นอกจากเวียดนามจะเป็นคู่แข่งไทยในด้านดึงนักลงทุนต่างชาติและการส่งออกแล้ว อีกมิติหนึ่งคือการท่องเที่ยว
ล่าสุดบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ Agoda ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพฯ มองว่าการท่องเที่ยวในเวียดนามเติบโตเร็วกว่าในประเทศไทย
แต่เวียดนามสามารถรักษาความได้เปรียบโดยขจัดอุปสรรคเรื่องวีซ่า เปิดเส้นทางบินมากขึ้น และสร้างเหตุผลทางธุรกิจสำหรับการเดินทาง
เวียดนามมีส่วนแบ่งการเดินทางขาเข้าเพิ่มขึ้นในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้
โดยมาเป็นอันดับ 3 รองจากญี่ปุ่นและไทยในกลุ่มจุดหมายปลายทางในเอเชีย
เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 5 ในปี 2019 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการเดินทางก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19
ประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของ Agoda ในปีที่แล้ว
แต่ถูกแซงเกือบจะทันที โดยญี่ปุ่นซึ่งเปิดพรมแดนอีกครั้งในเดือนตุลาคม
ปีนี้ ถึงเดือนนี้ประเทศไทยต้อนรับผู้มาเยือนกว่า 11 ล้านคน
ซึ่งเพียงครึ่งปีก็มีตัวเลขสูงกว่าปีที่แล้ว
เป็นสถิติการเดินทางทั้งขาเข้า ขาออก และการท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัว
เป้าหมายของรัฐบาลไทยคือจะต้องสร้างให้การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง
เพราะเป็นเครื่องยนต์หนึ่งในสองที่เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทยเคียงคู่กับการส่งออก
เมื่อปีนี้ภาพการส่งออกมีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลง เพราะเศรษฐกิจโลกมีอาการซบเซา รายได้จากการท่องเที่ยวก็ยิ่งสำคัญมากขึ้น
ปี 2562 รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นประมาณ 1 ใน 5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ทีเดียว
ถ้าถามคนที่อยู่ในวงการธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างคุณ Omri Morgenshtern ซึ่งเป็นซีอีโอของ Agoda ประจำประเทศไทย ก็จะได้คำตอบว่า
"ประเทศไทยเป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีเยี่ยมเสมอ...แต่ถ้าจะให้การท่องเที่ยวยั่งยืนและขยายตลาดเพิ่มขึ้นอีก ประเทศไทยก็ต้องพยายามช่วยหาเหตุผลให้ผู้คนมาที่นี่มากกว่านี้ด้วยวิธีการต่างๆ"
พูดง่ายๆ คือเขากำลังบอกว่าเราจะอาศัย “บุญเก่า” หรือจุดขายเดิมๆ อย่างเดียวไม่พอแล้ว
ยิ่งเมื่อมีคู่แข่งข้างบ้านเราปรับปรุงความน่าสนใจด้านการท่องเที่ยวของตนตลอดเวลา เช่นเวียดนาม
มอร์เกนชเทิร์นบอกนักข่าวในการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับทิศทางการท่องเที่ยวของไทยจากสายตาของธุรกิจจองที่พักออนไลน์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียว่า
แม้ว่าเกาหลีใต้จะส่งนักท่องเที่ยวขาเข้ามายังประเทศไทยกลุ่มใหญ่ที่สุด แต่ก็มีชาวเกาหลีจำนวนมากที่เดินทางไปญี่ปุ่นและเวียดนาม
ทั้งนี้เพราะเกาหลีใต้ไปเปิดโรงงานที่เวียดนามในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น
ทำให้มีการก่อตัวของชุมชนชาวต่างชาติที่กระจายข่าวเกี่ยวกับเวียดนามทางบ้านมากขึ้น
“ยิ่งคุณนำการลงทุน ธุรกิจ และผู้คนเข้ามาได้มากเท่าไหร่... คุณก็สามารถขับเคลื่อนการท่องเที่ยวได้เมื่อเวลาผ่านไป” มอร์เกนชเทิร์นกล่าว
เราอาจจะไม่เคยโยงการลงทุนต่างชาติด้านอุตสาหกรรมกับการท่องเที่ยว แต่คนที่อยู่ในวงการนี้วิเคราะห์ลงรายละเอียดเลยว่า
ถ้ามีนักลงทุนเข้ามาในประเทศมากขึ้น พวกเขาก็จะส่งข่าวกลับบ้านเพื่อชักชวนให้ผู้คนจากประเทศนั้นไปเที่ยวที่นั่นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
น้อยคนจะรู้ว่า Agoda มีสำนักงานที่ใหญ่ไม่น้อยในกรุงเทพฯ เพราะมีพนักงานมากกว่า 3,000 คน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของพนักงานทั่วโลก
มอร์เกนชเทิร์นรับตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” ตั้งแต่ปีที่แล้ว จึงอยู่ในฐานะจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยวในไทยและภูมิภาคนี้ระหว่างช่วงท้ายๆ ของโควิด-19 กับแนวโน้มของวันนี้
เขาบอกว่าการเดินทางเพื่อธุรกิจยังไม่ฟื้นตัว แต่เห็นโอกาสที่ประเทศไทยจะดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Agoda และการประชุมทางธุรกิจจากสิงคโปร์มาได้ไม่ยากนัก หากมียุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ
เขาเชื่อว่าประเทศไทยจะต้องสร้างระบบนิเวศของสตาร์ทอัป อีกทั้งยังต้องส่งเสริมให้ผู้คนให้รู้จักความคิดที่แตกต่างเพื่อให้ประเทศกลายเป็นศูนย์กลางของธุรกิจที่เกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งหลาย
นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเคยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 3 รองจากชาวเกาหลีและชาวมาเลเซีย
วันนี้การจองมาเที่ยวประเทศไทยจากจีนฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับประมาณ 80% ของปี 2562 บนแพลตฟอร์มของ Agoda
โดยสังเกตได้ว่าเป็นการก้าวกระโดดขึ้นทันทีหลังจากที่จีนเปิดประเทศอีกครั้งในเดือนมกราคมปีนี้
แต่ตัวเลขนี้กลับลดลงในเดือนต่อๆ มา
เหตุผลสำคัญคือข้อจำกัดด้านวีซ่าและจำนวนสายการบินยังคงจำกัดอยู่
เขาเชื่อว่าการเดินทางจากจีนจะกลับไปสู่ระดับเดิมภายในสิ้นปีนี้
ญี่ปุ่นก็เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของชาวจีนไม่น้อย
พอจีนเปิดประเทศอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้ ญี่ปุ่นก็ได้ประโยชน์ทันทีเพราะอาการ “อั้น” มาสองปีอันเป็นผลจากโรคระบาด
เสน่ห์ของญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นเพราะมีความหลากหลาย
คนมาเที่ยวประเทศไทย เพราะแสวงหาอากาศที่ดี ชายหาด และงานปาร์ตี้
แต่ญี่ปุ่นมีดิสนีย์แลนด์ เมืองต่างๆ และการเดินทางเพื่อธุรกิจก็ช่วยผลักดันให้ตัวเลขนักเดินทางเข้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
Agoda มองธุรกิจการจองการท่องเที่ยวที่ต้องปรับตัวและขยายกิจกรรมเพื่อการเติบโตผ่านการใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์
การใช้ AI จะเปลี่ยนวิธีการค้นหาของนักท่องเที่ยวทางออนไลน์และปรับปรุงการดำเนินหลังบ้าน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องปรับปรุงเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและเสนอราคาที่ต่ำลง
ซึ่งเป็นเกราะป้องกันเงินเฟ้อ ความผันผวนของค่าเงิน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในสิงคโปร์ในปี 2002 และถูกซื้อโดย Booking Holdings ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในปี 2007 เป็นแพลตฟอร์มเพื่อการท่องเที่ยวที่มีความเชี่ยวชาญในเอเชียแปซิฟิก
การจองมีรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 ที่ผ่านมา ที่ 17 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 578,000 ล้านบาท
โดยยอดจองการเดินทางรวมมีมูลค่า 121.3 พันล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 4.1 ล้านล้านบาท
แนวทางวิเคราะห์ของคนที่อยู่ในแวดวงที่มองเห็นการแข่งขันด้านการแย่งชิงนักท่องเที่ยวอย่าง Agoda จึงมีประโยชน์สำหรับการวางยุทธศาสตร์สำหรับรัฐบาลไทยใหม่ที่กำลังจะต้องสร้างจุดแข็งของไทยในด้านต่างๆ อย่างเร่งด่วน...และยั่งยืน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ