ถ้าจะต้องไป เลือกตั้ง กันในนรก...บรรดา เทวดา ทั้งหลายท่านคงต้อง สอบตก กันเป็นจำนวนมิใช่น้อยนั่นแหละทั่น!!! ดังนั้น...ย่อมต้องถือเป็นเรื่องปกติ-ธรรมดา เป็น ตถาตา มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นพรรค์นั้นแหละ เป็นไปตามเหตุปัจจัย ตามกฎเหล็กธรรมชาติแห่งการปรุงแต่ง อันว่าด้วย... ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล...
ด้วยเหตุนี้...ก็อย่าถึงกับต้องไปเสียใจ น้อยใจ รำคาญใจ เจ็บปวดจิตใจ จนอาจก่อให้เกิดความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง ให้มากเรื่อง-มากความ แถมเผลอๆ...อาจส่งผลให้ต้อง เกิดๆ-ดับๆ อีกไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ สู้หันมา อตัมมยตา หันมา
กู...ไม่เอากับมึงแล้วโว้ย!!! อย่างที่อภิมหาพระ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านสอนสั่งแบบย้ำแล้ว ย้ำอีก ไว้ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ น่าจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ
คือในเมื่อ โลกทั้งโลก มันต่างแสดงอาการ เสื่อม ลงไปตามลำดับ ไม่ว่าในแง่สติ-ปัญญา-สัมปชัญญะ ตลอดไปจนศีล สมาธิ และอะไรต่อมิอะไรที่เคยถือเป็น คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ มาโดยตลอด และสำหรับ สังคมไทย ของหมู่เฮาทั้งหลาย ก็คงไม่ได้น้อยไปกว่ากัน ดังนั้น...จะเอาอะไรมาก จะไปหวังลมๆ-แล้งๆ ให้เสียเวลาไปทำไม ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็ตกอยู่ภายใต้ กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ ดังที่กล่าวไปแล้ว โดยไม่มีข้อแม้ ข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น การยอมรับสภาพ หันมายึดถือ อุเบกขา ตามแบบฉบับที่ พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) ท่านเคยเทศนาสั่งสอนไว้ในหนังสือ จาริกบุญ-จารึกธรรม ขณะร่วมเดินทางกับหมู่คณะไปยังอินเดีย เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ด้วยการไม่ใช่แค่การวางเฉย แบบไม่รู้เรื่อง-รู้ราวใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการวางเฉยที่ตั้งอยู่บนพื้นฐาน บนหลักการ อันมี ธรรม กำกับ โดยไม่คิดศิโรราบให้กับ อธรรม ใดๆ ทั้งสิ้นนั่นเอง
อันนี้นี่แหละ...ที่พอช่วยให้เกิดสติ-สมาธิ-และปัญญา ในการใคร่ครวญ พิจารณา ถึงความเป็นไปของโลกและสังคมไทยได้อย่างกระจ่างแจ้งยิ่งๆ ขึ้นไป พอช่วยให้มองเห็นถึง ความเสื่อม ที่กำลังครอบงำ ไหลบ่า ท่วมท้นไปในทั่วทุกแห่ง ทุกๆ พื้นที่เอาเลยก็ว่าได้ และเป็นตัวส่งผลให้บรรดาประชาชน ปวงชน ที่ใครต่อใครชอบยกมาพูด ยกมาอ้าง แบบชนิดไม่ต่างไปจาก ยันต์กันผี โดยเฉพาะบรรดาพวกนักการเมือง หรือ นักเลือกตั้ง ทั้งหลาย ย่อมกลายสภาพไปเป็น ประชาชนที่ไม่มีธรรม ได้อย่างทั่วถึง ถ้วนหน้า ไปด้วยกันทั้งหมด
และเมื่อไหร่-ตราบใด ที่บรรดาประชาชน ปวงชน ดันขาดธรรม-ไม่มีธรรมขึ้นมาซะแล้วละก็ อภิมหาพระอย่างท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ ท่านก็ได้ฟันธงและฟันเฟิร์มไว้แบบชนิดเต็มผืน-เต็มด้าม ว่าย่อมต้องส่งผลให้ระบอบการเมือง-การปกครองที่เรียกๆ กันว่า ประชาธิปไตย ทั้งหลาย ย่อมมีแต่ต้องแปรสภาพไปเป็น ประชาธิป...ตาย อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น ดังนั้น...ในเมื่อระบอบ ประชาธิป...ตาย เกิดเห็นดี-เห็นงาม ที่จะ คบเด็กสร้างบ้าน อย่างไม่คิดลังเลใดๆ แม้แต่น้อย บรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย มีแต่ต้องเร่งหันไปถือ อุเบกขา ตามแบบฉบับของอาจารย์ ประยุทธ์ ปยุตโต นั่นแหละ ดีที่สุด
คือต้องตั้งมั่นในธรรม ยึดมั่นในธรรม โดยไม่คิดศิโรราบให้กับอธรรมใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ถึงกับต้องไปโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาตพยาบาท ริษยาและชิงชัง กับอะไรก็ตามที่มันกำลังไหลไปตาม กระแสแห่งความเสื่อม ให้ต้องเกิด อวิชชา ที่จะกลายมาเป็นตัวบดบังสติ-สมาธิ-และปัญญาเอาง่ายๆ สู้หันมามองลงไปให้ลึกๆ ถึงราก ถึง เหตุปัจจัย ก็น่าจะพอมองเห็นทางออก-ทางไปไม่มากก็น้อย ว่าเพราะสิ่งไหน-สิ่งไหน...มันถึงจะส่งผลให้สิ่งนี้-สิ่งนี้ ต้องเป็นไปตาม ครรลอง-คลองธรรม ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง อย่างยั่งยืนและสถาพรไปอีกตราบนานเท่านาน...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่งเสริมหรือเสื่อมเสีย
สำหรับ FC เพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น สส.ในพรรค หัวคะแนน ข้าราชการที่ได้ตำแหน่งเพราะทักษิณและตัวแทนทักษิณ นักธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบายและโครงการต่างๆ ของทักษิณ
บทเพลงสำหรับปีใหม่-ฟ้าใหม่
ปีพุทธศักราช 2568 หรือคริสต์ศักราช 2025 หรือ ปีงู ปีนี้...ไม่ว่าจะหมอดง หมอดู นักวิเคราะห์ นักวิแคะ ดูๆ ท่านออกจะเห็นไปในแนวเดียวกัน คือหนักไปทาง หนักหนา-สาหัส
ลัคนามีนกับเค้าโครงชีวิตปี2568
สรุป-ตลอดทั้งปีทุกข์สองอย่างคือ ค่าใช้จ่ายและทุกข์ถึงตัวตรงๆ ยังอ้อยอิ่งในชีวิต มีโอกาสสู
เกรงว่าคำอวยพรปีใหม่จะไม่จริง
เวลาที่เรากล่าวคำอวยพรให้ใครๆ เราก็จะพูดแต่เรื่องดีๆ และหวังว่าพรของเราจะเป็นจริง ถ้าหากเราจะเอาเรื่องอายุ วรรณะ สุขะ พละ มาอวยพร โดยเขียนเป็นโคลงกระทู้ได้ดังนี้
แด่...ไพบูลย์ วงษ์เทศ
ถึงแม้จะช้าไปบ้าง...แต่ยังไงๆ ก็คงต้องเขียนถึง สำหรับการลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้ของคุณพี่ ไพบูลย์ วงษ์เทศ นักเขียน นักกลอนและนักหนังสือพิมพ์อาวุโส
กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว
ใครบางคนตำแหน่งก็ไม่มี สมาชิกก็ไม่ใช่ แต่แสดงบทบาทยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เหมือนจงใจจะสร้างตำแหน่งใหม่ที่คนไทยต้องยอมรับ และดูเหมือนเขาจะประสบความสำเร็จเอาเสียด้วย