หลัง ‘ดีลปราบกบฏรัสเซีย’ อนาคต Prigozhin จะเป็นอย่างไร?

เหตุการณ์ “ก่อกบฏ” 36 ชั่วโมงที่รัสเซีย นำโดย เยฟเกนี ปริโกซิน หัวหน้าทหารรับจ้างวากเนอร์ยังคงไม่หายไปจากความสนใจอีกนาน...แม้ว่าสถานการณ์จะดูเหมือนสงบลงแล้ว

แต่ตัวตนและบทบาทของปริโกซินและความสัมพันธ์ของเขากับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียยังจะเป็นเรื่องราวที่ต้องมีการติดตามกันต่อไปอีก

เพราะเมื่อปริโกซินสร้างเรื่อง “ก่อจลาจล” ยึดบ้านยึดเมืองจนทำให้ปูตินดูเหมือนไร้น้ำยาในการควบคุมสถานการณ์เช่นนี้...และสามารถจะ “ลี้ภัย” ไปเบลารุสโดยไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ เลยก็ย่อมเกิดคำถามต่อมาว่า ฉากต่อไปของละครการเมืองนี้จะเดินเรื่องต่อไปอย่างไร

ที่ผ่านมาปริโกซินพร้อมจะรับใช้ปูตินทำงานที่ต้องออกไปลุย และมีความเสี่ยงสูงที่เรียกว่า “งานเปื้อนมือ”

แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าเขาจะทำสิ่งที่ท้าทายอำนาจของปูตินจนเกินเลยเส้นที่จะทำให้ “นายใหญ่” สบายใจได้

ปริโกซินออกจากคุกหลังจากโดนข้อหาปล้นทรัพย์ ขณะที่สหภาพโซเวียตกำลังล่มสลายในปี 1991 เขาก็เริ่มอาชีพด้วยการขายฮอตดอกริมถนนที่เมืองเซนปีเตอร์สเบิร์ก

ที่นั่นเองที่เขารู้จักปูติน ซึ่งขณะนั้นยังเป็นเจ้าหน้ารัฐชั้นผู้น้อย

แต่ต่อมาปริโกซินก็สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยการทำธุรกิจอาหารและร่ำรวย เพราะได้สัญญาจากรัฐมากมายหลังจากที่เพื่อนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และต่อมาก็ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี

เมื่อปูตินเป็นใหญ่ทางด้านการเมือง และต้องทำอะไรหลายอย่างที่ไม่ต้องการให้มีชื่อว่ารัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง เขาก็ใช้ปริโกซิน

เริ่มด้วยสำนักงานวิจัยอินเทอร์เน็ต หรือ Internet Research Agency ซึ่งถูกตะวันตกกล่าวหาว่าเป็นเครื่องมือที่ตั้งขึ้นในปี 2013 เพื่อกระจายข่าวสารข้อมูลที่ต่อต้านกลุ่มเสรีนิยม และส่งเสริมอุดมการณ์ด้านขวาสุดขั้วไปให้ประชาชนที่อเมริกาและยุโรป

แต่บทบาทที่ทำให้ปริโกซินก้าวกระโดดขึ้นเป็นดาวเด่นจริงๆ ก็คือการที่ปูตินขอให้เขาจัดหานักรบไปซีเรียและลิเบียที่รัสเซียไม่ต้องการส่งทหารประจำการไปให้กลายเป็นภาพที่ชัดเจนเกินไป

ปริโกซินจึงก่อตั้งบริษัท Wagner Group เพื่อระดมนักรบเอกชนไปทำการศึกแทนทหารประจำการของรัสเซีย

ชื่อของทหารรับจ้างกลุ่มนี้ปรากฏเป็นข่าวคราวก็ตอนที่รัสเซียบุกยูเครนและผนวกคาบสมุทรไครเมียมาเป็นของตนในปี 2014

ไม่ช้าไม่นาน กลุ่มวากเนอร์ก็มีชื่อเสียงน่ากลัวว่าใช้ความรุนแรงในการทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งสัมปทานเหมืองทองและเพชร

และช่วยสร้างอิทธิพลทางการเมืองของรัสเซียในประเทศต่างๆ ที่รัฐบาลปูตินต้องการ

เช่น สาธารณรัฐแอฟริกากลาง, ลิเบีย, มาลีและซูดาน

ในช่วงระยะนั้น ปริโกซินพยายามไม่ทำตัวเป็นข่าว ไม่เคยแม้จะยอมรับว่า Wagner Group มีตัวตนอยู่จริง

ยิ่งจะให้ยอมรับว่าเป็นเจ้าของบริษัททหารรับจ้างด้วยแล้ว ไม่ต้องพูดถึง

แต่พอเกิดสงครามยูเครน ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนสำหรับตัวปริโกซิน

พอทหารรัสเซียเริ่มพลาดท่าเสียทีในยูเครนบ่อยครั้งเข้า และเขาอ้างว่าเขาสะอิดสะเอียนกับเรื่องของการโกงกินในระดับสูงของกองทัพยูเครน

ประโยคดุเด็ดเผ็ดมันของเขาต่อรัฐมนตรีกลาโหม Sergei K. Shoigu กับผู้บัญชาการทหาร Valery V. Gerasimov มีเช่น

“วันนี้ พวกเราชาววากเนอร์ต้องตายอีก เลือดยังสดๆ อยู่เลย...”

แล้วเขาก็ระบุว่าเขากำลังพูดกับรัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการทหารรัสเซีย     

 “พวกเขามาในฐานะอาสาสมัคร และพวกเขาตายเพื่อคุณจะได้อิ่มหมีพีมันในที่ทำงานบนโต๊ะมะฮอกกานีอย่างนั้นหรือ?”

ยิ่งปริโกซินวิพากษ์ผู้นำทหารบ่อยและแรงขึ้นเพียงใด เขาก็ยิ่งกลายเป็น “บุคคลสาธารณะ” มากขึ้นทุกที

โดยเฉพาะเมื่อเขาคุยว่าทหารรับจ้างของเขาสามารถทำการสู้รบกับยูเครนได้ดีกว่าทหารประจำการของรัสเซีย

เขารับนักโทษหลายพันคนและฝึกให้เป็นทหารรับจ้างก่อนส่งเข้าสนามรบที่แนวรบ Bakhmut จนกลายเป็นข่าวว่านักรบเหล่านี้มีความดุดันและเหี้ยมเกรียมกว่าทหารเกณฑ์ปกติหลายเท่า

ระหว่างนั้นเองที่ปริโกซินเริ่มต่อว่าต่อขานและท้าทายอำนาจของรัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการทหารอย่างตรงไปตรงมา

โดยกล่าวหาว่าผู้นำทหารไม่ยอมส่งกระสุนและอาวุธมาเพิ่มเติมให้กับหน่วยรบของเขา

เขาอ้างว่าจุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา เพราะทหารรัสเซียโจมตีทหารวากเนอร์ขณะที่กำลังนอนอยู่ในค่าย เป็นข้อกล่าวหาที่ทางการรัสเซียปฏิเสธ

แต่วันรุ่งขึ้น ปริโกซินก็นำทหารที่เขาอ้างว่ามีจำนวน 25,000 คนออกจากยูเครน และลุยเข้ารัสเซีย

โดยเริ่มยึดเมือง Rostov-on-Don ซึ่งห่างจากมอสโกไปทางใต้ประมาณ 465 กิโลเมตร

ทหารวากเนอร์สามารถยึดเมืองนี้ได้โดยเกือบจะปราศจากการต่อต้านใดๆ จากทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่ที่นั่น

ว่าแล้วปริโกซินก็ประกาศว่าจะส่งทหารบุกยึดมอสโก ขณะที่ปูตินออกทีวีแถลงว่าการกระทำของวากเนอร์เป็นการ “ก่อกบฏ” ทรยศหักหลังต่อประเทศชาติ โดยที่ปูตินไม่เอ่ยชื่อปริโกซินโดยตรง

แต่แล้วเกมก็เปลี่ยนภายในไม่กี่ชั่วโมง เมื่อปริโกซินประกาศว่าเขาจะถอนทหารออกจากทุกจุด

โดยมีคำแถลงจากโฆษกรัฐบาลรัสเซียว่า มีการเจรจาที่ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ได้ข้อประนีประนอมว่าปริโกซินจะ “ลี้ภัย” ไปเบลารุสโดยแลกกับการที่ปูตินจะไม่ดำเนินคดีกับเขา

และข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อทหารวากเนอร์ก็จะถูกยกเลิก ส่วนที่เหลือของทหารรับจ้างจะขึ้นตรงต่อกองทัพรัสเซียปกติต่อไป

เรื่องที่ร้อนแรงฮือฮาไปทั่วโลกก็มีอันจบลงดื้อๆ ท่ามกลางความงุนงงของคนทั้งโลกที่กำลังติดตามข่าวนี้ด้วยใจระทึก

วันนี้จึงไม่มีความชัดเจนว่าจากจุดนี้ปริโกซินจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

อีกทั้งชะตากรรมของทหารรับจ้างวากเนอร์ก็ยังตกอยู่ในภาวะสับสนเช่นกัน

บางคนตั้งข้อสงสัยว่าปริโกซินจะมั่นใจได้อย่างไรว่าชีวิตของตนจะปลอดภัยหากใช้ชีวิตอยู่ในเบลารุสจริง

เพราะไม่ว่าปูตินจะแก้แค้นหรือไม่ ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็คงจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

อีกทั้งบทบาทของผู้นำเบลารุสที่โดดเด่นขึ้นมาเพราะวิกฤตครั้งนี้อย่างน่าประหลาดก็คงจะกลายเป็นประเด็นที่ตกอยู่ในการติดตามวิเคราะห์ของเหล่าบรรดาแวดวงระหว่างประเทศต่อไปอย่างแน่นอน. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ