พอ "โจ ไบเดน" ประกาศว่าจะสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัย ก็มีเสียงร้องถามทันทีว่า
“คุณปู่โจ จะไหวหรือ?”
“คุณปู่” รู้ว่าจะต้องมีข้อสงสัยเรื่องสังขารแน่ จึงออกคลิปวิดีโอออกมายืนยันแข็งขัน ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนแรง สีหน้าเอาจริง และภาพที่เห็นรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ประชิดติดตัวอย่างใกล้ชิด
เพราะเขาประกาศให้เธอเป็นคู่หูในการขออยู่ต่ออีก 4 ปี
และต้องการจะตอกย้ำว่าในวัยเพียง 54 แฮร์ริสย่อมสามารถมาทำหน้าที่แทนเขาได้ตลอดเวลา...ในกรณีที่เกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิดอันจะทำให้ “คุณปู่” ทำหน้าที่ไม่ได้
เพราะรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ กำหนดไว้ว่า ในกรณีที่ประธานาธิบดีไม่สามารถทำหน้าที่ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด ก็ให้รองประธานาธิบดีขึ้นมาแทนโดยอัตโนมัติ
ปีนี้ปู่โจอายุ 80 ปี เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์
เพราะตอนที่โรนัลด์ เรแกน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีนั้นอายุ 69 และตอนออกจากทำเนียบขาวก็ปาเข้าไป 77
แต่โจ ไบเดน ทำลายสถิตินั้นโดยสิ้นเชิง
ถามว่าคนอเมริกันคิดอย่างไรกับการที่ชายวัย 80 จะขอเป็นผู้นำอีกหนึ่งสมัย
ผลสำรวจล่าสุดของ NBC News ชี้ว่าอเมริกันชนไม่ใคร่จะปลื้มเท่าไหร่นัก
การสำรวจแสดงให้เห็นว่า 70% ของชาวอเมริกัน และในจำนวนนี้ 51% เป็นคนเชียร์พรรคเดโมแครต คิดว่าไบเดนไม่ควรลงสมัครรับเลือกตั้งใหม่
และระบุข้อกังวลหลักประการหนึ่งสำหรับประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่ต้องการให้เขา “กลับบ้านเลี้ยงหลาน” คือปัจจัยอายุนั่นแหละ
ถ้าคุณปู่โจชนะการเลือกตั้งอีกครั้งก็จะเข้ารับตำแหน่งเมื่ออายุ 82 ปี และสิ้นสุดวาระสี่ปีที่สองเมื่ออายุ 86 ปี
ตามสถิติทางวิชาการว่าด้วยประชากรศาสตร์ของสหรัฐฯ นั้น ผู้ชายอเมริกันที่มีอายุ 82 ปีจะมีสิทธิ์อยู่ได้อีก 6.77 ปี
โดยมีโอกาสเสียชีวิต 8% ภายใน 12 เดือนข้างหน้า
ผมดูคลิปวิดีโอที่โจ ไบเดน ประกาศจะสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัยนั้น เป็นการนำเสนอผลงานของตนโดยเน้นไปที่การปกป้อง "เสรีภาพส่วนบุคคล"
และเตือนถึง “ภัยคุกคาม” จากฝ่ายตรงข้ามคือพรรครีพับลิกัน
ที่มีอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นแกนหลัก
คลิปนั้นเน้นถึงความกระฉับกระเฉงของโจ ไบเดน ด้วยการตัดสลับกับภาพวิ่งจ๊อกกิ้งและกิจกรรมคึกคักทั้งหลาย พร้อมดนตรีประกอบที่สะท้อนถึงความคล่องแคล่วว่องไว
ที่ไบเดนต้องเน้นว่าอย่าไปเชื่อพรรคฝ่ายตรงกันข้าม ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อปีที่แล้ว ส.ส.พรรครีพับลิกัน 54 คนได้ลงนามในจดหมายถึงทำเนียบขาว
เป็นเอกสารทางการที่แสดงความ "กังวล" เกี่ยวกับสุขภาวะของไบเดนว่ายังสามารถทำหน้าที่ผู้นำประเทศได้หรือไม่
จดหมายเปิดผนึกนั้นเรียกร้องให้ไบเดนทำการตรวจอย่างละเอียดว่าสุขภาพกายและจิตยังไหวหรือไม่
โดยเน้นว่าจะต้องเข้าตรวจว่ามีปัญหา “ภาวะสมองเสื่อม” หรือไม่
จดหมายที่ว่านี้ยังระบุถึงกรณีที่มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ส่อแสดงว่า “ปู่โจ” เริ่มจะมีอาการเงอะๆ งะๆ เช่น หกล้มตอนเดินและพูดจาวกวนในบางจังหวะ
ไบเดนบอกปัดข้อกังวลเหล่านั้นจากนักการเมืองฝ่ายค้าน ย้ำว่าเขาตรวจร่างกายเป็นประจำ และคณะแพทย์ยืนยันว่าเขายังฟิตพอที่จะทำหน้าที่ผู้นำประเทศต่อไป
ฝ่ายเดโมแครตโยนลูกกลับไปให้รีพับลิกันด้วย “ความกังวล" ต่อสุขภาพกายและใจของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งวันนี้ยังเป็นชื่อที่พรรคนี้ถือว่าเป็นตัวเต็งในการเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024
ทรัมป์เองเคยใช้ “ความแก่” ของไบเดนเป็นประเด็นหาเสียงมาตลอด
ในการชุมนุมทางการเมืองเมื่อช่วงก่อนการเลือกตั้งรัฐสภากลางเทอมเมื่อปีที่แล้ว ทรัมป์มักเปิดวิดีโอแสดงถึงอาการน่าเป็นห่วงต่างๆ ของไบเดนเพื่อเรียกเสียงเชียร์จากแฟนคลับ
พอเปิดคลิปของไบเดนเสร็จ ทรัมป์ก็จะประกาศผ่านไมโครโฟนว่า “เห็นไหมโจ ไบเดน พูดไม่รู้เรื่อง ป้ำๆ เป๋อๆ”
ตอนหนึ่งในการปราศรัยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทรัมป์เปิดคลิป ณ ที่ชุมนุมในรัฐแอริโซนาและป่าวประกาศว่า
"เห็นไหมว่าไบเดนพูดไม่ชัดเจน และถ้าพูดไม่รู้เรื่อง เขาจะคิดอะไรชัดเจนได้อย่างไร"
นักยุทธศาสตร์การหาเสียงของไบเดนหลายคนมองว่า ทรัมป์เองหมดสภาพที่จะท้าไบเดนแข่งในปีหน้าแล้ว
หนึ่งในนักวิเคราะห์ที่เชียร์ไบเดนบอกว่า
"พรรคเดโมแครตทำสิ่งเดียวทุกคืน เรานั่งลงและคุกเข่าและภาวนาต่อพระเจ้าให้โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันเถอะ”
อาจจะเป็นการเกทับบลัฟแหลก แต่ก็อาจจะเป็นแนวทางหาเสียงของไบเดนจากนี้ไปก็ได้
ทรัมป์ก็ใช่จะเป็นวัยรุ่นท้าทายคนแก่อย่างปู่โจ เพราะเขาอายุน้อยกว่าไบเดนเพียง 4 ปีเท่านั้น
กลายเป็นว่าคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยก็จะเริ่มถามตัวเองว่า ทำไมสหรัฐฯ จึงมีนักการเมืองให้เลือกเฉพาะคนวัยเกิน 75 หรืออย่างไร
แต่ปัจจัยตัดสินว่าไบเดนจะได้นั่งทำเนียบขาวอีก 4 ปีหรือไม่อาจจะมีมากกว่าเรื่องของอายุก็ได้
ข้อได้เปรียบของไบเดนในฐานะเป็นผู้อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี คืออิทธิพลบารมีในฐานะผู้นั่งทำเนียบขาว
เช่นยังสามารถไปไหนต่อไหนด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่ง Air Force Once ที่ช่วยในการหาเสียง โดยไม่ถูกจำกัดสิทธิเพราะกติกาของสหรัฐฯ ไม่ห้ามการใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของการหาเสียง
อีกทั้งไบเดนก็ยังสามารถร่วมกิจกรรมทางการเมือง ที่มีการวางแผนเพื่อสร้างความนิยมชมชอบให้แก่ตนเองได้ และต้องไม่ลืมว่าตราบที่ยังเป็นประธานาธิบดี ก็ยังมีสิทธิ์เต็มที่ในการได้รับการรักษาความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการดำเนินการทางการเมือง
แปลว่าไบเดนจะได้เปรียบคู่แข่งตรงที่ “ออกวิ่ง” ก่อนใครๆ ในขณะที่สามารถอ้างถึงผลงานของตน
แต่ยังต้องดูต่อไปว่าทั้งสองพรรคจะมีผู้ท้าชิงที่อายุน้อยกว่า และสามารถสร้างกระแสความนิยมได้มากกว่าทั้งไบเดนและทรัมป์ได้หรือไม่
ยังมีเวลาที่จะทำให้เกิด “เซอร์ไพรส์” กันได้อีกมากมาย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ