ยิ่งกว่าผู้กองหญิง

ใจเย็นๆ เด้อ...ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรีบไปดรามาตามกระแสเรื่องตำรวจหญิงโตไว จากยศ ส.ต.ต.พุ่งพรวดไปเป็น ร.ต.อ. ภายในไม่กี่ปี

จนมีนักการเมืองบางคน บางพรรค หยิบฉวยไปโยง “ตั๋วช้าง” “ตั๋วม้า” ให้เป็นเรื่องใหญ่เกินเบอร์ ใช้ตำรวจหญิงรายนี้เป็นเหยื่อโยงไปเล่นงาน “ตำรวจใหญ่” ที่ตัวเองพุ่งเป้าโจมตีมาตลอด

เรื่อง “ตำรวจหญิง” ก่อนจะไปดรามา ต้องพลิกกฎหมาย ต้องไปพลิกกฎระเบียบ การแต่งตั้งยศ แต่งตั้งตำแหน่งว่าเป็นไปตามหลัก เป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ ถ้าเป็นการเหาะเหินเดินอากาศมาได้ยศ ได้ตำแหน่ง ค่อยไปกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์

"ผู้กองแคท" ร.ต.อ.หญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก เรียนจบระดับปริญญาตรี โท และเอก คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เส้นทางรับราชการของผู้กองแคท มาเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศ ส.ต.ต.หญิงในปี 2563 ตำแหน่ง ผบ.หมู่ จากนั้นผ่านการฝึกอบรมหลักสูตร กอส. ปี 2564 และแต่งตั้งเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ยศ ร.ต.ต.หญิง วันที่ 1 ก.ย.64 โดยมีคุณวุฒิที่ใช้บรรจุแต่งตั้งนิเทศศาสตรมหาบัณฑิต (ป.โท) ใช้ระยะเวลาครองยศ 8 เดือน ได้เลื่อนยศเป็น ร.ต.ท.หญิง ครองยศอีก 1 ปี เลื่อนยศเป็น ร.ต.อ.หญิง รวมระยะเวลา 1 ปี 8 เดือน

การเลื่อนยศเป็นไปตามตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งยศ พ.ศ.2554 ข้อ 8.2.8 ที่กำหนดให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับยศสูงขึ้น ต้องครองยศตามจำนวนปีที่รับราชการ ยกเว้นผู้ที่บรรจุในคุณวุฒิปริญญาโท ให้รับราชการในชั้นยศร้อยตำรวจตรีหนึ่งปี ร้อยตำรวจโทหนึ่งปี

เป็นไปตามกฎ ก.ตร.ที่มีการยกเว้นผู้ที่บรรจุในคุณวุฒิปริญญาโท

ถ้าจะตรวจสอบ "ผู้กองแคท" ไปที่ประเด็นการเข้ารับราชการตำรวจดีกว่าว่าอยู่ในเงื่อนไขใด ทางญาติ หรือวุฒิ แล้วถ้าเป็นวุฒิก็ต้องไปดูคนที่รับเข้ามาว่าวุฒิ "นิเทศฯ" นี่ขาดแคลนจริงหรือ

นี่คือทำไมถึงต้องรีบเบรกหลายๆ คนให้หยุดคิด ตั้งสติ หาข้อมูล ฟังข้อเท็จจริง อย่าเพิ่งไปตื่นตามกระแส ตื่นตามการปลุกปั่น การเชื่อมโยง แบบมีนัยแอบแฝง

ที่น่าดรามา ที่น่าจับตามากกว่าเรื่องนี้ ก็เรื่อง “ส่วยสติกเกอร์” ที่กำลังเป็นข่าวตอนนี้ เพราะแว่วว่าจะมี “ตำรวจทางหลวง” โดนเชือดเบื้องต้น 30-40 นาย ต้องมาดูกันว่าตำรวจเป็นแค่ปลาซิว ปลาสร้อยหรือไม่ หรือจะมีปลาชะโด

เพราะหากมีตำรวจกว่าครึ่งร้อยเกี่ยวข้องกับส่วย เงินจะเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างเดียวหรือ น่าจะต้องส่งต่อไปที่ "ตัวใหญ่" กว่าหรือเปล่า อยู่ที่ ผู้การเต่า-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ  ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. จะถลกหนังไปถึงกระดูกหรือไม่ หรือแค่เฉือนเนื้อแดงให้สังคมเห็นเลือดซิบๆก็เพียงพอ

เหมือนเรื่อง “พนันออนไลน์” ที่มีการกล่าวอ้างไปถึง “นายพล จ.” เป็นแบ็ก “นายพัน” ที่ทำพนันออนไลน์ใหญ่โต ตื่นตัวถึงขนาดตั้งทีมตรวจสอบกันอยู่พักใหญ่

จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ “นายพล จ.” คือใคร เป็นแบ็กจริงๆหรือไม่

เช่นเดียวกับเรื่องที่ รองผู้การกองร้องทุกข์ สง.ก.ตร.ไปร้องตำรวจ ปปป.กล่าวโทษ นายตำรวจระดับสูงที่เคยดำรงตำแหน่ง ผบช.สตม. กรณีเอื้อเอกชนเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าต่างชาติเข้าไทย

ผ่านมาเป็นเดือนป่านนี้ก็ยังเงียบฉี่

เรื่องเหล่านี้ซิน่าสนใจมากกว่า พอไปแตะโดน “ตัวใหญ่” ทีไร ทุกอย่างก็ดูจะเชื่องช้า

สุดท้ายก็เอวัง...ไปกับสายลมและกาลเวลาทุกที.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รองผบ.ตร.'ไขก๊อก!

ก็ยังคงต้องลุ้น ยังคงต้องรอดูกันไป ข่าวเมาธ์ ข่าวลือ เรื่อง ผบ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล จะทิ้งเก้าอี้ "ผบ.ตร." ก่อนเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.2567

อยู่แบบพี่น้อง

ถึงกับต้องอมยิ้ม เมื่อได้ยิน ผบ.ต่อศักดิ์ ให้สัมภาษณ์นักข่าวครั้งแรก หลังกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง ถึงเรื่องที่ บิ๊กโจ๊ก ยื่นคำร้องถึง ผบ.ตร.ให้เซ็นยกเลิกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนจะพิจารณาด้วยตนเองหรือไม่

'ก.พ.ค.ตร.'พึ่งได้?

อย่าเพิ่งใจร้อน ทั้งกองเชียร์ กองแช่ง ปมร้อนๆกรณีคำสั่งให้ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน

เชือดไก่โชว์ลิง

จบกันไปแบบโลกสวย ศึก "นายพลสีกากี" เมื่อผู้มีอำนาจใช้ตำรา ปล่อยเวลาให้เยียวยาความบาดหมาง "สีกากี" ก็วนลูปกันต่อไป

ซุกขยะเหม็นโฉ่

ก็เป็นซะอย่างนี้ จะไม่ให้ชาวบ้านสงสัย จะไม่ให้ชาวบ้านครหา จะไม่ให้ชาวบ้านมองตำรวจมีแต่ภาพลบ มีแต่เรื่องรีดไถ มีแต่เรื่องผลประโยชน์ได้อย่างไรไหว เวลาเกิดเรื่องงามหน้า เกิดเรื่องอื้อฉาวทีไร "ตำรวจ"

สีกากีวุ่นไม่จบ!

ยักแย่ยักยันกันจนน่าปวดหัว คดีเว็บพนันออนไลน์ ที่มี "ตำรวจใหญ่" เข้าไปเกี่ยวข้อง ต่างฝ่ายต่างชิงไหวชิงพริบ จนชาวบ้านที่ติดตาม ที่อยากรู้ข้อเท็จจริง ต่างตั้งคำถาม