บทสนทนา สี จิ้นผิง-เซเลนสกี: บทพิสูจน์อยู่ที่การต่อสายถึงปูติน

ในที่สุด สี จิ้นผิง ผู้นำจีนก็ได้พูดคุยกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี หลังจากการคาดเดาและลุ้นในแวดวงการทูตกว่า 6 สัปดาห์

ถือได้ว่าผู้นำจีนสามารถสร้าง “แต้มต่อทางการทูต” ได้อย่างโดดเด่น

แต่ขณะเดียวกัน สี จิ้นผิง ก็ต้องเผชิญกับความท้าทายไม่น้อย

  เพราะการยกหูโทรศัพท์ไปหาผู้นำยูเครนเป็นเรื่องไม่ยาก แต่ที่จะพิสูจน์ฝีมือที่แท้จริงคือการผลักดันให้ยุติสงครามที่ลากยาวมาแล้ว 14 เดือน

แต่ท่าทีล่าสุดของผู้นำจีนสะท้อนว่า ปักกิ่งพร้อมจะขยายบทบาทของตัวเองให้เป็น “ผู้สร้างสันติภาพระดับโลก”

เพื่อเปรียบเทียบกับภาพของ “ผู้สร้างความขัดแย้งและสงคราม” ของสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์บางสำนักคาดเดาว่า หนึ่งในเหตุผลที่สี  จิ้นผิง ตัดสินใจต่อสายถึงเซเลนสกีในจังหวะนี้ ก็เพื่อจะดึงความสนใจชาวโลกออกจากเรื่องราวที่ค่อนข้างสับสนเกี่ยวกับคำพูดของทูตจีนประจำฝรั่งเศส

ที่บอกว่าประเทศอดีตสหภาพโซเวียตไม่มี “สถานะในกฎหมายระหว่างประเทศ"

ซึ่งทำให้บทบาท “ประเทศเป็นกลาง ไม่โอนเอียงฝ่ายใด” ในสงครามยูเครนนั้นถูกกระทบทันที

จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศจีน ที่ต้องออกมายืนยันว่ารัฐบาลจีนเคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศเหล่านั้น

เพราะหากขืนมีปฏิกิริยาช้าไป ภาพลักษณ์ของจีนในฐานะ “ผู้สร้างสันติภาพ” ก็อาจจะถูกตั้งคำถามขึ้นทันที

ถึงวันนี้ยังไม่แน่ว่านายหลู ซาเหย่ เอกอัครราชทูตจีนประจำฝรั่งเศส ได้ถูกปักกิ่งเรียกตัวกลับไปสงบสติอารมณ์หรือไม่อย่างไร

เขาคือหนึ่งใน “นักการทูตนักรบหมาป่า” ของจีนที่มีหน้าที่ออกมาปะฉะดะกับฝ่ายตะวันตก ในกรณีที่มีข้อมูลหรือข่าวสารที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางที่ปักกิ่งอยากจะเห็น

ถือว่าเป็นหนึ่งใน “ฝ่ายบู๊” ของทีมนักการทูตที่ต้องออกศึกเป็นครั้งคราวเมื่อจำเป็น

แต่เมื่อจีนต้องการจะเล่นบท “นักส่งเสริมสันติภาพ” ก็อาจจะต้องส่งนักการทูต “ฝ่ายบุ๋น” ออกมาอยู่แถวหน้าในจังหวะที่เหมาะเจาะ

สี จิ้นผิง บอกเซเลนสกีว่าการเจรจาเป็น “วิธีเดียวที่จะออกจากวิกฤตยูเครนได้”

ในขณะที่ผู้นำยูเครนแสดงความชื่นชม เรียกการเชื่อมต่อทางสายโทรศัพท์กับปักกิ่งว่าเป็น “การสนทนาที่มีประสิทธิผลยาวนานหลายชั่วโมง”

แต่เซเลนสกีก็ยังย้ำถึงจุดยืนที่แข็งกร้าวของตนว่ายูเครนจะไม่มีสันติภาพ เว้นแต่รัสเซียจะยอมคืนดินแดนที่ได้รับจากการรุกราน และออกจากไครเมียซึ่งรัฐบาลของปูตินยึดคืนเมื่อปี 2014

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนบอกนักข่าวต่างชาติว่า จีนยังเดินหน้ากับ “แผนสันติภาพ 12 ข้อ” ที่ได้เผยแพร่ออกมาก่อนหน้านั้น

และไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติม ว่าในทางปฏิบัติจะมีขั้นตอนอย่างไรจึงจะสามารถยุติสงครามในยูเครนได้

แม้ว่าในแถลงการณ์ของฝ่ายจีนจะบอกว่าสี จิ้นผิง ได้แจ้งต่อเซเลนสกีว่าจะส่ง “ทูตพิเศษ” ว่าด้วยกิจกรรมยูโร-เอเชียของจีนไปกรุงเคียฟและประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสงครามนี้ เพื่อหาทางประสานกับทุกฝ่ายในอันที่จะเปิดทางไปสู่การเจรจา แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าการเดินทางนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใด

ยิ่งเจอคำถามว่า ปักกิ่งมีท่าทีอย่างไรกับการที่ยูเครนยืนยันว่ารัสเซียต้องคืนดินแดนที่ยึดครองในยูเครน ก็ยิ่งไม่มีความชัดเจนเพิ่มขึ้นแต่ประการใด

กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า มอสโกสัมผัสได้ถึง "เสียงสะท้อนในวงกว้าง" ระหว่างมุมมองของตนกับความคิดเห็นของจีนในการแก้ไขความขัดแย้ง

แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียย้ำว่า ความหวังในการเจรจามีน้อยมากในขณะนี้ เนื่องจาก “ข้อเรียกร้องที่ไม่สมจริง” ของฝ่ายยูเครน

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่า การคุยกันระหว่างสีกับเซเลนสกีเป็นเพียงแสงสว่างดวงเล็กๆ ที่ปลายอุโมงค์อันมืดมิดเท่านั้น

เพราะจุดยืนของทั้งสองฝ่ายยังห่างกันมาก

หลังจากข่าวการสนทนาระหว่างผู้นำจีนกับยูเครนออกมาได้วันเดียว รัสเซียก็เปิดฉากถล่มโจมตีหลายเมืองของยูเครน ทำให้มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และในจำนวนนี้มีเด็ก 5 คน

ยิ่งทำให้เกิดความกังขาทันทีว่า ประธานาธิบดีปูตินต้องการจะส่งสัญญาณอะไรไปที่ปักกิ่งและกรุงเคียฟเกี่ยวกับโอกาสของการเจรจาหยุดยิงระหว่างกัน

ข่าวแจ้งว่าสี จิ้นผิง เตรียมแต่งตั้งนาย Li Hui วัย 70 ปี ให้เป็นผู้นำคณะผู้แทนไปยังยูเครน

นักการทูตรุ่นเก่าของจีนผู้นี้ใช้เวลา 16 ปีในการทำงานทั้งในสหภาพโซเวียตหรือรัสเซีย

และเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงมอสโกระหว่างปี 2552-2562

ในช่วงเวลานั้น นักการทูตจีนคนนี้ดูแลการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับรัสเซียให้เป็น “หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมในการประสานงาน”

ซึ่งบ่งชี้ว่าความสัมพันธ์กับอีกประเทศหนึ่งอยู่ในระดับสูงสุด

ยิ่งไปกว่านั้น ปูตินเคยมอบเครื่องอิสริยาภรณ์แห่งมิตรภาพให้แก่นายหลี่ ฮุยด้วย

อันเป็นการแสดงออกของฝั่งรัสเซีย ที่แสดงความชื่นชมผู้ที่ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการกระชับความสัมพันธ์

สี จิ้นผิง ยังแสดงความเป็น “สหาย” สนิทสนมกับปูตินอย่างต่อเนื่อง

การเยือนมอสโกครั้งล่าสุดของสี และการมีปฏิสัมพันธ์หลายครั้งกับปูตินอาจถูกมองจากโลกตะวันตก ว่ามีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจีนในฐานะ “ผู้ไกล่เกลี่ยที่เป็นกลาง”

เซเลนสกีตอกย้ำว่า ระหว่างการสนทนากับสีนั้น ผู้นำจีนได้ย้ำจุดยืนของปักกิ่งถึงหลักการ "การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนเป็นรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ยูเครน"

ขณะที่รัสเซียยังยืนยันว่า ตนมีความชอบธรรมที่จะครอบครองดินแดนบางส่วนของยูเครน ด้วยเหตุผลของ “ภัยคุกคาม” และ “ประวัติศาสตร์ของสองประเทศอันยาวนาน”

แน่นอนว่าการที่จีนสามารถไกล่เกลี่ยให้อิหร่านและซาอุดีอาระเบียกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต หลังจากประกาศตัดขาดกันมา 7 ปีได้นั้น เป็นการเสริมภาพลักษณ์ของจีนเป็นอย่างดี

ความท้าทายจึงอยู่ที่การจะให้ปูตินและเซเลนสกีมาจับมือกันที่ปักกิ่ง เพื่อออกแถลงการณ์ร่วมในอันที่จะสงบศึกอย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่

วันไหนที่สี จิ้นผิง ต่อสายให้ปูตินกับเซเลนสกีเข้ามาคุยพร้อมกันให้ชาวโลกได้ยินกันทั่ว วันนั้นความหวังแห่งสันติภาพจึงจะค่อยๆ สดใสขึ้น!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ