ปัจจุบันภัยทุจริตทางการเงินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น SMS หลอกลวง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แอพให้สินเชื่อปลอม แอปดูดเงิน และโดยเฉพาะภัยโอนเงินผ่าน Mobile Banking และเมื่อมิจฉาชีพหลอกโอนเงินไปสู่บัญชีม้าได้แล้ว ก็ยากจะตามเงินคืน
ล่าสุด “กวาง” น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาย้ำเตือนว่า ธปท. ได้ประสาน ธนาคารต่างๆเพื่อยกระดับมาตรการเพื่อความปลอดภัย โดยมีหลายมาตรการที่ดำเนินการไปแล้ว อาทิ การยกเลิกการแนบลิงค์เพื่อส่งข้อความสั้น (SMS) หรืออีเมลไปยังลูกค้า
สำหรับอีกมาตรการที่จะเข้ามาช่วยให้ตัดวงจรภัยออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การปรับปรุงระบบความปลอดภัยในบริการผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือ Mobile Banking โดยผู้ใดที่จะโอนเงินต่อครั้งตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ยอดรวมต่อวันตั้งแต่ 200,000 บาทขึ้นไป และกรณีการเปลี่ยนวงเงินการทำธุรกรรมต่อวันเป็นตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จะต้องไปทำการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน ที่สาขาธนาคาร หรือที่ตู้เอทีเอ็มตามที่ธนาคารกำหนด
ธนาคารแต่ละแห่งจะให้ผู้ใช้บริการยืนยันตัวตนไปตลอดเดือนมิ.ย. ก่อนที่จะเริ่มมาตรการจำกัดวงเงินผู้ไม่ดำเนินการยืนยันตัวตน ตั้งแต่ ก.ค. 66 เป็นต้นไป (บางแห่งเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.) ซึ่งหลังจากนี้ผู้ยังไม่ยืนยันตัวตน ก็จะยังทำธุรกรรมผ่านแอปพลิชันได้ เพียงแต่การโอนเงินต่อครั้งจะไม่สามารถโอนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไปได้ หรือโอนรวมต่อวันได้ไม่เกิน 200,000 บาท
สำหรับขั้นตอนการตรวจสอบว่าดำเนินการแล้วหรือไม่ ให้เข้าไปที่แอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นเลือกเมนู อื่นๆ เลือก การตั้งค่า หรือตั้งค่าบัญชี และเลือก “จัดการบริการ NDID” หากเป็นผู้เคยยืนยันตัวตนแล้ว แอปพลิเคชันจะแจ้งว่า “ยืนยันตัวตนเรียบร้อย” แต่หายังไม่เคยดำเนินการจะแจ้งว่า “ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน, ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยการบันทึกใบหน้า หรือไม่พบข้อมูล” ผู้ใช้บริการต้องไปสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนที่สาขาหรือตามช่องทางที่ธนาคารกำหนดต่อไป
ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใช้บริการ Mobile Banking ยังสามารถทำธุรกรรมผ่านช่องทางอื่นๆ ได้ตามปกติ เช่นการโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม สาขาธนาคาร หรือ Internet Banking โดยไม่ถูกจำกัดวงเงินตามจำนวนข้างต้น
นี่คืออีกหนึ่งมาตรการตัดวงจรภัยออนไลน์แก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินให้พี่น้องประชาชน
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ใช้ซื้อข้าวมาแล้ว
ตั้งแต่ เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป เนติบริกร-วิษณุ เครืองาม อดีตที่ปรึกษาของนายกฯ หายไปด้วย
อ่อนกว่าวัย
ไม่น่าเชื่อในวันที่ 13 ม.ค. 2568 รัฐมนตรี 17 สมัย อย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข จะมีอายุครบ 70 ปี เนื่องจากรูปร่างหน้าตาดูอ่อนกว่าวัยมาก เหมือนกับคนอายุประมาณ 50 ปีเศษเท่านั้น
ขอติดทีมชาติไทย
นักการเมืองไทยรุ่นเก๋าหลายคนบ่นอุบ ยอมรับว่าเปลี่ยนยุคไปไว มีสส.หน้าใหม่เข้าสู่วงการจำนวนมาก ส่วนสส.รุ่นใหญ่นับวันก็จะมีแต่คนโบกมืออำลาวงการ ส่วนใครที่ยังใจรักก็อยู่ทำงานต่อแบบเหงาๆ เพราะเพื่อนที่รุ่นราวคราวเดียวกันก็ออกไปนั่งดูอยู่ห่างๆ แทน
'ลูกชิ้นปลาหมอคางดำ'
เริ่มแล้วกับงานวันรัฐธรรมนูญ ประจำปี 2567 โดยในปีนี้ทางรัฐสภาได้จัดงานภายใต้คอนเซปต์ "กินลม ชมสภา" สู่รัฐธรรมนูญในฝัน ระหว่างวันที่ 9 และ 10 ธันวาคม ซึ่งในวันแรกบรรยากาศสดใส เหล่าข้าราชการ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าต่างมาตั้งร้านขายของกันภายในงาน
แชร์กันใส่เครื่องแต่งตัว
ว่าด้วยเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ของผู้นำประเทศ อย่าง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ส่วนใหญ่เจ้าตัวจะเน้นใส่ผ้าไทยตามสไตล์เจ้าแม่ซอฟต์พาวเวอร์
ถามเรื่องวัดแล้ว
เป็นผู้ใหญ่ใจดี สำหรับ อ.ชู-ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายประจำรัฐบาลและประจำค่ายเพื่อไทย