีวิตทหาร 30 นายของวากเนอร์
พร้อมย้ำว่า "วากเนอร์กรุ๊ปคือกองกำลังที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในรัสเซีย และการเข้าควบคุมเมืองเมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน (Rostov-on-Don) โดยปราศจากการนองเลือดและการส่งกองกำลังเข้าไปในระยะเพียง 200 กิโลเมตรจากกรุงมอสโกถือเป็นเครื่องยืนยันประสิทธิภาพของเหล่าทหารของวากเนอร์แล้ว"
ฝั่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อถึงวิกฤตรัสเซียว่ายังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบของสถานการณ์รัสเซียที่มีส่งผลต่อสงครามยูเครนได้
ไบเดน ย้ำด้วยว่า สหรัฐฯ และนาโต้ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฏสายฟ้าแลบในรัสเซียของกลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์
และว่าเป็นการลุกฮือและท้าทายอำนาจประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียว่าเป็นปัญหาภายในรัสเซีย
ไบเดนบอกว่าได้หารือกับพันธมิตรและยูเครนเกี่ยวกับสถานการณ์ของรัสเซีย
และให้คำมั่นกับประธานาธิบดีเซเลนสกี แห่งยูเครนด้วยว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในรัสเซีย วอชิงตันจะเดินหน้าการสนับสนุนการปกป้องและอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของยูเครนต่อไป
สรุปได้ว่าสถานการณ์ในรัสเซียยังอยู่ในจุดที่มีความผันแปรสูง และยังมีคำถามอีกมากมายที่ยังรอคำตอบก่อนที่จะสามารถประเมินได้ว่าหลังเหตุการณ์นี้แล้ว
สถานภาพของปูตินจะแข็งแกร่งขึ้น, อ่อนแอลงหรือ...อยู่ระหว่างการหาข้อมูลลี้ลับมหัศจรรย์เพิ่มเติม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว