เมื่อบลิงเกนเหยียบถ้ำเสือที่ปักกิ่ง

เมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเกน “เหยียบถ้ำเสือ” ที่ปักกิ่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ย่อมมีการวิเคราะห์กันว่าความสัมพันธ์อันเย็นชาระหว่างสองยักษ์จะก้าวไปในทิศทางไหน

ผมสรุปได้ว่า “ยังต้องดูกันยาวๆ” ครับ

เพราะที่เห็นอยู่วันนี้คือ การวางท่าและจัดลีลาของสหรัฐฯ กับจีน ที่ต่างคนต่างต้องการจะเล่นเกมสร้างความได้เปรียบทางด้านการเมือง การทูต และความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่ปักกิ่งรีรอมาระยะหนึ่ง ไม่ต้องการให้รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาเยือนปักกิ่งภายหลังเกิดกรณี “บอลลูนสอดแนม” และประเด็น “ไต้หวัน” ก็ได้เวลาจะ “สั่งสอน” ให้วอชิงตันได้ตระหนักว่าอย่ามากระตุกหนวดเสือบ่อยและแรงเกินไปนัก

สหรัฐฯ พยายามจะตื๊อให้มีการพบปะระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมที่สิงคโปร์ (Shangri-La Dialogue) เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

แต่รัฐมนตรีกลาโกมจีน หลี่ ซ่างฝู ก็ยอมแค่ไปจับมือทักทายรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ลอยด์ ออสติน ในงานเลี้ยงเท่านั้น

ไม่ยอมนั่งลงเสวนาด้วย...เพราะยังต้องการจะส่งสารกดดันไปให้สหรัฐฯ ได้สำเหนียกว่าจะต้อง “ทำตัวให้ดีกว่านี้ก่อน”

ต่อมาจึงเกิดการต่อสายคุยกันระหว่างบลิงเกนกับฉิน กัง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

เพื่อปูทางให้บลิงเกนไปเยือนปักกิ่งได้ในที่สุด

ก่อนบินไปจีน บลิงเกนออกข่าวว่าจะพยายาม “ลดโอกาสในการคำนวณผิดพลาด” ระหว่างสองประเทศ

แม้ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วสองฝ่ายคาดว่าความตึงเครียดในระยะยาวจะลุกลามได้อยู่ดี

เพราะสาระจริงๆ ของความขัดแย้งยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังแต่อย่างใด

การไปเยือนปักกิ่งของบลิงเกนช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการเดินทางครั้งแรกของนักการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ เข้าจีนในรอบเกือบ 5 ปี

โดยเปลี่ยนกำหนดการเยือนใหม่ซึ่งยกเลิกไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากสหรัฐฯ ระบุว่าตรวจพบบอลลูนสอดแนมของจีน

ในการต่อสายคุยกันก่อนการเดินทาง จากบลิงเกนถึงฉินกังนั้น ฝ่ายมะกันเน้นย้ำถึง "ความสำคัญของการรักษาสายสื่อสารแบบเปิดเพื่อจัดการความสัมพันธ์ด้วยความรับผิดชอบ"

ความสัมพันธ์ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลกเข้าสู่ภาวะสั่นคลอนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เพราะประเด็นไต้หวัน การค้าและสิทธิมนุษยชน และเรื่องระหองระแหงอื่นๆ ที่ต่างฝ่ายต่างต้องการปกป้องผลประโยชน์แห่งตน

ฝ่ายอเมริกาอ้างว่าสหรัฐฯ "มองสถานการณ์ตามความเป็นจริง"

ซึ่งแปลว่าวอชิงตันไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงนัก ที่จะทำให้จีนยอมปรับปรุงความสัมพันธ์ให้พ้นจากสภาพเย็นชาที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

ฝ่ายสหรัฐฯ ก็อ้างว่าบลิงเกนไปเมืองจีนพร้อมกับ "ความปรารถนาอย่างจริงใจในการบริหารจัดการการแข่งขันของเราทั้งสองด้วยวิธีที่มีความรับผิดชอบมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

สหรัฐฯ หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ "จะลดความเสี่ยงในการคำนวณผิดเป็นอย่างน้อย เพื่อให้เราไม่หันเหไปสู่ความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น"

ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐฯ จากทั้งสองพรรคใหญ่ต่างมองจีนว่าเป็นคู่แข่งสำคัญของสหรัฐฯ

ขณะที่ในช่วงหลังนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน มุ่งตอบโต้รัสเซียเรื่องการรุกรานยูเครน

ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศเอเชียของทำเนียบขาวคนดัง เคิร์ด แคมป์เบลล์ ยอมรับหน้าชื่นตาบานว่า

“เรารู้ว่าความพยายามในการกำหนดหรือปฏิรูปจีนในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานั้นล้มเหลว”

จีนก็คงอ้างได้ว่า กำลังอ่านสถานการณ์แบบที่เป็นจริงเช่นกัน ไม่ได้มองจากมุม “โลกสวย”

ฉิน กัง เตือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังเผชิญกับ "ความยากลำบากและความท้าทายใหม่" ตั้งแต่ต้นปี

“ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ” ฉินกล่าวอย่างไม่เกรงใจวอชิงตัน

“จีนมองและจัดการความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เสมอตามหลักการของการเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายที่เสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง” รัฐมนตรีต่างประเทศจีนยืนยัน

แคมป์เบลล์เชื่อว่า จีนอาจจะยังเดินหน้าจัดการกับปัญหาไต้หวันอย่างแข็งกร้าว

เพราะรู้ว่าหากไม่ทำอะไรขึงขัง สหรัฐฯ ก็คงไม่ยอมถอย

จีนกล่าวหาว่าสหรัฐฯ ก่อปัญหาในไต้หวันเพราะต้องการขายอาวุธให้

อีกทั้งยังมี ส.ส.และ ส.ว.อาวุโสมาเยือนเกาะแห่งนี้คนแล้วคนเล่า

ด้านหนึ่งคือความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไต้หวัน จีนเตือนวอชิงตันว่าอย่าส่งอาวุธให้ไทเป

อีกด้านหนึ่งคือความผูกพันระหว่างจีนกับรัสเซีย อเมริกาพยายามกดดันไม่ให้ปักกิ่งส่งอาวุธให้มอสโกเพื่อทำสงครามยูเครน

บลิงเกนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนแรกของสหรัฐฯ ที่เยือนปักกิ่ง นับตั้งแต่ไมก์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2018

ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน พบกับสี จิ้นผิง ที่บาหลีของอินโดนีเซียในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยต่างฝ่ายต่างรับปากที่จะพยายามป้องกันไม่ให้ความตึงเครียดระหว่างกันลามไปถึงขั้นที่อยู่นอกเหนือการควบคุม

ตอนนั้น มีการตกลงกันว่าจะส่งบลิงเกนไปปักกิ่งเพื่อสร้างบรรยากาศของการฟื้นคืนความสัมพันธ์ที่เสื่อมทรามลง

แต่แล้วก็เกิดเหตุ “บอลลูนสอดแนม” จนเป็นเหตุให้ต้องเลื่อนการไปมาหาสู่กันในระดับรัฐมนตรีจนถึงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เมื่อเร็วๆ นี้ทั้งสองฝ่ายได้รับปากอีกครั้งว่าจะพยายามหาทาง “บริหารจัดการ” ไม่ให้ความตึงเครียดระหว่างกันบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเกินกว่าเหตุ

รวมถึงการปิดประตูคุยกันระหว่างเจก ซัลลิวัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน และนักการทูตอาวุโสของจีน หวัง อี้ ที่กรุงเวียนนาเมื่อเดือนที่แล้ว

ทรัมป์เปิดเกมแรงเล่นงานจีน แต่ไบเดนพยายามแยกแยะความสัมพันธ์ ส่วนไหนที่ไปกันได้ก็เดินหน้าสานสัมพันธ์ ส่วนที่ยืนกันคนละด้านจริงๆ ก็เก็บเอาไว้เพื่อหาทางผ่อนหนักให้เป็นเบา

แต่ดูเหมือนมีเรื่องใหม่ๆ ที่สร้างความบาดหมางได้ตลอดเวลาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยทำเนียบขาวกล่าวหาว่าจีนไปตั้งหน่วยข่าวกรองในบริเวณใกล้เคียงคิวบามาแล้วเป็นเวลาหลายปี

และได้ยกระดับการทำงานของหน่วยงานหาข่าวเกี่ยวกับสหรัฐฯ ในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์อยู่ในทำเนียบขาว

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนถูกถามเรื่องนี้ เขาบอกปัดหน้าตาเฉยว่า "ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้”

และวิพากษ์นโยบายของสหรัฐฯ ต่อคิวบาว่าไม่สร้างสรรค์

อีกด้านหนึ่งในเอเชีย กองกำลังสหรัฐฯ ได้ขยายบทบาททางทหารทางตอนใต้ของญี่ปุ่นและทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์

เป็นสองจุดยุทธศาสตร์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับไต้หวัน

เป็นที่มาของการชี้นิ้วกล่าวหากันและกัน

“คุณใช้กลยุทธ์ยั่วยุผมตลอดเวลา...อย่างนี้จะให้เชื่อได้อย่างไรว่าที่มาพูดคุยกันนั้น ทำด้วยความจริงใจ?”

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ