การเปิดเส้นทางรถไฟระหว่าง สปป.ลาวกับจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีผลพวงที่ตามมาหลายด้าน...แต่ที่น่าสนใจสำหรับผมคือ ด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือ Geopolitics ที่คนไทยควรใส่ใจเป็นพิเศษ
รถไฟสายนี้จะเรียกว่าเป็น “รถไฟสายยุทธศาสตร์” ก็ไม่ผิดนัก
สำหรับจีนแล้ว นี่คือทางออกในด้านการขนส่งที่ส่งเสริมการส่งออกที่มีความหมายมาก
จีนใช้ทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออกเป็นเส้นทางสำคัญลงมาที่ช่องแคบมะละกา
นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของอเมริกาเองมองว่าทะเลจีนใต้อาจจะกลายเป็นจุดความขัดแย้งกับจีนได้ในอนาคตไม่ไกลนี้...พูดกันถึง 5-6 ปีด้วยซ้ำไป
หากเกิดศึกสงครามขึ้นในทะเลจีนใต้ การขนส่งทางเรือก็จะเป็นอัมพาต
นั่นแปลว่าการส่งออกของจีนมีอันต้องถูกกระทบอย่างแรงทันที
จึงเป็นที่มาของนโยบาย “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” หรือ Belt & Road Initiative (BRI)
ทุกวันนี้รถไฟขนสินค้าจากจีนไปถึงเกือบทุกจุดในยุโรป เช่น สเปน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี รวมถึงตุรกี เพื่อเชื่อมกับยุโรปตะวันออกด้วย
จีนเผื่อไว้แล้วว่าถ้าทางทะเลถูกสกัดก็ต้องมีเส้นทางคมนาคมทางบกเพื่อเข้าถึงตลาดในต่างประเทศ
อีกด้านหนึ่งจีนมองหาทางออกทางทะเล ทางเลือกนั่นคือมองลงใต้ไปถึงช่องแคบมะละกา
จีนมีแผนสร้างทางรถไฟในมาเลเซียและสิงคโปร์เพื่อเชื่อมต่อถึงช่องแคบมะละกาด้วย
เมื่อเส้นทางรถไฟจากคุนหมิงทางใต้ของจีนเปิดวิ่งถึงเวียงจันทน์แล้ววันนี้...ส่วนที่ยังเป็นช่องโหว่ก็คือไทยนั่นแหละ
อาจารย์ปิติ ศรีแสงนาม บอกผมว่า เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมาก็เพิ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการเรื่องรถไฟไทย-ลาว-จีนครั้งล่าสุด
“ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง” คือข้อสรุปของอาจารย์ปิติที่ติดตามเรื่องนี้ค่อนข้างใกล้ชิด
การพูดคุยระดับสูงระหว่างไทยกับจีนยังมีอุปสรรคหลายประการ
เพราะในบางส่วนก็มีเสียงค้านว่าไทยไม่ควรจะ “เสียเปรียบจีน” และไม่ควรจะตกหลุม “กับดักหนี้” อย่างที่บางประเทศเผชิญอยู่
ลงท้ายนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจว่าไทยจะสร้างเองโดยจะเริ่มสร้างระหว่างกรุงเทพฯ กับโคราชก่อน
มีการตัดโครงการนี้ออกเป็น 14 สัญญา
ด้วยความเข้าใจว่าหากซอยสัญญานี้ย่อยลงก็อาจจะเร่งสร้างให้เสร็จเร็วขึ้น
แต่ในความเป็นจริงนั้นพอกลายเป็น 14 เรื่องก็เกิดสภาวะงานล้นมือ
ไร้ความสามารถในการบริหารให้ 14 สัญญานี้เดินหน้าไปพร้อมกันไม่ได้
สถานะล่าสุดคือแล้วเสร็จไป 1 สัญญา ได้ทางรถไฟมา 3.5 กิโลเมตร แถวโคราชกรุงเทพฯ-โคราชยาว 253 กิโลเมตร และจากโคราชถึงหนองคายก็อีกช่วงหนึ่ง
ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอีก 7 สัญญา
ลงนามและเตรียมต่อก่อสร้างอีก 3 สัญญา
อยู่ในกระบวนการประกวดราคาอีก 3 สัญญา
ประมาณกันว่าหากทำได้ตามร่างสัญญาที่เห็นอยู่ขณะนี้ไทยน่าจะสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ถึงหนองคายเพื่อเชื่อมกับเวียงจันทน์ต่อไปถึงคุนหมิงจากนี้ไปอีก 5 ปี
แต่หากมองว่าไทย, ลาวและจีนจะได้ประโยชน์อะไรจากโครงการรถไฟที่เชื่อมต่อกันได้ ก็มีผู้ศึกษาและวิจัยหัวข้อนี้อยู่ไม่น้อย
คุณตฤณ ไอยะรา ผู้เขียนวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่องโครงการรถไฟความเร็วสูงของจีนสรุปว่า
นี่เป็นผลประโยชน์ร่วมทางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาทั้งของจีนและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในแง่ของจีนนั้นปักกิ่งต้องการขยายอิทธิพลทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองในภูมิภาคนี้
ขณะเดียวกันก็ต้องการขยายตลาดรองรับสินค้าอุตสาหกรรมของจีนเพื่อกระจายความเจริญให้เข้าสู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเอง
เป้าหมายสูงสุดของจีนคือทำให้ตนเองเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของโลก
ประเทศที่ร่วมโครงการก็ได้ประโยชน์ในแง่ที่ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมต่อกับโลกภายนอกพัฒนาเมืองสองข้างทางพร้อมกับกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ
รายงานของธนาคารโลกนี้ชี้ว่ารถไฟจีน-ลาวโดยตัวของมันเองอาจจะไม่ตอบโจทย์ของการพัฒนาทั้งหมด
คาดกันว่าจำนวนผู้โดยสารที่จะใช้บริการรถไฟในช่วงบ่อเต็น-เวียงจันทน์จะมีเพียง 480,000 คนในปี 2025
และเพิ่มเป็น 1.1 ล้านในปี 2030
ถือว่าไม่มากพอที่จะทำให้มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจคุ้มค่าการลงทุนมหาศาล
รายงานนี้บอกว่ารถไฟจึงมีหน้าที่หลักในเรื่องการขนส่งสินค้า
การขนส่งทางรางจะทำให้ต้นทุนค่าขนส่งลดลงอย่างชัดเจน
ถ้าเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงกันได้ทั่วภูมิภาคจากจีนถึงสิงคโปร์ คาดว่าการขนส่งสินค้าทั้งสินค้าข้ามแดนผ่านแดนและภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นถึง 2.4 ล้านตันต่อปีภายในปี 2030
มีการประเมินว่าต้นทุนถูกกว่าการขนส่งทางถนนถึง 2 เท่า
ขณะเดียวกันก็ย่อมจะมีความเสี่ยง
หนึ่งในความกังวลของนักวิเคราะห์บางสำนักคือผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากจีนมากขึ้น
ไม่ต้องสงสัยว่าเมื่อเส้นทางคมนาคมสะดวกขึ้น คนจีนจะเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยและลาวเพิ่มขึ้น
และสินค้าจีนจะมาแข่งขันกับสินค้าไทยในตลาดลาวมากขึ้น
ทางด้านบวกนั้นประเทศไทยน่าจะได้ประโยชน์ในหลายด้านเช่น
ไทยจะสามารถส่งสินค้าไปลาวและจีนเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงผลไม้สดและแปรรูปเฉพาะมณฑลยูนนาน มีจำนวนประชากรราว 50 ล้านคน เกือบเท่ากับคนไทยทั้งประเทศ
ผลประโยชน์อีกด้านหนึ่งที่ชัดเจนคือธุรกิจด้านการบริการและการท่องเที่ยว
ชัดเจนว่าการเปิดกว้างระหว่างประเทศทางด้านคมนาคมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แต่หากเรารู้จักทุ่มสรรพกำลังเพื่อสร้างประโยชน์จากโอกาสใหม่และปิดช่องโหว่ที่อาจจะเสียเปรียบ นี่ก็คือโอกาสทองของคนไทยทั้งประเทศเช่นกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว