ชวนมอง..ต่างมุม

ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกหรือแปลกใจอะไรที่สังคมไทยยังมีข้อถกเถียงอภิปรายเรื่องระบบการเรียนการสอนในบ้านเรา เพราะย้อนระลึกถึงตอนตัวเองยังเป็นนักเรียนนุ่งกระโปรงจีบรอบตัวและผูกคอซอง ก็เคยหงุดหงิด สงสัย และตั้งคำถามในใจว่า

..ชั้นไม่เห็นอยากจะรู้เลยว่า เครื่องบินใช้ความเร็ว...รถไฟใช้ความเร็ว...แล้วมันจะไปเจอกันที่ตรงไหน

...เราจะรู้ไปทำไมว่า อะมีบา พารามีเซียม เป็นสัตว์กี่เซลล์

มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรเลยกับชีวิตประจำวันของชั้น

แล้วเพราะอย่างนี้นี่เอง เราก็มักจะได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ระบบการศึกษาแบบไทยยัดเยียดทุกอย่างให้เด็ก หรือจะโทษว่าระบบการศึกษาของเรานิยมสอนเด็กให้เป็นนกแก้วนกขุนทอง

สรุปว่า มองมุมลบกันเยี่ยงนี้เป็นส่วนใหญ่ 

ทำไมล่ะ ไม่มีใครคิดมองต่างมุมว่า การที่ให้เด็กได้เรียนรู้ทุกอย่างทุกวิชาเป็นพื้นฐาน คือห้องทดลองสร้างประสบการณ์ชีวิตอย่างหนึ่ง ให้เขาได้เรียนรู้ว่า อยากเรียน และชอบเรียนอะไร ไม่ชอบอะไร

ทำไมเราไม่มองกันว่า การให้เด็กได้รู้จักทุกวิชานั้น คือ การเปิดทางเลือกให้เด็กแต่ละคนได้เลือกรู้ เลือกตัดสินใจว่า เขาจะไปเอาดีทางไหน แต่ในทางตรงกันข้าม เรากลับบ่นนั่นโน่นนี่ว่า ไปเสียเวลาทำไมกับการเรียนร้องเพลง เรียนพลศึกษา เรียนวาดเขียน

การที่มุ่งเน้นให้เด็กมีความเป็นเลิศในวิชาใดวิชาหนึ่ง หรือวิชาที่จำกัดเฉพาะว่าต้องนำไปศึกษาต่อ ซึ่งก็ไม่พ้นภาษาอังกฤษ เลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ โดยไม่มีช่องว่างให้รู้จักเรียนรู้วิชาสังคม วิชาสันทนาการ หรือวิชาเลือกสร้างเสริมประสบการณ์นั้น เราอาจจะได้ผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักสังคม คิดนอกกรอบไม่เป็น หรือไม่ก็จัดตัวเองอยู่แต่ในห้องทดลองก็ได้

บอกตรงๆ ว่า พอถึงจุดจุดหนึ่ง เราจะเข้าใจว่า ไม่ได้มีวิชาอะไรเลยที่ต้องถูกยัดเยียดให้เป็น "จำเลย" ในข้อหา ..เสียเวลาไปเรียนทำไม?? เพราะถ้าเราไม่ได้เรียน เราก็ไม่รู้ด้วยตัวเองสินะว่ามันสนุกหรือน่าเบื่อ หากเราไม่ถูกบังคับว่าต้องเรียน เราก็คงไม่มีโอกาสที่จะเซอร์ไพรส์ว่า สนุกจัง และนี่ใช่เลย!! เส้นทางของเรา

อยากจะยืนยันว่า เรื่องของการเรียนรู้แล้ว ต้องลืมไปเลยกับคำว่า "เสียใจ" เพราะการแค่ได้เรียนก็คือไม่มีขาดทุนแล้ว เพียงแต่เราจะทำกำไรได้จากมัน หรือแค่เท่าทุนเท่านั้น.

'ป้าเอง'

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คอนเทนต์...คนวัยตกกระ

เมื่อใกล้จะหมดเวลาไปอีกปี ถือเป็นวัฒนธรรมตามปกติกับช่วงเวลานี้ที่เพื่อนสนิทมิตรสหายจะนัดกันไปกินข้าวกันสักมื้อเป็นการส่งท้ายปี หรือไม่ก็เพื่อฉลองต้อนรับปีใหม่

ไชน่าทาวน์..แห่งใหม่

กลายเป็นถนนทำเลทองสมชื่อแล้วในยามนี้ สำหรับถนนบรรทัดทอง ในเขตปทุมวัน ที่ขนานกับถนนสวนหลวงและสามย่าน

เตรียมตัวให้พร้อม..ช่วงเทศกาล

ไม่ได้มาชวนคุยเรื่องสุขภาพร่างกาย ที่จำเป็นต้องพร้อมถ้าจะออกเที่ยว เพราะอายุปูนนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องใส่ใจดูแลตัวเองก่อน จึงจะตัดสินใจว่า จะก้าวเท้าออกจากบ้านเพื่อท่องเที่ยว มิเช่นนั้นไปเจ็บป่วยกลางทาง นอกจากทำให้ตัวเองเซ็งเป็ดแล้ว ยังส่งผลกระทบทำให้ก๊วนแก๊งเพื่อนๆ พลอยเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย

เงิน..ก้อนสุดท้าย!!

สะท้อนสะเทือนใจจริงๆ นะคะ กับเรื่องราวข่าวสารว่าด้วย ..เงิน-เงิน-เงิน..ของคนวัยเกษียณที่มลายหายไป เพราะถูกเบี้ยวถูกโกง จากนักธุรกิจประเภทเล่นแร่แปรธาตุ รวมไปถึงบรรดาสแกมเมอร์ อีกทั้งคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพทั้งหลาย

คิดถึงพ่อ ทำความดี ด้วยการบริจาคโลหิต

ทุกวันที่ 5 ธันวาคม นอกจากเป็นวันพ่อแห่งชาติแล้ว พวกเราพสกนิกรชาวไทยระลึกอยู่เสมอว่าเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ทำตัวเป็นแสงสว่าง

อ่านเรื่องนี้แล้วชอบค่ะ ..จึงอยากให้ทุกคนได้อ่านบ้าง.. มีตรอกอยู่ตรอกหนึ่ง ที่ทั้งมืดและทั้งแคบ คืนหนึ่ง มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกดังกล่าว เพื่อมุ่งหน้าไปยังอาราม