'รัฐบาลใหม่'กับการใช้จ่ายงบ

การเลือกตั้งปี 2566 ใกล้เข้ามาทุกขณะ พรรคการเมืองต่างขับเคี่ยวหาเสียงผ่านนโยบายต่างๆ ซึ่งมีการประเมินว่ากว่า กกต.จะประกาศผลการเลือกตั้ง คัดเลือกนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ ครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณ ก็น่าจะราวๆ เดือน ส.ค.2566 แน่นอนว่าจะมีผลต่อการบริหารจัดการงบประมาณปีงบประมาณ 2567 อย่างแน่นอน

นั่นเพราะการจัดทำงบประมาณปี 2567 นั้นอยู่ในช่วงเลือกตั้ง ทำให้ขั้นตอนทางกฎหมายต่างๆ ต้องหยุดเอาไว้ก่อน เพื่อรอรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาหลังจากการเลือกตั้งได้มีการทบทวนรายละเอียดร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายก่อนที่จะเดินหน้าตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้ว่าขณะนี้ที่ประชุม ครม.จะเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม

และตามขั้นตอนปกติจะต้องเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา

เฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ระบุว่า การจัดทำงบประมาณจะล่าช้าไปจากปกติ จากเดิมที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีจะประกาศใช้ประมาณเดือน ก.ย.-ต.ค. แต่เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่รัฐบาลที่เข้ามาจะมีขั้นตอนการทบทวนรายละเอียดงบประมาณในต่างๆ ซึ่งสำนักงบประมาณคาดว่าจะมีความล่าช้าออกไป แต่จะอยู่ในกรอบระยะเวลา 3-6 เดือน โดยกรณีล่าช้าที่สุด คาดว่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2567 จะประกาศใช้ได้ไม่เกินไตรมาส 1/2567 หรือไม่เกินเดือน มี.ค.2567

โดยสำนักงบประมาณเตรียมประกาศเกณฑ์ในการใช้งบประมาณไปพลางก่อน และเสนอปฏิทินงบประมาณใหม่ให้กับรัฐบาลใหม่ได้รับทราบหลังจากที่รัฐบาลใหม่แล้ว ส่วนการจัดทำงบประมาณปี 2568 ก็จะทำควบคู่กันไปในช่วงที่รัฐบาลใหม่มีการทบทวนงบประมาณปี 2567 ซึ่งเหมือนกับในปี 2562 ที่มีการเลือกตั้ง การจัดทำงบประมาณในปีงบประมาณต่อไปก็ต้องทำควบคู่ไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า

ขณะที่ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประเมินว่า การเลือกตั้งและการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจไทยใน 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 จะครอบคลุมการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐจนถึงสิ้นไตรมาส 3/2566 และทำให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามนโยบายและโครงการต่างๆ ที่มีกำหนดไว้แล้วได้เป็นปกติ อีกทั้งยังมีการเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณและนำเรื่องเข้ากระบวนการพิจารณาก่อนการยุบสภา นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยจะยังได้รับแรงสนับสนุนจากเม็ดเงินในช่วงหาเสียงเลือกตั้งอีกด้วย

สำหรับผลกระทบด้านลบจะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นใน “ไตรมาส 4/2566” จากความไม่แน่นอนของระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ส่งผลให้มีเม็ดเงินสนับสนุนเศรษฐกิจจากภาครัฐเพิ่มเติมได้ไม่มากนัก อีกทั้งนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่จะมีผลกระทบสู่เศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2567 โดยเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูงจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

โดยหากการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้อย่างราบรื่น จะส่งผลให้มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและเม็ดเงินงบประมาณของภาครัฐเข้ามาสนับสนุนเศรษฐกิจปี 2567 ได้อย่างเต็มที่ แต่ในทางตรงกันข้าม หากการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลไม่สามารถเป็นไปอย่างราบรื่น อาจส่งผลให้รัฐบาลที่ไม่มีอำนาจเต็มต้องปฏิบัติหน้าที่นานเกินสมควร อีกทั้งประกาศใช้ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2567 ได้อย่างล่าช้ามากจนส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี SCB EIC ประเมินว่า ไม่มีฉากทัศน์การจัดตั้งรัฐบาลที่มีโอกาสเกิดขึ้นสูงเกิน 50% แตกต่างจากบริบทการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ฝ่ายอนุรักษนิยมมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลอย่างชัดเจน เนื่องจากได้รับคะแนนความนิยมจากประชาชนสูง และยังได้รับแรงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภาอย่างท่วมท้น แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ประเมินว่าฉากทัศน์กรณีฝ่ายเสรีนิยมจัดตั้งรัฐบาล กรณีรัฐบาลผสมสองฝ่าย และกรณีรัฐบาลอนุรักษนิยมเสียงข้างน้อย ทั้ง 3 ฉากทัศน์นี้มีโอกาสเกิดขึ้นในระดับปานกลางใกล้เคียงกันมาก สำหรับอีก 2 ฉากทัศน์กรณีฝ่ายอนุรักษนิยมจัดตั้งรัฐบาล และกรณีนายกรัฐมนตรีนอกบัญชีรายชื่อมีโอกาสเกิดขึ้นอยู่บ้าง.

 

ครองขวัญ รอดหมวน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผนึกพลังพัฒนากำลังคน

ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”

ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%

ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน

เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่

ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน

องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)

แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส

‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม

ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม

ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด