ฉากจดจำใน “โหมโรง”

เบื่อ..ไม่อยากดูหนังในโรง!

คำพูดนี้ดูจะได้ยินบ่อยกับคนในรุ่น 40-50 ปีขึ้นไป ซึ่งเหตุผลก็เหมือนอย่างที่คุณนันทวัน เมฆใหญ่ ศิลปินอาวุโสได้โพสต์เมื่อวันก่อนนั่นแหละ..

“ตอนนี้เป็นแฟนหอภาพยนตร์ที่คุณโดม สุขวงศ์ ทุ่มเททั้งชีวิตสร้างสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง จากสถานที่เล็กๆ เป็นสถานที่กว้างใหญ่ไพศาล มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายสำหรับทุกเพศทุกวัย

เป็นระดับองค์การมหาชน ถึงแม้จะอยู่ไกลถึงศาลายา แต่ดิฉันก็เต็มใจที่จะขับรถไปชมภาพยนตร์ในอดีตที่หาชมยาก อาทิตย์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ชมภาพยนตร์ไป 4 เรื่อง

คู่กรรม บ้านทรายทอง ฉันผู้ชายนะยะ และมะลิลา ทั้งภาพและเสียงยังคงคุณภาพดีมาก

มีสิ่งที่ไม่ค่อยสบายใจจากสิ่งที่ได้พบในโรงภาพยนตร์หลายแห่ง ก่อนฉายภาพยนตร์จะมีเพลงสรรเสริญพระบารมี

เหตุใดช่วงเวลาประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ผู้ชมภาพยนตร์สนใจนั่งกินข้าวโพดคั่ว ฯลฯ แทนการยืนให้กับเพลงสรรเสริญพระบารมี

ไฟมืดก็ยังสังเกตเห็นว่ามีคนส่วนน้อยที่ยืน บางครอบครัวนั่งเฉยรวมทั้งบุตรหลานที่พามาชมภาพยนตร์ แล้วอย่างนี้เยาวชนที่กำลังเติบโตจะได้รับตัวอย่างที่ดีที่สมควรจากใคร?

วันนี้ดิฉันไปชมภาพยนตร์ที่หอภาพยนตร์ 2 เรื่อง เรื่องแรก ฉันผู้ชายนะยะ เวลา 13.00 น. และเรื่องมะลิลา เวลา 15.30. น.

เรื่องหลังดิฉันเลือกที่นั่งแถวหลังสุด ที่นั่งห่างไป 4 ที่นั่งมีผู้ชายวัยทำงานนั่งอยู่กับผู้ชมอีกหลายคน เมื่อถึงเพลงสรรเสริญพระบารมี แถวเดียวกับดิฉันไม่มีใครยืนขึ้น มีดิฉันยืนคนเดียว

ปกติจะไม่อยากพูดอะไร แต่วันนี้มันอดไม่ได้ก็พูดว่า ‘ทำไมไม่ยืนล่ะคะ’ เสียงตอบมา ‘คุณจะยืนก็เป็นเรื่องของคุณ’ ประมาณ 2 วินาที ต่อด้วยคำพูดค่อนข้างเสียงดัง... ‘เสืxก’

ดิฉันยืนจนจบเพลงโค้งอย่างตั้งใจ ไม่หันไปมองว่าคนพูดเป็นใคร และเปลี่ยนไปนั่งแถวอื่น

ดิฉันไม่เสียใจที่พูดออกไปเช่นนั้น แต่สลดใจกับคำพูดที่ไม่น่าจะออกจากปากคนระดับทำงาน คนระดับที่ควรจะเป็นตัวอย่างให้เยาวชนจะได้เห็นสิ่งที่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง...

เชื่อว่าหากในโรงภาพยนตร์ทุกแห่งจะเปิดไฟสว่างเมื่อมีเพลงสรรเสริญ ก็แน่ใจว่าจะมีบางคนจะมีสามัญสำนึกเกิดความกระดากอายยืนขึ้นบ้าง...

แต่ก็แน่ใจอีกเช่นกันว่าสังคมสมัยนี้อะไรคือสิ่งที่เหมาะสม หรืออะไรที่ไม่สมควรจะทำ ก็ยังมีคนไม่ยี่หระ ไม่แคร์ ไม่สนใจ อีกเป็นจำนวนมาก

จริงๆ แล้วดิฉันไม่ค่อยอยากจะแสดงความเห็นหรือโพสต์ข้อความอะไรทางสื่อโซเชียล ทั้งๆ ที่อยากจะเขียนอีกหลายอย่าง...

แต่ครั้งนี้มันสุดจะทนกับความไร้มารยาท ใช้คำพูดที่หยาบคายเช่นที่ดิฉันพบในวันนี้... ที่ตัดสินใจเขียนมาอาจมีบางคนไม่เห็นด้วยกับดิฉัน

แต่ดิฉันคิดว่าสิ่งที่ดิฉันทำคือสิ่งที่ได้รับการอบรมมาจากครอบครัว จากครูอาจารย์ จากประสบการณ์ที่ถูกต้องรอบๆ ตัว จนมีอายุจะถึง 80 ปีในอีก 2-3 ปีนี้แล้วค่ะ”

ครับ..ตั้งใจไปหาความสุข-ความบันเทิง แต่กลับเจอกับสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกสลดหดหู่ ไม่สบายใจ ก็ให้เข้าใจ-เห็นใจกับผู้ที่เบื่อและไม่อยากเข้าโรงหนัง

กรณีของคุณนันทวัน ไม่ใช่คนแรกที่ถูกสวนว่า ‘เสืxก’ เพื่อนผมทั้งหญิงและชายหลายท่านก็เคยเจอมา และก็มาบ่นให้ฟังว่า..ไม่น่าไปเสือกกับมันเลยจริงๆ

ต่างคนต่างอยู่ น่าจะเป็นความสบายใจทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าเข้าไปดูหนังแล้วให้รู้สึกไม่สบายใจ ก็ต้องตัดใจ หาดูหนังจากช่องทางอื่นเอาก็แล้วกัน

ผู้สร้าง-ผู้กำกับก็อย่าบ่นนะว่า คนไทยไม่สนับสนุนหนังไทย ผมเชื่อเขาอยากจะสนับสนุน อยากดูหนังไทย แต่เมื่อบรรยากาศภายในโรงหนังมันไม่น่ารื่นรมย์

จะซื้อตั๋ว-ซื้อข้าวโพดคั่วแพงๆ เข้าไปนั่งหงุดหงิด-รำคาญใจอยู่ทำไม?

“ไม้ใหญ่จะยืนต้านแรงช้างสารอยู่ได้ก็ด้วยรากที่หยั่งลึกและแข็งแรง ถ้าไม่ดูแลรักษากันไว้ให้ดี เราจะอยู่รอดกันได้แบบไหน”

จากฉากหนึ่งในหนังโหมโรงที่..จดจำ!.

 

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ได้อภิสิทธิ์เหนือคนไทยทั้งมวล?

“ผมพอแล้ว”! คำพูดประโยคนี้ไม่เคยหลุดจากปากนักการเมือง หรือจะหลุดให้ได้ยินบ้าง ก็ประเภทตอแหล ปลิ้นปล้อน กะล่อน อย่างเช่นว่า..

เผ่นได้เผ่นก่อน?

ใกล้จะ 70 แล้ว แต่ “พี่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์” ใบหน้ายังเต่งตึงใสไม่ต่างไปจากวัย 40-50 ปี ส่วนจะยังมีกำลัง-เรี่ยวแรง ร้อง-เต้นหน้าเวทีเหมือนสมัยรุ่นๆ หรือไม่?

นิราศเมืองสงขลา

นั่งเครื่องมาดูให้เห็นกับตา.. ก็..เมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา นั่นสิครับ หลังจากที่คนในและต่างพื้นที่ต่างอึดอัดคับข้องใจกับแผงขายสินค้า หลังคา กันสาดที่รกพะรุงพะรัง..

“ผีโม่แป้ง”..เป็นคำตอบ

Let It Be Take..ช่าง (แม่ง) มันเถอะ! เมื่อมันจะเอา และต้องเอาให้ได้ ก็เห็นจะไม่ใช่แค่ “ประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย” เป็นแน่..

ยกเลิก..“แบนหนัง”?

คุณนุชี่-อนุชา บุญยวรรธนะ.. อดีต.. “นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย” ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งถึง 2 สมัย (4 ปี) ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนเมื่อหลายวันก่อนนู้น