กรกฎา 'งานช้างแห่งชาติ'

ทั้งในสภาและในถนน มีคนหล่นคำพูดนี้มากกว่าหนึ่งถึงสองครั้ง แต่ไม่มีสื่อ นักวิชาการ หรือใครถือเป็นจริงจังใหญ่โต

เพราะเข้าใจ ว่านั่นแค่ "ลมประชาธิปไตยในลำไส้ใหญ่" ของคนท้องอืดเท่านั้น ได้ผายออกมาซะบ้าง ท้องจะได้โล่ง!

ก็เพิ่งคราวนี้แหละ........

ที่ "ส.ว.จเด็จ" ท่านพูดเรื่อง "รัฐบาลแห่งชาติ" ขึ้นมา ในช่วงการเมืองกำลังจับผีลุก-ปลุกผีนั่ง ว่า ๘ พรรค จะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จหรือไม่?

ก็โวยวายชนิด "โลกแตก" ขึ้นมาทันที!

ก็ไม่ได้ว่าอะไร "สุสสูสัง ละภะเต ปัญญัง" การฟังด้วยพินิจพิจารณา ย่อมเกิดปัญญา

ความคิดเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์ ก็เช่นนั้น ฟังดี รู้จักร่อนเปลือกหาแก่น ประโยชน์จะมากกว่าโทษ

แต่ถ้า "งับทั้งเปลือก" ก็นั่นแหละ

ไม่เชื่อ ลองงับ "ทุเรียน" ดูซี ว่ากินทั้งเปลือก มันอร่อยปากแหกแค่ไหน?!

ผมอ่านพาดหัว "ข่าวสด" ฉบับเมื่อวาน  เขาพาดว่า

"ไม่เอา รบ.แห่งชาติ พิธาสวน มีแต่ รบ.แห่งประชาชน"

ความจริงฟังสัมภาษณ์แล้ว แต่อยากขอยืมพาดหัวมาให้เห็นชัดๆ อีกที เพื่อจะบอกพิธาว่า

สหายจะเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ในฐานะผู้นำบริหารประเทศในตำแหน่งนายกฯ ควรต้องรู้

ว่า "คำพูดแต่ละคำ" ของผู้นำประเทศ มัน "กึ่งๆ กฎหมาย"

ก่อนอื่น ต้องจำให้ขึ้นใจ

ประเทศไทยนั้น เป็นราชอาณาจักร ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ฉะนั้น "รัฐบาลไทย"

คือรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ผู้ทรงเป็นพระประมุข ทรงใช้อำนาจอธิปไตย นั้น

ผ่านทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล  ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น การที่พิธาบอก "ผมพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ของคนทุกคน" ก็ว่าไป

แต่ที่บอก ผมพร้อมที่จะเป็น "รัฐบาลแห่งประชาชน" นั้น

"พล่อย" ครับ!

และขอให้พูดครั้งนี้ "ครั้งเดียว" อย่าพูดอย่างนั้นอีก โดยเฉพาะกับการให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติหรือกับคนต่างชาติ

รัฐบาลไทย เป็น "รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"

ไม่ใช่ "รัฐบาลแห่งประชาชน"

ซึ่งคำนี้ให้ความหมายไปทางประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์หรือสังคมนิยม

ยิ่งถ้าฝรั่งเอาไปเขียนเป็นภาษาอังกฤษ  พลอยจะทำให้คนไม่รู้ เข้าใจผิดไปด้วย

ใจเย็นๆ ก็ได้

รู้แหละว่า พวกคุณตัวซี้-ตัวสั่น อยากล้มสถาบัน บั่นราชอาณาจักรไทย ไปเป็นสาธารณรัฐ "สังคมนิยม"!

ก็รอให้พวกคุณได้อำนาจเบ็ดเสร็จซะก่อน ค่อย "ขุดราก-ถอนโคน" ตามที่ไอ้สาวก "แซง-ฌุสต์" มันชี้นำ ก็ยังไม่สาย

ตอนนี้-ศตวรรษนี้ "อย่าเพิ่ง"

อย่าเหิมให้มันมากนัก ประวัติศาสตร์น่ะ  ไม่ได้มีเอาไว้ให้ซ้ำรอย

แต่ถ้าพิธา-ก้าวไกล ต้องการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ต้องจำไว้อย่าง ว่า

วัว-ควาย "นำหน้า" เกวียน นั่นใช่

แต่การ "นำหน้า" ไม่ใช่การ "นำทาง"

เชือกที่ร้อยจมูก ปฏักที่คอยทิ่ม จากคนนั่งเกวียน นั้นตะหาก คือผู้ "กำหนดทิศ-นำทาง"

แล้วพวกส้มทั้งหลายตอบซิ

ระหว่าง "นำหน้า" กับ "ตามหลัง" ไหนคือ "ควาย" ตัวจริง!?

ผมมันพวกอนุรักษนิยม "คร่ำครึ-ล้าหลัง" คิดไม่ทัน

ต้องให้พิธา พวกสังคมนิยม "หัวใหม่-ก้าวหน้า" คิดก่อน-เลือกก่อน

ว่าจะเป็น "หัวใหม่-นำหน้า"?
หรือจะเป็น "หัวเก่า" คร่ำครึ ที่ครัดเคร่งในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีรูปแบบเดิมๆ

"ทำอะไร-คิดอะไร" ใหม่ๆ ไม่เป็น

วันๆ เอาแต่งุ่มง่าม อยู่กับการนั่งกระตุกเชือกสนตะพายควายหนุ่ม-วัวสาวที่แตกเปลี่ยว ตะบึงหน้าแหกทางชนิดไม่สนเหว-สนปฏัก?!

หรือจะเป็น "หัวใหม่" สถาบันไม่เอา พ่อแม่-ปู่ย่าตายายก็ไม่เอา ศาสนาไม่เห็นจำเป็นต้องมี วัฒนธรรมประเพณีก็เชย

ก้นกู-ตูดกู จะทำอะไรก็ได้

หมู-หมามันยังอิสรเสรี ปี้กันได้แม้กลางถนน แล้วทำไม "คนที่เท่ากัน" จะทำอย่างนั้นบ้างไม่ได้

พิธา-ก้าวไกล อยากเป็น "หัวใหม่-นำหน้า" พาสังคมประเทศไปทางนี้ อย่างนั้นมั้ย?

เรา-ประชาธิปไตย "เลือกได้" พอใจแบบไหน เลือกเลยครับ               ท่านพิธา ผู้นำในนิยาม  "ปฏิรูปคือปฏิวัติ" ขั้น "ขุดรากถอนโคน!

พูดถึง "คนรุ่นใหม่"

อย่าง "ว่าที่นายกฯ พิธา-ว่าที่รัฐมนตรีคลังศิริกัญญา "สปีกอิงลิช ลิงตกต้นไม้ สเปกพวกนิยมรสส้ม ชนิดกรี๊ดดดดสลบ

ก็มีเรื่องให้พูดถึง "รุ่นใหม่" อีกคน

คือ "คุณวราวุธ ศิลปอาชา" รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา

ท่านนี้ เป็นคนรุ่นใหม่ แต่มีสาระคุณภาพถูกรสนิยมส้มเท่าพิธาหรือเปล่าไม่รู้นะ

รู้แต่ว่า จากบทบาทบนเวทีโลก

"โฟกัสโลก" จับที่ "รัฐมนตรีวราวุธ" บนความคาดหมายว่า

 คนนี้แหละ วิสัยทัศน์คู่ควรตำแหน่ง "นายกรัฐมนตรี" ในอนาคตของไทย!

เมื่อวาน รัฐมนตรีวราวุธ โพสต์เฟซ ดังนี้

...........................

TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา

คืบหน้า ส่งควาญช้างที่ดีที่สุด บินตรงดูแล “พลายศักดิ์สุรินทร์” เพื่อเตรียมนำกลับไทย

ผมมอบหมายให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) คัดเลือกควาญช้างที่มีประสบการณ์ในการดูแลช้างสำคัญเพื่อเดินทางร่วมกับคณะสัตวแพทย์ของกระทรวง ทส.

เดินทางไปยังประเทศศรีลังกาในวันที่ 6-9 มิถุนายนนี้ เพื่อความพร้อมด้านสุขภาพในการนำ “พลายศักดิ์สุรินทร์” เดินทางกลับประเทศไทยครับ

ควาญช้างท่านแรกคือ นายทรชัยสิทธิ์ ศิริ อายุ 38 ปี เป็นควาญคอพลายยอดเพชร ช้างสำคัญงานโรงช้างต้น

และเป็นผู้ช่วยหน่วยช่วยชีวิตช้างควบคุมช้างตกมันอาละวาด มีประสบการณ์ควาญช้างมากว่า 10 ปี

ท่านที่ 2 นายศุภชัย บุญเกิด อายุ 26 ปี มีประสบการณ์ 9 ปี ทำหน้าที่เป็นควาญช้าง ผู้ช่วยสัตวแพทย์ดูแลรักษาช้างป่วยที่โรงพยาบาลช้างลำปาง สถาบันคชบาลแห่งชาติ

โดยควาญช้างทั้ง 2 ท่านจะอยู่ดูแล “พลายศักดิ์สุรินทร์” ที่สวนสัตว์เดฮิวลา

และฝึกให้พร้อมเดินทางกลับประเทศไทยทางเครื่องบินในเดือนกรกฎาคมนี้

ซึ่งการขนย้ายช้าง ต้องซักซ้อมอย่างแม่นยำ และต้องไม่ให้เกิดความผิดพลาดใด

เพื่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของ “พลายศักดิ์สุรินทร์” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

และเมื่อกลับมาถึงไทยแล้ว ทั้ง 2 ท่าน จะเป็นผู้ดูแล “พลายศักดิ์สุรินทร์” ที่โรงพยาบาลช้างลำปาง สถาบันคชบาลแห่งชาติต่อไปครับ

.........................

ก่อนหน้า "คุณกัญจนา ศิลปอาชา" โพสต์เฟซ พร้อมภาพแบบแปลนกรงสำหรับขนพลายศักดิ์สุรินทร์ โดยใช้กรงเครื่องบิน อิลยูชิน อิล-76 (Ilyushin IL-76)

และเมื่่อวาน (๒ มิ.ย.๖๖) นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

แถลงการนำช้างพลายศักดิ์สุรินทร์ "ทูตสันถวไมตรี" ที่รัฐบาลไทยมอบให้ศรีลังกา เมื่อปี ๒๕๔๔ กลับมาไทย

คาดจะกลับไทยได้ใน "เดือนกรกฎาคม" ที่จะถึงนี้

เป็นเรื่อง "ช้าง" ล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับคน

แต่บังเอิญช่วง "เดือนกรกฎา." นอกจากสัตว์แล้ว ยังมีคนอีก ๑ คน ที่ประกาศจะกลับไทย คือ "มิสเตอร์โทนี่ วู้ดซัม"

เห็นเป็นนิมิต ดีหรือร้าย ไม่รู้

ก็เลยนำมาบอก เพราะช่วงกรกฎา.มีทั้ง รับรองผลเลือกตั้ง ทั้งเปิดประชุมรัฐสภา ทั้งเลือกตัวประธานสภา ตามด้วยเลือกตัวนายกฯ

"พลายศักดิ์สุรินทร์" ก็มา

"โทนี่ วู้ดซัม" ก็มา

โอ...แบบนี้ "งานช้าง" เกิดแน่ ๑๐๐%!

วันเสาร์ที่ปลายซอย