คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...นับวันอะไรต่อมิอะไรใน โลกเสมือนจริง หรือโลกโซเชียล มีเดีย ชักมีบทบาท อิทธิพลเหนือซะยิ่งไปกว่า โลกแห่งความเป็นจริง หรือโลกโดยปกติ ธรรมดา ยิ่งเข้าไปทุกที ชนิดไม่ว่าวิทยุ ทีวง ทีวี ไปจนถึงบรรดาหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย ต่างหนีไม่พ้นต้องไปเกี่ยว ไปโยง ไปหยิบเอาอะไรต่อมิอะไรในโลกโซเชียล มีเดีย มาเป็นแก่นสาระ เป็นโครงเรื่อง เป็นตัวดำเนินเรื่อง ของความเป็นไปในโลกแห่งความจริง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย...
------------------------------------------
เท่าที่ดูทีวีในแต่ละช่อง ที่มีเพิ่มเติมกว่ายุคอดีต หรือกว่า 3-5-7-9 และ 11 ไม่รู้จะกี่ช่องต่อกี่ช่อง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วต่างน่าจะยอม ศิโรราบ ให้กับโซเชียล มีเดีย กันไปในแทบทุกๆ ช่อง
คือพูดง่ายๆ ว่า...แทบไม่ต้องสร้างทีมข่าว ฝึกนักข่าว หรือประชุมข่าวใดๆ ให้ต้องเสียเวลา เสียงบประมาณ โดยใช่เหตุ เพียงแค่หยิบเอา คลิปวิดีโอ ในแต่ละรูป แต่ละแบบ ที่ถูกโพสต์ ถูกแชร์ กันในโซเชียล มีเดีย ในแต่ละวัน มาตบแต่ง ต่อยอด อาศัยพิธีกรที่ชอบพูด พูดเก่ง พูดมาก หรือพูดเยอะ ก็แล้วแต่ มาช่วยขยี้ข่าว ขย้ำข่าว โดยไม่ว่าจะถือเป็นข่าว ตามมาตรฐานเดิมๆ หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ เพียงเท่านี้...ก็น่าที่จะสามารถ หารับประทาน ไปวันๆ ได้อย่างคล่องเนื้อ คล่องตัว เป็นอย่างยิ่ง...
-----------------------------------------------
ส่วนวิทยุจะเป็นไปในแนวนี้หรือไม่ อย่างไร เผอิญว่า...แทบไม่มีโอกาสได้ฟังในช่วงหลังๆ แต่น่าจะหนีไม่พ้นไปจากแนวโน้มในลักษณะทำนองนี้นั่นแหละทั่น เพราะบรรดาพิธีกรวิทยุ กับพิธีกรทีวี ส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากแหล่งเดียวกัน รากฐานอันเดียวกัน ดังนั้น...ไม่ว่าอะไรต่อมิอะไรที่ถูกโพสต์ ถูกแชร์ ในโซเชียล มีเดีย ไม่ว่าตั้งแต่การตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊ก การด่าพ่อ ล่อแม่ ไปจนถึงการเล่นงานรัฐบาล ปกป้องรัฐบาล ฯลฯ กลายเป็นสิ่งที่หนีไม่พ้นต้องถูกนำมาแพร่ระบาด แพร่กระจาย ทั้งในสื่อวิทยุ สื่อทีวี หรือกระทั่งสื่อหนังสือพิมพ์แทบทั้งระบบ ชนิดสามารถส่งผลให้เกิดอาการ ติดเชื้อ หรือ แพร่เชื้อ ได้ง่ายซะยิ่งกว่าท่านเชื้อไวรัสสายพันธุ์ เดลตา หรือสายพันธุ์ โอมิครอน ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า...
------------------------------------------------------
เรียกว่า...แม้แต่อภิมหาปรมาจารย์แห่งวงการสื่อฯ อย่างป๋าเปลว สีเงิน ของหมู่เฮาก็เถอะ!!! หลังๆ นี้จะเป็นเพราะแก่ เพราะอายุ-อานามล่วงเลยมามากแล้ว หรือเพราะต้องแวบไปโน่น ไปนี่ อยู่เป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ แต่ชักหนีไม่พ้นที่จะต้องงัดเอาสิ่งที่ถูกโพสต์ ถูกแชร์ ไว้ในเว็บไซต์ต่างๆ มาถักทอบูรณาการ เชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริงในแต่ละวัน แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยฝีไม้-ลายมือ หรือด้วยเพราะ ถึงแก่...แต่ก็ยังมีไฟอยู่ อะไรต่อมิอะไรเลยออกไปทางลื่นไหลอยู่พอสมควร ไม่ถึงกับแปลกแยก แปลกหู แปลกตา มากมายเกินไปนัก...
-----------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...ด้วยแนวโน้ม ความเป็นไป ในลักษณะเช่นนี้นี่เอง เลยทำให้หลังๆ นี้ผู้ที่สามารถตั้งตัวเป็นผู้ชี้แนะ ชี้นำ อรรถาธิบายในสิ่งต่างๆ กล่อมเกลาและโน้มน้าว ให้ทิศทางของสังคมเป็นไปในทางที่ตัวเองเห็นพ้อง เห็นควรด้วย ไม่ต่างอะไรไปจาก คอลัมนิสต์ แต่ละรายเมื่อครั้งอดีต ก็ไม่จำเป็นต้อง สังกัด อยู่ในสื่อหนึ่ง สื่อใด ต่อไปอีกแล้ว แค่มีเฟซบุ๊ก มีทวิตเตอร์ มีคอมพิวเตอร์ มีโทรศัพท์มือถือ อยู่ในมือ ก็สามารถทำให้สื่อแทบทุกสื่อ ไม่ว่าวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ ต้องหันมายอมรับ ยอมศิโรราบ หรือต้องหยิบเอาเรื่องโน้น เรื่องนี้ ที่ถูกโพสต์ ถูกแชร์เอาไว้ มาเป็น ประเด็น หรือมาเป็นเรื่องที่ต้องพูดจา ว่ากล่าว แบบ พูดกันสนั่นเมือง ไปจนได้!!! นี่...อิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ของโซเชียล มีเดีย มันเลยน่าตกตะลึง พรึงเพริด ยิ่งกว่าสายพันธุ์ เดลตา หรือสายพันธุ์ โอมิครอน อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย...
--------------------------------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุที่ อันตัวข้าพเจ้าเอง ดันออกจะล้าหลัง หลังเขา กว่าใครเขาเพื่อน โดยเฉพาะในเรื่องเทคนิคและเทคโนโลยีทั้งหลาย วันๆ เลยได้แต่แอบโผล่เข้าไป เฟซบุ๊ก ของแค่ไม่กี่คน ไม่กี่ราย เช่น ประเภทที่กลายสภาพเป็น กุนซือสมองเพชร ไปเรียบร้อยแล้ว อย่าง เสธ.ไพศาล ของหมู่เฮาเป็นต้น ไม่ก็อาจารย์ สมเกียรติ โอสถสภา ณ เต๊กเฮงหยู ไปจนคุณน้อง สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ฯลฯ และที่มิวายต้องแอบโผล่เข้าไปมั่งพอเป็นกระสาย ก็อย่างฝ่ายตรงข้ามประเภท “เสือเตี้ย-สนานจิตต์ บางสพาน” ที่ซี้แหง-ย่ำปึ้กกันมานานแสนนาน เพื่อไม่ให้เกิดอาการท้องขึ้นอะไรทำนองนั้น แต่เพียงเท่านี้...ก็เล่นปวดหัว เวียนเฮด พอสมควรแล้ว คือแทบไม่รู้อะไรจริง-อะไรปลอม อะไรมั่ว-ไม่มั่ว อะไรน่าเชื่อ-ไม่น่าเชื่อ หรือกระทั่งอะไรเหมาะ-อะไรควร ฯลฯลฯ...
------------------------------------------------------------
สรุปรวมความแล้ว...ทำไงได้!!! ในเมื่อแนวโน้มความเป็นไปของโลก มันกำลังเป็นไปในแนวนี้ โลกที่ความเสมือนจริง มันกำลังกลายเป็นตัวชี้นำ ชักนำ ให้โลกแห่งความเป็นจริง ต้องเดินตามต้อยๆ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้เลย ต้องคอยแก้ข่าว ปล่อยข่าว ปลอมข่าว ปฏิเสธข่าว ฯลฯ กันชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ต้องเจอกับความเคลือบคลุม เคลือบแคลง หวาดระแวง ที่อาจส่งผลเสีย-ผลได้ ในช่วงระยะสั้นๆ หรือช่วงระยะกลาง แม้ว่าในช่วงระยะปลาย หรือช่วงระยะท้ายที่สุดแล้ว...ก็คงมีแต่ ความจริง เท่านั้นที่จะอยู่ยั้ง ยืนยง คงทน ถาวร อย่างไม่มีวันบุบสลาย แต่ก็นั่นแหละ...ภายใต้สภาพความเป็นไปเช่นนี้ การหาทางก้าวผ่าน ช่วงระยะผ่าน ต่อไปให้ได้ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ หรือคงหนีไม่พ้นต้องหายใจทางปากและทางเหงือก ต่อไปอีกตราบนานเท่านาน...
---------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก “Douglas Jerrold” (อีกครั้ง)... In the world, truth can wait; she is used to it. – ในโลกนี้...ความจริงรอได้ เพราะความจริงเป็นฝ่ายรอคอยมาจนชินซะแล้ว...
---------------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น