ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป

อาทิตย์นี้...ตรงกับวันเลือกตั้งแบบพอดิบ พอดี ส่วนใครจะตัดสินใจไป เขย่าประชาธิปไตยในมือของท่าน ภายในช่วงระยะ 4 วินาที กันในคูหารูปไหน แบบไหน

อันนั้น...คงต้องขึ้นอยู่กับ สิทธิ์-เสรี ของใคร-ของมัน ที่จะต้องไปว่าเอาเองตามสภาพและนั่น...ก็คงก่อให้เกิด ผลแพ้-ผลชนะ ปรากฏให้เห็นแบบชัดๆ-จะจะ ไม่ต้องเสียเวลาให้บรรดา โพล ทั้งหลาย ท่านสร้างความปวดเศียร-เวียนเกล้า กันอีกต่อไป...

แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ ฝ่าย ลุง หรือฝ่าย เรา (มีลุงไม่มีเรา-มีเราไม่มีลุง) ก็เถอะ!!! คงไม่ถึงกับสำมะคัญมากมายซักเท่าไหร่ เพราะมันคงไม่ต่างไปจาก กีฬาซีเกมส์ ที่กำลังแข่งๆ อยู่ในทุกวันนี้ เดี๋ยวเดียว...ไทย-เวียดนามขึ้นมาแซงหน้า เคลมโบเดีย แต่อีกเดี๋ยวเดียว เคลมโบเดีย ก็เบียดหลัง-เบียดไหล่กลับมาแซงไทย ตามหลังเวียดนามแค่ไม่กี่เหรียญทอง-เหรียญเงิน ตามลักษณะความเป็นไปของ เกมกีฬา ที่ต้องมีแพ้-มีชนะกันไปตามสภาพ เพราะสิ่งที่ สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือชัยชนะ-ความพ่ายแพ้ของบรรดานักกีฬาในแต่ละประเภท มันจะนำมาซึ่ง กีฬา...กีฬา...เป็นยาวิเศษ แก้กองกิเลส ทำคนให้เป็นคน มากหรือน้อยขนาดไหน อันจะเป็นตัวดลบันดาลให้เกิด สันติภาพ เกิดความรัก-ความร่วมมือระหว่างประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียง หรือในหมู่ ชาวอาเซียน ที่ต่างกำลังตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ ซึ่งล้วนแต่มีอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ไปด้วยกันทั้งคู่...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของบรรดา นักการเมือง หรือ พรรคการเมือง นั้น คงไม่สำคัญเท่ากับชัยชนะและความพ่ายแพ้ของ ประเทศ ของ ชาติบ้านเมือง ที่ย่อมมีโอกาสแพ้ได้ ชนะได้ ไม่ต่างไปจากนักการเมือง หรือนักกีฬานั่นแหละ เพียงแต่ว่า...มันอาจไม่ได้แสดงผลแบบชั่วครั้ง-ชั่วคราว ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วง ซีเกมส์ คราวนี้ หรือคราวไหนๆ หรือช่วงระยะ 4 ปีของการตัดสินใจเลือกใคร-ไม่เลือกใคร เพราะถ้าหากมันดันไม่ชนะ หรือเกิดแพ้ขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ โอกาสที่จะลากยาวไปไกล ไปแบบชนิด ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี หรือถึงขั้น สิ้นชาติ-สูญชาติ ไม่เหลือความเป็นประเทศ ความเป็นชาติบ้านเมืองเอาไว้อีกเลย ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

ดังนั้น...ไม่ว่านักการเมืองรายใด หรือพรรคการเมืองพรรคใด จะแพ้-จะชนะ จะแลนด์สไลด์-ไม่แลนด์สไลด์ แลนด์ไถล-ไม่แลนด์ไถล หรือไม่? อย่างไร? สิ่งสำคัญก็คือ...บรรดาผู้ชนะทั้งหลาย จะมีขีดความสามารถมากพอที่จะนำพาประเทศชาติบ้านเมือง หรือสังคมไทยของหมู่เฮาทั้งหลาย ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ความสงบ สันติ ความร่วมมือ ร่วมใจ ของบรรดาปวงชนชาวไทยทั้งมวล ได้อย่างยั่งยืน สถาพร มาก-น้อยเพียงใด??? โดยไม่ก่อให้เกิดความผิดพลาด พลั้งพลาด ชนิดอาจต้อง แพ้กันไปทั้งประเทศ หรือถึงขั้น สิ้นชาติ-สูญชาติ เอาง่ายๆ!!!

โดยสิ่งที่จะเป็นตัววัดตัดสิน เป็นตัวชี้ขาด ถึงชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ทำนองนี้ ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ หรือบรรดาความถูกต้อง-เป็นธรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะในแง่ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ยุติธรรม ฯลฯ หรือสิ่งที่จำต้องนำมารองรับอะไรก็ตามที่อยู่ภายใต้ระบบ-ระบอบ ไปจนถึงพฤติกรรมของผู้ที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน แผ่นดินเดียวกัน เพื่อไม่ให้มีอันต้องระส่ำระสาย ให้สามารถอยู่ร่วมกันโดยสันติได้ ไม่ต้องหมกมุ่นกับการแบ่งข้าง-แบ่งฝ่ายการดำรงตนเป็นฝ่ายกู-ฝ่ายมึง หรือฝ่ายใดๆ ก็แล้วแต่ หรือสิ่งที่จะดลบันดาลให้เกิดความเป็นไปตาม ครรลอง-คลองธรรม เป็นไปตามความดี-ความงาม-และความจริงนั่นแล...

อันนี้นี่แหละ...ที่สำคัญซะยิ่งกว่าใครแพ้-ใครชนะในการเลือกตั้งคราวนี้ เพราะผู้ ชนะ ในวันนี้ ครั้งนี้ ก็อาจ แพ้ ในวันหน้า ครั้งหน้า ได้เสมอๆ โดยเฉพาะถ้าหากไม่สามารถประคับประคองให้เกิดความถูกต้อง-เป็นธรรม ความเป็นไปตาม ครรลอง-คลองธรรม ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง อย่างสม่ำเสมอ หรือภายในช่วงระยะเวลา 4 ปีนับจากนี้ โอกาสที่จะกลายสภาพไปเป็น ผู้แพ้ ในวันใด-วันหนึ่ง ย่อมมีความเป็นไปได้อยู่แล้วแน่ๆ ไม่ว่าจะโดย กรรมวิธี ใดๆ ที่ยังมิอาจคาดเดาได้โดยชัดเจน เพราะไม่ว่าใคร หรือฝ่ายใดก็ตาม คงไม่อยากเห็นความพ่ายแพ้ระดับ สูญชาติ-สิ้นชาติ อุบัติขึ้นในประเทศตัวเอง สังคมตัวเอง เอาง่ายๆ...

ดังนั้น...ใครชนะ-ใครแพ้ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นเพียงแค่ จุดเริ่มต้น ของสิ่งที่จะตามมาในอีกไม่รู้กี่ต่อกี่อย่างด้วยกัน และออกจะหนักไปทาง ยุ่งฉิบหาย-ยุ่งตายห่า ไปด้วยกันทั้งนั้น!!! ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย แต่ละแบบ แต่ละประเภท มันคงไม่ใช่คำตอบแบบผัวกิน-เมียหาย-แม่ยายฟื้น ฯลฯ หรือแบบชนิดเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ แต่อย่างใด โดยเฉพาะถ้าหากมันไม่ได้มีสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ รองรับเอาไว้ด้วยแล้ว โอกาสที่จะนำไปสู่ความ ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย หรือนำไปสู่ ประชาธิป-ตาย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฤๅประเทศไทยจะไร้ทางเลือก

เวรกรรมอะไรของประเทศไทย นักการเมืองไดโนเสาร์บางคนยังคงทำงานการเมืองแบบน้ำเน่า แย่งกันเป็นรัฐมนตรีโดยไม่สนใจความรู้ความสามารถของตน

โลกกับบ้านเรา...ใคร 'เละ' กว่าใคร???

มันก็น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่ตามสมควรเหมือนกัน...ที่เมื่อไหร่ที่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา เกิดมีผู้นำประเทศมีนายกรัฐมนตรีเป็น ผู้หญิง

สัญญาใจเก้าอี้ ผบ.ทร.

มีข้อสงสัย มีข้อถกเถียง ว่าเก้าอี้ "ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ" หรือ "ประธาน ก.ตร." นั้น นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

อ่านอาเพศปชป.กับแนวโน้มอายุรัฐบาล

หลังจากได้รับเทียบเชิญจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ก็มีมติเข้าร่วมรัฐบาลไปเมื่อ 29 สิงหาคม 2567 ในแบบ ไม่มีมิตรแท้ หรือ ศัตรูถาวรทางการเมือง 

สับสนอลหม่าน แพทองธาร...พาลแพแตก

เราเคยทำนายไว้ว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีที่ชื่อเศรษฐาพ้นจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และได้แพทองธารมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31

โลกแห่งความเป็นจริงที่กำลังถูกกลืนกิน

ด้วยความก้าวหน้า-ก้าวไกลของเทคโนโลยีข้อมูล-ข่าวสาร ที่เตลิดเปิดเปิงไปถึงระดับ 5G-6G และไม่รู้จะอีกกี่ G ภายในอนาคตอันใกล้ แถมยังมีตัวเร่ง ตัวกระตุ้น