ช่วงนี้หันไปทางไหนมีแต่ข่าวเรื่อง “แอมไซยาไนด์”
ผมยอมรับว่า สำหรับเรื่องยาไซยาไนด์นั้น ผมไม่เคยรู้เลยว่าสั่งซื้อได้ (ถึงแม้ไม่ได้ซื้อง่ายก็ตาม) ผมเข้าใจตลอดว่า ยานี้มีไว้ให้สายลับทั้งหลาย เมื่อถูกจับและกำลังจะถูกทารุณ เพื่อไม่ให้เปิดเผยความลับอะไร เขาจะกินยาไซยาไนด์ที่ซ่อนไว้ในฟัน หรือเป็นยาน้ำที่ซ่อนไว้ในแหวนหรือนาฬิกาตัวเอง (ผมดูหนังมากไปหน่อยครับ)
ผมไม่ได้เอาการเสียชีวิตของเหยื่อมาล้อเล่น ครอบครัวของผู้ตายทุกคนต้องรู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ผมไม่เคยรู้เลยว่ายาไซยาไนด์มีการใช้ในโลกจริงๆ
มีไว้สำหรับบริโภค ไม่ใช่เพื่อไปล้างเผ่าพันธุ์ เหมือนในสงครามโลกครั้งที่สอง หรือเป็นยาพิษไว้ฆ่าศัตรูแบบวิธีลับๆ
กรณีของ “แอมไซยาไนด์” ทำให้ผมนึกถึงกรณีการใช้ไซยาไนด์ในเหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งสหรัฐอเมริกา รวมถึงคนทั่วโลกที่ติดตามข่าวเรื่องนี้ ต้องสยอง ต้องกลัว แล้วต้องผวาขั้นวิกฤตก็ว่าได้ ถ้าผมจำความเรื่องนี้ได้ กรณีดังกล่าวเกือบอยู่ในระดับฉุกเฉินระดับชาติ และเกือบถึงระดับฉุกเฉินระดับโลก แต่มันเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเภสัช และวิธีการบริโภคยาของโลก เหตุการณ์ดังกล่าวชื่อว่า Chicago Tylenol Murders
ผมสารภาพและเปิดเผยว่า ตัวผมเองเวลาปวดหัวนิด ปวดตัวหน่อย เป็นอะไรก็แล้วแต่ ผมจะหยิบ Tylenol ทุกๆ ครั้ง ใครจะเอายี่ห้ออื่นมาให้ผม ถ้าจำเป็นต้องกินก็จะกินไป แต่ผมจะถามทุกครั้งว่า “มี Tylenol ไหมครับ?” ดังนั้นยายี่ห้อนี้สำหรับตัวผมเป็นยาวิเศษ เป็นยาที่ผมคุ้นเคยและพึ่งพาตั้งแต่จำความได้ แต่ตอนผมอายุสัก 11-12 มีเหตุการณ์ใหญ่สะเทือนขวัญคนอเมริกันทั้งประเทศ
ในวันที่ 29 กันยายน ปี 1982 ด.ญ. Mary Kellerman (อายุ 12 ขวบ) ได้บ่นกับคุณพ่อคุณแม่ว่าเหมือนเป็นหวัด ทางคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้คิดอะไร ให้ Mary ทานยา Tylenol รุ่น Extra Strength หนึ่งเม็ด (แคปซูล) เหมือนปกติ แต่ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้น Mary เสียชีวิตไป ในวันเดียวกัน Adam Janus มีอาการปวดหัว เลยทาน Tylenol ไปสองเม็ด (แคปซูล) เหมือนปกติ แต่ปรากฏว่าหัวใจวายขึ้นมาและเสียชีวิตในไม่กี่ชั่วโมงผ่านมา พี่ชายและน้องสาวของเขา (Stanley กับ Theresa) หลังจากทราบข่าวเรื่องการเสียชีวิตของ Adam ได้รู้สึกโศกเศร้าเสียใจ แล้วเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา เกิดจากความเครียด เกิดจากความเสียใจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เขาเลยไปหยิบ Tylenol ของ Adam มากินคนละสองเม็ด ปรากฏว่าในไม่กี่วันผ่านมาเขาเสียชีวิตทั้งคู่
ในวันไล่ๆ กัน มีอีก 3 คนเสียชีวิต คือ Mary McFarland, Paula Prince กับ Mary Weiner แต่เดิมไม่มีใครรู้สาเหตุ และไม่มีใครรู้ว่าทำไมคนเหล่านี้เสียชีวิตด้วยเหตุผลอะไร แต่พอต้นตุลาคม (ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ Mary เสียชีวิตรายแรก) ทางตำรวจเชื่อมโยงว่า ทุกรายเสียชีวิตจากสาเหตุและกรณีเดียวกันคือ ทานยา Tylenol ก่อนเสียชีวิตทุกราย
ทางตำรวจเลยรวบ Tylenol ของผู้ตายทุกขวด และปรากฏว่าพบเจอยาไซยาไนด์ปนเข้าไปด้วย เพราะยาในยุคนั้นใช้เป็นแคปซูลครับ ดังนั้นถ้าใครจะเปิดแคปซูลแล้วผสมกับยาชนิดอื่นก็สามารถทำได้ และสิ่งที่ปรากฏคือ ทางบริษัทแม่ Johnson and Johnson (J&J) ร่วมกับสื่อประกาศให้สังคมรับรู้เท่าเทียมกันว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เลยเรียกคืนขวด Tylenol ทุกรุ่นในเมือง Chicago และรัศมีเป็นจำนวนกว่า 35 ล้านขวด และประกาศให้ทุกคนที่ซื้อ Tylenol ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม รีบเอาไปทิ้งหรือเอามาคืน จะได้พิสูจน์ดูว่ามียาพิษหรือไม่ ปรากฏว่าหลังจากที่เรียกคืนขวดเกือบทั้งหมดแล้ว พบเจอบางขวดที่มียาพิษปนเข้าไปด้วย ตามร้านค้าและซูเปอร์บางราย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้ตำรวจได้สืบสวนสอบสวนว่าคน (หรือกลุ่ม) ที่วางยานั้นอยู่บริเวณไหน ทาง J&J ยืนยันว่าขวดทุกขวดที่ออกจากโรงงาน ผ่านมาตรการตรวจสอบ และไม่มียาไซยาไนด์ปนเข้าไปด้วยแน่นอน
ในที่สุด หลังจากมีการสืบสวนสอบสวน (ทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศ) ไม่สามารถจับผู้ร้ายได้ และไม่รู้ว่าใครเป็นผู้บงการเรื่องนี้ (มีผู้ชายรายหนึ่งประกาศเขาเป็นผู้บงการในเรื่องนี้ แต่พอตำรวจสอบเขาอย่างละเอียด พบว่าเขาเป็นผู้อยากมีชื่อเสียงเท่านั้น) จนถึงบัดนี้เรื่อง Chicago Tylenol Murders ยังเป็นปริศนา แต่ตามประสามนุษย์ มีกลุ่มบางกลุ่มพยายามสร้างกระแสว่า J&J ทำเองเพื่อกระตุ้นยอดขาย หรือเหตุผลอื่นๆ ต่างๆ นานาที่ไร้สาระ
แต่จากเหตุการณ์ Chicago Tylenol Murders ทำให้อุตสาหกรรมยามีมาตรการป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาแปดเปื้อนสินค้า
ก่อนเหตุการณ์เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยาหรือสินค้าอะไรก็แล้วแต่ที่วางขายตามร้านต่างๆ แค่หมุนเปิดฝาปุ๊บก็ถือว่าเปิดขวดได้สบาย ไม่มีแนวป้องกันอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ใช่เพราะคนประมาท หรือคนไม่ระมัดระวัง เพียงแต่ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมีแนวป้องกัน
หลังเหตุการณ์ Chicago Tylenol Murders ทาง J&J ได้ออกมาตรการป้องกันสินค้าของเขาไม่ให้ถูกแปดเปื้อนหลังออกจากโรงงานได้ เป็นสิ่งที่พวกเราในยุคปัจจุบันมองข้าม และเห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต บางทีทำให้พวกเรารู้สึกรำคาญด้วยซ้ำเวลาจะซื้อสินค้า อันนั้นคือแผ่นพลาสติกหรือแผ่นครอบจากฝาขวด เพื่อให้ผู้บริโภคอุ่นใจและสบายใจว่า สินค้าที่เขาซื้อนั้นมีสภาพเดิมที่ออกมาจากโรงงาน และไม่มีใครแตะหรือไม่มีใครเข้ามาแปดเปื้อนใดๆ ทั้งสิ้น
J&J ออกมาตรการนี้กับสินค้าของเขาทั้งหมด เป็นบรรทัดฐานและต้นแบบให้กับอุตสาหกรรมทุกอุตสาหกรรมตามมาครับ
ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ ช่วงเกิดเหตุการณ์นี้ คนอเมริกันทั่วประเทศผวาและระแวงไปหมด เพราะไม่รู้อะไรคืออะไร ใช้เวลานานมากกว่าจะมั่นใจซื้อยี่ห้อนี้ได้ ผมต้องขอบคุณกระแสเรื่อง “แอมไซยาไนด์” ที่ทำให้ผมรื้อฟื้นความทรงจำเรื่อง Chicago Tylenol Murders และมาแชร์กับพวกเราทุกคนครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
President Biden….You’re a Good Dad
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีสารพัดเรื่องที่น่าสนใจและน่าเขียนถึง เรื่องแรกต้องเป็นเรื่องประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ เพราะเป็นเรื่องไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นการประกาศฟ้าผ่าทีเดียว
คุยเรื่อง…ที่ไม่ใช่เรื่อง
เผลอแป๊บเดียว วันนี้เราเข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ถือว่าเราเข้าฤดูกาลซื้อของขวัญสำหรับคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ตามห้างต่างๆ
'ศาลอาญาระหว่างประเทศ….มีไว้ทำไม?'
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court หรือ ICC) ได้ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย
ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้
ผมจะไม่แปลกใจถ้าTrumpชนะ….แต่ผมจะแปลกใจถ้าHarrisแพ้
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี