ระวัง ตึกเก่าเมืองหลวง

การเมืองก็เรื่องใหญ่ แผ่นดินไหวก็สำคัญมาก เมื่อสองวันก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว คนกรุงเทพฯที่อาศัยและททำงานอยู่บนตึกสูงต่างรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน  

ล่าสุด “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์เฟสบุ๊คแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจ ผู้ที่เกี่ยวข้องควรกระตือรือร้นควรใส่ใจก่อนจะเกิดความสูญเสียขึ้นในเมืองหลวง

 “พี่เอ้” บอกว่า เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางนอกชายฝั่งของเมียนมา แรงสั่นสะเทือนรู้สึกถึงกรุงเทพ นี่ขนาดเพียง 6.0 ถ้าเป็น 7 หรือ 8 อาจเกิดความเสียหายรุนแรงได้  และอันตรายมากกว่าที่คิด

เพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่อันดามัน ขนาด 8.9 ในปี 2547 และ ที่เชียงราย ขนาด 6.3 ปี 2557 สร้างความเสียหายรุนแรง และมีคนไทยเสียชีวิต พิสูจน์ว่าแผ่นดินไหวเป็น "อันตรายจริง" และกรุงเทพได้รับผลกระทบแน่นอน

ตึกเก่าในกรุงเทพ ก่อนกฎหมายการออกแบบป้องกันแผ่นดินไหวออกมา ต้องได้รับการตรวจและประเมินความปลอดภัย อย่าคิดว่าไม่เป็นไร ไม่จริงครับ มีความเสี่ยงแน่นอน

ผมขอแนะนำ เรื่องที่ต้องทำ 4 เรื่อง 1.ตรวจสอบอาคารที่มีความเสี่ยง เร่งตรวจสอบ ประเมินความเสี่ยงของอาคารเก่า ที่มีอายุมากกว่า 20-30 ปี โดยเฉพาะอาคารตึกแถวสูง 4-5 ชั้น ที่โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือปูนเก่า ที่มีจำนวนไม่น้อยในกรุงเทพ ควรระบุเป็น "สีเขียว คือ ปลอดภัย" "สีเหลือง คือ ปลอดภัย แต่ต้องปรับปรุงเล็กน้อย" และ "สีแดง คือ อาจไม่ปลอดภัย ต้องรีบปรับปรุงใหญ่"

2.ระบบเตือนภัย ทันทีหลังแผ่นดินไหว แม้จะมีสถานีวัดแผ่นดินไหวมากมายทั่วโลก และรู้ทันทีเมื่อเกิดแผ่นดินไหว แต่คนกรุงเทพ มารู้ตัวจากแรงสั่นสะเทือน หรือ จากสำนักข่าว อาจช้าไป และทำอะไรไม่ถูก

3.เจอภัยธรรมชาติ ทำอย่างไร เด็กไทยต้องเรียนรู้ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ไฟไหม้ อาคารถล่ม และอุบัติเหตุอื่น ๆ โรงเรียนต้องสอนและฝึกปฏิบัติ การเอาชีวิตรอด และช่วยเหลือชีวิตผู้อื่น มั่วไม่ได้

4.บุคคลากรด้านต้านภัยพิบัติ จำเป็น"ทั้งผู้เชี่ยวชาญ ทั้งวิศวกร ทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทั้งนักอบรม ด้านการต้านภัยพิบัติของไทย น้อยมากจริงๆ แสดงถึงความ "ไม่ให้ความสำคัญ" กับด้านนี้เท่าที่ควรเป็น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เร่งตีปี๊บผลงาน

อยู่ในช่วงเร่งตีปี๊บผลงานรัฐบาลแบบด่วนๆ ตามดำริของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายแก่ทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำโดย “หมอชัย” ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ

“ชัยชนะ=อดทน”

“เกือบหลับ แต่กลับมาได้ ” มีให้เห็นเสมอ สำหรับ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย (มท.1) ในฐานะ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)

ให้ฟัง อ.วิษณุ

ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นกุนซือของ เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เนติบริกร-วิษณุ เครืองาม มาทำงานอย่างเคร่งครัด

ต้อนรับพรรคคอมฯ เวียดนาม

การเมืองกำลังฮึ่มๆ รายวัน ส่วนใหญ่เน้นไปทางความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับรัฐบาล พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย ส่วนพรรคอื่นดูเหมือนนานๆ ทีจะเป็นที่กล่าวถึง

“ยิ้มสยบ”

นับว่าเรื่องนี้ยาวติดต่อกันมาหลายวัน สำหรับ “หมอเกศ” พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ได้คะแนนสูงสุดในการเลือกสว.ระดับประเทศในลำดับที่ 1 แต่สังคมไทยก็ยังมีเรื่องแคลนใจจนถึงปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องมหาวิทยาลัยที่เรียน หรือวุฒิการศึกษา ล่าสุดมีคนในโซเชียลได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ในหลายทาง

คุณพ่อลูกสอง

ยังทำงานแข็งขันดรีมทีมกันต่อ สำหรับทีมโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่นำโดย “สส.มุ่ง” อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรค พร้อมด้วยรองโฆษก “เนน่” รัดเกล้า สุวรรณคีรี , “เบียร์” ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ และ “ลอรี่” พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ