เห็นใจ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ครับ
แต่ในความเห็นใจนั้น จะละเลยเมินเฉยต่อบทบัญญัติของกฎหมายมิได้
วานนี้ (๖ มิถุนายน) เป็นครั้งแรกที่ "พิธา" ชี้แจงการถือหุ้นไอทีวีอย่างละเอียดยิบ
"พิธา" บอกว่า "ผมพร้อมสู้กับความพยายามคืนชีพ ITV เพื่อสกัดกั้นพวกเรา"
จากหันรีหันขวางมาหลายวัน "พิธา" เริ่มจะจับทางได้ว่าต้องชี้แจงอย่างไร
ความพยายามคืนชีพ ITV ความเชื่อนี้มาจากไหน
๕ มิถุนายน "จตุรงค์ สุขเอียด" คนเก่าคนแก่ของ ITV โพสต์ข้อความ คล้ายกับสิ่งที่ "พิธา" พูด
ทวนกันอีกครั้งครับ...
...วันที่ ๖ เมษายนที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์จากอดีตเพื่อนไอทีวี ที่รับรู้สถานะไอทีวีอยู่ เขาบอกว่า พี่จอยรู้ใช่ไหมว่า ไอทีวีชนะคดีกับ สปน.และชนะคดีในศาลปกครองกลางแล้ว ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นศาลปกครองสูงสุด
อีกประมาณ ๒ เดือน คือมิถุนายน (ก็หมายถึงเดือนนี้) จะมีคำวินิจฉัยมา คิดว่า น่าจะยืนพิพากษาตามอนุญาโตตุลาการและศาลปกครองกลาง
คือชนะ
ถามว่าแล้วยังไง?
เขาอธิบายว่า ตอนนี้บริษัทยังไม่ได้ปิดเพราะรักษาสถานะในการสู้คดี มีเงินลงทุนเดิมอยู่ตั้งแต่ถูกปิดสถานีอยู่
แล้วมีอะไรเกี่ยวกับพี่
คือถ้าชนะคดีแล้ว คือไอทีวีก็จะได้สิทธิคืนมา เผื่อสนใจรายการ...
ตรงนี้หรือเปล่าที่ทำให้ "พิธา" บอกว่าจะ "สู้"
แล้วใครพยายามคืนชีพให้ ITV
ตามโพสต์ของ "จตุรงค์ สุขเอียด" คือคนใน ITV เองที่กำลังรอลุ้นว่าจะชนะคดี
ชนะก็เท่ากับได้สิทธิคืน
แต่...คำแถลงของ "พิธา" คนที่พยายามคืนชีพให้ ITV คือศัตรูการเมือง ที่คอยเตะตัดขาไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ครับ...เริ่มจะซับซ้อน
ถ้าเป็นตามนี้ ก็แสดงว่ามีคนจ้องเล่นงานพิธามานานนมแล้ว
วางแผนอย่างแยบยลให้บรรดานักร้อง ไปร้องกับ กกต. ว่า "พิธา" ถือหุ้นสื่อ จากนั้นก็วางแผนสร้างเรื่อง เพิ่มองค์ประกอบให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
คำชี้แจงของ "พิธา" บอกว่า...
"...ในรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ITV เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖ มีการตั้งคำถามของผู้ถือหุ้นบางรายว่า 'บริษัท ไอทีวี มีการดำเนินการเกี่ยวกับสื่อหรือไม่'
ซึ่งเป็นการตั้งคำถามที่ขอให้ทุกท่านที่มีใจเป็นธรรมพิจารณาว่า เป็นคำถามมีความมุ่งหมายทางการเมืองหรือไม่ และให้ท่านตอบตัวท่านเอง ว่านี่คือพฤติการณ์ความพยายามฟื้นคืนชีพ ITV ให้กลับมาเป็นสื่อมวลชน ใช่หรือไม่?..."
รายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี ๒๕๖๖ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) วันพุธที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๔.๐๐ น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ช่วงท้าย วาระที่ ๘ รับทราบผลการดำเนินงานของบริษัท ประจำปี ๒๕๖๕
-------------------------
ประธานแจ้งว่า เนื่องจากวาระนี้เป็นวาระเพื่อรับทราบจึงไม่มีการลงคะแนน และเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นซักถามซึ่งในที่ประชุมมีผู้ถือหุ้นซักถามดังนี้
นายวิรัตน์ คล่องประกิจ - ผู้ถือหุ้นเข้าประชุมด้วยตนเอง
คดีความทั้งหมดจะจบสิ้นลงเมื่อใดและจะมีแนวทางจัดการกับบริษัทต่อจากนี้อย่างไร
คำตอบ
ขณะนี้ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด และจากการคาดการณ์ของบริษัทตามกรอบเวลาของศาลปกครองสูงสุด พบว่าศาลปกครองมักจะใช้เวลาพิจารณาคดีประมาณ 2 ปีครึ่ง ซึ่งตามข้อเท็จจริง สปน.ยื่นอุทธรณ์ในปี 2564 บริษัทจึงคาดว่าน่าจะมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดภายในปี 2566 ทั้งนี้ หากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง จะถือว่าคดีถึงที่สุด บริษัทยืนยันว่าบริษัทดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย และการที่ สปน.บอกเลิกสัญญากับบริษัทเป็นการกระทำที่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการและคำพิพากษาศาลปกครองกลางก็ยืนยันเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ ในมุมมองของบริษัท คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่จะออกมานั้นควรจะเป็นคุณกับบริษัท
นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน - ผู้ถือหุ้นเข้าประชุมด้วยตนเอง
ผู้ถือหุ้นจะเข้าไปมีส่วนร่วม เข้าไปช่วยเหลือได้อย่างไร
คำตอบ
ในทางคดีความ บริษัทได้ยื่นเอกสารทั้งหมดต่อศาลปกครองสูงสุดแล้ว ผู้ถือหุ้นเพียงแต่รอรับฟังผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งบริษัทจะแจ้งให้ทราบต่อไปเท่านั้น
วาระที่ ๙ พิจารณาเรื่องอื่นๆ (ถ้ามี)
ประธานเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นถามคำถามหรือแสดงความคิดเห็น ซึ่งในที่ประชุมมีผู้ถือหุ้นซักถามดังนี้
นายวิรัตน์ คล่องประกิจ - ผู้ถือหุ้นเข้าประชุมด้วยตนเอง
หากคดีความทั้งหมดจบสิ้นลง บริษัทจะมีปันผลหรือไม่ มีแผนดำเนินงานธุรกิจต่อไปอย่างไร จะเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกหรือไม่ หรือมีแผนจะชำระบัญชีคืนเงินให้ผู้ถือหุ้นหรือไม่
คำตอบ
ผลคดีเป็นจุดสำคัญที่สุด หากผลคดียังไม่ออก เป็นไปได้ยากมากที่บริษัทจะดำเนินการใดๆ ในขณะนี้อย่างในอดีต บริษัทเคยว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินหาแนวทางต่างๆ ให้แก่บริษัท แต่ก็ยังไม่มีทางเลือกใดที่เหมาะสม จึงต้องรอผลคดีให้สิ้นสุดก่อน หลังจากนั้น บริษัทจะพิจารณาทางเลือกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินปันผล การดำเนินธุรกิจหลักอะไรต่อไป หรือการชำระบัญชี โดยจะพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมและคำนึงถึงประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป
นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน - ผู้ถือหุ้นเข้าประชุมด้วยตนเอง
บริษัท ไอทีวี มีการดำเนินงานเกี่ยวกับสื่อหรือไม่
คำตอบ ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ
-------------------------------------------
ตรงไหนที่ "พิธา" บอกว่า มีความพยายามฟื้นคืนชีพ ITV
ทั้ง วิรัตน์ คล่องประกิจ และ ภาณุวัฒน์ ขวัญยืน มีสถานะเป็นผู้หุ้น จะไปถามเรื่องอื่นทำแมวอะไรล่ะครับ
ถามถึงอนาคต ITV ก็ถูกต้องแล้ว
เป็น "พิธา" ก็ต้องถามแบบนี้
ลองไปถามผู้ถือหุ้นบริษัทอะไรก็ได้ที่โดนดองซิครับ อยากให้บริษัทกลับมาทำกิจการหรือไม่
ถ้าไม่ต้องการแสดงว่าผู้ถือหุ้นคนนั้นวิกลจริตแล้วครับ
"พิธา" พยายามโทษคนรอบข้าง แต่หารู้ไม่ว่ากำลังไล่งับเงาตัวเอง
เสียความรู้สึกกับนักการเมืองรุ่นใหม่ครับที่ไม่ใช้ความจริงเป็นที่ตั้ง
"พิธา" ยกกรณี "ชาญชัย อิสระเสนารักษ์" แล้วตีขลุมว่าเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายในคดีของตนด้วย
อ่านคำพิพากษาของศาลละเอียดหรือยัง
"ชาญชัย" ถือหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส จํากัด (มหาชน) หรือ “AIS” ๒๐๐ หุ้น โดย “AIS” ไปลงทุนกับ ๒ บริษัท คือ บริษัท เทเลอินโฟ มีเดีย จํากัด (มหาชน) และบริษัท เยลโล่ เพจเจส คอมเมอร์ส จํากัด
ที่ "ชาญชัย" ได้คืนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เพราะไม่ได้ถือหุ้นสื่อโดยตรง แต่เป็น AIS ที่ไปลงทุนบริษัทสื่อ
ส่วน "พิธา" ถือหุ้นไอทีวีโดยตรง ๔๒,๐๐๐ หุ้น และเพิ่งจะโยกหุ้นไปเงียบๆ
แค่รักษาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ ก็รากเลือดแล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนึ่งในเหตุวิกฤต
ปล่อยไปไม่ได้ วันก่อน นายกฯ แพทองธาร พูดเรื่อง การจัดการพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำเอาโซเชียลร้อนฉ่า
จ่อคอหอย 'ทักษิณ'
สงสัยกันเยอะพอควร... พรรคเพื่อไทยกับพรรคส้ม ถล่มกันเละในสนามเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี มันของจริง หรือทะเลาะทิพย์
เรื่อง 'ทักษิณ' เพิ่งเริ่มต้น
"ดีค่ะ เพราะก่อนหน้านี้มันไม่ได้เป็นข่าวดีตลอดเวลา ข่าวที่ได้รับวันนี้ถือว่าเป็นข่าวดี รู้สึกดีใจ"
แบบนี้ต้องล้างคุกรอ
เสี่ยงคุกจริงๆ ครับ... วันนี้ไม่มีใครในรัฐบาลพูดเรื่องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ๑ หมื่นบาท ผ่านระบบบล็อกเชน มีความปลอดภัยสูงสุดกันแล้ว
'ยิ่งลักษณ์' จะกลับไง
ตามที่จั่วหัวไว้เลยครับ "ยิ่งลักษณ์" จะกลับไทยด้วยวิธีไหน นิตยสาร Nikkei Asia อ้างถึงคำให้สัมภาษณ์ของ "ทักษิณ ชินวัตร" ช่วงที่ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.
ผลาญเงินแผ่นดิน
รอวันฉิบหายครับ... มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบสิ้นคิดของรัฐบาล นึกอะไรไม่ออกก็แจกเงิน ผลาญงบประมาณแผ่นดินหมดไปกับความมักง่ายของนักการเมือง