Www.thaipost.net ไทยโพสต์ ขับเคลื่อน "อิสรภาพแห่งความคิด" @ ประชาชื่น 46 คดีเรื่องหุ้นสื่อไอทีวีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เหมือนจะดีขึ้นในหน้าของสื่อสารมวลชนบางแขนง โดยเฉพาะข้อมูลจากฝั่งไอทีวีที่ออกมา รวมทั้งคลิปเสียง
แต่หากไปถาม “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” มือตรวจสอบ หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน คือ บริษัทนั้นเลิกกิจการและจดยกเลิกไปแล้วหรือไม่ มีรายได้จากการทำสื่อหรือไม่ โดยไม่สนใจว่าจะมีสัดส่วนการถือหุ้นเท่าไหร่ สวนทางกับฝ่ายหนุน “พิธา” ที่บอกว่า ศาลดูว่ารายได้มีที่มาเกี่ยวกับสื่อหรือไม่ รวมทั้งอ้างคำพิพากษาศาลฎีกา ดูว่าสัดส่วนการถือหุ้นครอบงำกิจการสื่อได้หรือไม่
นอกจากเรื่องหุ้นสื่อไอทีวีแล้ว อีกข้อต่อสู้หนึ่งที่ยังไม่ยุติคือ "พิธา" ถือหุ้นสื่อในนามผู้จัดการมรดกหรือไม่ ยิ่งการโอนหุ้นไอทีวีในนาม "พิธา" ให้น้องชายเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา มิใช่ "การสละมรดก" คำถามจึงตามมาว่า แท้จริงแล้วมีการแบ่งทรัพย์สินในฐานะผู้จัดการมรดกและสละมรดกตอนไหน สละทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองหรือไม่ และสละหุ้นสื่อไปก่อนที่จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ปี 62 และ 66 หรือไม่ แม้จะมีหลักฐานคำสั่งศาลที่ยื่นทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ในปี 2562 ว่าการถือหุ้นสื่อในฐานะผู้จัดการมรดกแล้วก็ตาม
๐ จากข้อสังเกตนี้ทำให้ "เรืองไกร" ขอให้ กกต.ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของ พิธาที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ว่ารายการโฉนดที่ดิน หมายเลข 13543 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯ ไม่ระบุวัน เดือน ปี ที่ได้มา เนื้อที่ 14 ไร่ 0 งาน 62.7 ตารางวา มูลค่าปัจจุบัน (ประมาณ) 18,000,000 บาท โดยที่ดินแปลงดังกล่าวมีหมายเหตุระบุว่า “ลำดับที่ 2 เป็นทรัพย์ที่ได้รับจากการรับมรดก”
คำถามก็คือ “เป็นทรัพย์ที่ได้รับจากการรับมรดก” จึงอาจไม่สอดรับกับข้อมูลที่มีการยื่นเพิ่มเติมกรณีแจ้งการถือครองหุ้นไอทีวี ที่กล่าวอ้างตามปรากฏในสื่อต่างๆ ว่ายื่นในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก ทั้งนี้กล่าวโดยสรุป “เรืองไกร” มองว่า เพราะแท้จริงแล้ว พิธาแบ่งมรดกเสร็จสิ้น โอนทรัพย์สินมรดกมาเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้วทุกอย่างใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ปมข้อสังเกต และจะมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ 98 (3) หรือไม่ คงอยู่ที่ กกต. หรือศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินอย่างไร
๐ งงกันเป็นแถวหลังขึงขังกันทั้งสองฝ่ายคือพรรคก้าวไกลได้จำนวน 151 เสียง และพรรคเพื่อไทยได้จำนวน 141 เสียง จะต้องยึดเก้าอี้ประธานสภาฯ ให้ได้ เพราะมีตัวเลขห่างกันแค่ 10 เสียงเท่านั้น เพราะมีผลต่อการกำหนดเกมต่างๆ ทั้งเรื่องการเลือกนายกฯ และผลักดันกฎหมายต่างๆ ที่สำคัญ รวมถึงการแก้ไขมาตรา 112 แต่ทำไมจู่ๆ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาประสานเสียง พรรคที่ได้เสียง ส.ส.อันดับหนึ่งได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ส่วนพรรคอันดับสองได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ เล่นเอาสมาชิกและคอการเมืองสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น โดย "อดิศร เพียงเกษ" ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาสอนมวยว่า เก้าอี้ดังกล่าวจะตัดสินจากแกนนำ 1-2 คนไม่ได้ พร้อมกล่าวหา "เสี่ยอ้วน" เป็นก้าวไกลไปแล้ว
ขณะที่คนการเมืองก็สงสัยว่าเพื่อไทยกำลังเล่นเกมอะไร ทั้งที่เป้าหมายที่จะพานายใหญ่ กลับบ้าน พรรคเพื่อไทยต้องได้ตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น เพื่อต่อรองกับผู้มีอำนาจ บางฝ่ายมองว่าแกล้งฟัดกันเองให้เกิดประเด็นความเห็นต่างภายในพรรคแดงเพื่อให้เกิดการฟรีโหวต เพราะเป็นการลงคะแนนลับหากมีการเสนอคู่แข่ง หรืออาจมองว่าสุดท้ายเพื่อไทยอาจมีคะแนนเหนือพรรคก้าวไกล กลายมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรับรอง ส.ส.ของ กกต. ที่ตัด ส.ส.พรรคก้าวไกลจำนวนมาก หรือจะมีบางพรรคสลายตัว ด้วยยุทธวิธี “ไพบูลย์โมเดล” หรือใช้มติขับ ส.ส.ออกจากพรรคบางส่วน อย่าง “ธรรมนัสโมเดล” เพื่อไปรวมเสียงให้พรรคเพื่อไทยจนได้เป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของ “ภูมิธรรม” และ “ประเสริฐ” คือ พรรคอันดับหนึ่งได้ประธานสภาฯ และอาจหมายรวมถึงส้มหล่นเก้าอี้นายกฯ ด้วยใช่หรือไม่.
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน Dinner Talk Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market เหมือนกับการแถลงนโยบายรัฐบาลอีกครั้งของพ่อนายกฯ และยิ่งบดบังบทบาทของ บุตรสาว อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ
บันทึกหน้า 4
ปมร้อนเรื่องกฎหมายกาสิโน สุดท้าย ครม.ก็มีมติเห็นชอบ หลังคณะกรรมการกฤษฎีกาตั้งข้อ สังเกต 6 ประเด็น
บันทึกหน้า 4
วันนี้ขอบันทึกเริ่มต้นด้วยสุภาษิตไทย "รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง" เพราะนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร โอดครวญกับเด็กๆ ว่า "ถูกบูลลี่" เรื่องการแต่งตัว และวันต่อมาก็พูดในระหว่างหาเสียง อบจ.ที่นครพนมว่า.. ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะมีนักร้องคอยจับผิด
บันทึกหน้า 4
"นายหัวชวน" ออกโรงตวัดใบมีดโกนกรีดปาก "นายใหญ่" เจ้าของตำแหน่ง สทร. "คุณทักษิณบอกว่าเขาคือนักการเมืองรุ่นใหม่ แต่ผมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง
“ไม่ต้องรอมติพรรค”
“ คนท้องถิ่น...คนศรีสะเกษ... “คนบ้านเดียวกัน” ถือสโลแกนหาเสียงของ “นายกฯส้มเกลี้ยง” วิชิต ไตรสรณกุล ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ ในนามกลุ่ม “คนท้องถิ่น” และยังเป็นคุณพ่อของ “เลขาฯกวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
บันทึกหน้า 4
ต้องยกนิ้วให้ “โทนี่ วู้ดซัม” เสียจริงๆ เพราะขยับปากแต่ละทีนอกจากสร้างความฮือฮาให้สังคมแล้ว ยัง สร้างภาระให้กับลูกสาวอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีอีกด้วย โดยล่าสุดก็ในการไปหาเสียงให้ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ศรีภรรยา “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่จะลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค.นั่นแล ...๐