สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่าชัยชนะ-ความพ่ายแพ้

ช่วงที่น้องๆ เขาแห่มาเยี่ยม มาไถ่ถามสารทุกข์ สุกดิบ...เขายังอุตส่าห์มา ประเมินสถานการณ์ ให้ฟัง โดยสรุปแบบสั้นๆ คร่าวๆ เอาไว้ประมาณว่า หลังจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ยังไงๆ...คงต้อง ยุ่ง แน่ๆ!!! ส่วนจะยุ่งกันในระดับไหน ถึงขั้นตายโหง-ตายห่า แบบสำบัด-สำนวนท่านอดีตประธานสภาฯ โคว้ตงหมง หรืออาจหนักหนา-สาหัสยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังไม่ถึงกับถนัดชัดเจนมากมายซักเท่าไหร่...

แต่โดยหน่วยก้าน-ท่าทีและประวัติความเป็นมาของน้องๆ รายนี้...คงต้องฟังๆ และ ฟังแบบได้ยิน เอาไว้มั่ง อีกทั้งถ้าลองหลับตานึกภาพ ลองจินตนาการไปตามเรื่อง-ตามราว อะไรต่อมิอะไรที่ออกไปทางยุ่งๆ มันน่าจะทยอยตามมาอีกมิใช่น้อย ไม่ใช่แค่เฉพาะผลลัพธ์ว่า ใครแพ้-ใครชนะ แต่เพียงเท่านั้น

แต่ยังอาจลุกลาม ลามปาม ไปถึงเรื่อง ใครโกง-ใครไม่โกง ไปจน ใครได้ใบแดง-ไม่ได้ใบแดง หรือกระทั่ง ใครถูกยุบพรรค-ไม่ยุบพรรค ฯลฯ อะไรประมาณนั้น อันทำให้สิ่งที่ยุ่งๆ เนื่องมาจากความพ่ายแพ้และชัยชนะของใครต่อใคร ยิ่งเป็นอะไรที่ยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายโหง-ตายห่า ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...

อันนี้นี่เอง...ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ น่าสนใจซะยิ่งกว่าใครแพ้-ใครชนะ ใครแลนด์สไลด์-ไม่แลนด์สไลด์ แลนด์ไถล-ไม่แลนด์ไถล ด้วยเหตุเพราะโดย โครงสร้าง และ กลไก ของสังคมทั้งสังคม ในอันที่จะเผชิญหน้ากับความยุ่งเหยิง ยุ่งตายโหง-ตายห่า ในแต่ละครั้ง แต่ละคราว แต่ละเรื่อง แต่ละกรณี คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า นับวันออกจะมี ประสิทธิภาพ และ ศักยภาพ ที่ค่อนข้างลดน้อย ถอยลง ไปตามลำดับ จะด้วยเหตุเพราะ อัตราการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าในแง่ของผู้คน พลเมือง ที่ไม่ใช่แต่เฉพาะจำนวน-ปริมาณ แต่ยังรวมไปถึงความแตกต่างทางอายุและสภาพแวดล้อม ไปจนถึงกระบวนการความเป็นไปทางเศรษฐกิจ ขั้นตอนวิวัฒนาการแห่งเทคโนโลยี ฯลฯลฯ ที่ดูจะเป็นไปในแบบ ทวีคูณ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...

แต่อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่มันได้ทำให้ เครือข่ายป้องกันทางสังคม ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของความคิด-ความอ่าน กระบวนการทางเศรษฐกิจ-การเมือง ค่านิยม ประเพณี วัฒนธรรม ไปจน ความเชื่อ ต่างๆ ทั้งหลาย มันเลยออกจะด้อยประสิทธิภาพ ถูกลดทอนศักยภาพลงไปเรื่อยๆ จนอาจไม่ถึงกับมีฤทธิ์ มีเดช มากพอที่จะรองรับ ที่จะเผชิญหน้ากับบรรดาความยุ่งๆ ทั้งหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เหมือนเคย หรือถ้าจะให้สรุปแบบสั้นๆ แบบฟังเข้าใจกันง่ายๆ อาจต้องสรุปว่า...คล้ายๆ พระสยามเทวาธิราช ท่านออกจะ เหนื่อยแล้ว!!! อะไรประมาณนั้น หลังจากที่เคยใช้ พระบารมี ช่วยให้สังคมไทยรอดแล้ว-รอดอีก มาแล้วไม่รู้ต่อกี่ครั้ง กี่หน...

ยิ่งเมื่อต้องเจอกับ ความเป็นไปของโลก ที่อาจอยู่นอกเหนือไปจากพระบารมีของ พระสยามเทวาธิราช ด้วยแล้ว และดันมายุ่งฉิบหาย-ยุ่งตายห่าไม่น้อยไปกว่ากัน หรืออาจมากกว่าไม่รู้กี่สิบ-กี่ร้อยเท่าเอาเลยก็ว่าได้ ถึงขั้น นิวเคลียร์-ไม่นิวเคลียร์ ไปแล้วถึงขั้นนั้น อันนี้...ก็ยิ่งน่าหนักอก หนักใจ น่าวิตกกังวลยิ่งขึ้นไปใหญ่ ว่าโอกาสรอดแล้ว-รอดอีก อย่างเท่าที่เคยเป็นมา มันจะยังพอหลงเหลืออยู่อีกมาก-น้อยขนาดไหน หรือจะทันท่วงที ทันเวลา ต่อการช่วยทุเลา เบาบาง ให้บรรดาความยุ่งๆ ทั้งหลาย มันลดน้อย-ถอยลง ไม่ถึงกับ อันตราย ต่อสังคมทั้งสังคม แบบชนิดมีแต่ต้อง เจ๊ง...กันไปข้าง อะไรประมาณนั้นได้มั่งหรือเปล่า???

แม้เก็บมานั่งคิด-นอนคิด ประมาณสามวัน-สามคืน เป็นอย่างน้อย...แต่คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า โดย คำตอบ ก็ยังหนักไปทาง Que Sera, Sera หรือ Whatever Will Be, Will Be กันจนได้ หรือหนักไปทาง อะไรจะเกิด...ก็คงต้องเกิด ทำนองนั้น ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า เครือข่ายป้องกันทางสังคม ที่เคยมีมาแต่เดิมๆ ย่อมต้องมีวันสึกๆ กร่อนๆ ไปตามสภาพ ยิ่งเมื่อต้องมาจากกับ อัตราการเร่งแบบเป็นทวีคูณ ของบรรดาความเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย โอกาสที่จะรับมือ จะเผชิญหน้า กันในแบบทันท่วงที ทันเวลา มันจึงยิ่งถูกลดทอนความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ มันคงไม่ถึงกับสลักสำคัญมากมายซักเท่าไหร่ เพราะผู้ชนะในวันนี้ วันข้างหน้า ย่อมมีสิทธิ์กลายเป็นผู้แพ้ในวันไหนๆ ได้เสมอ ด้วยเหตุเพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเป็นไปตามแบบฉบับ มันเป็นเช่นนั้นเอง...มันเป็นพรรค์นั้นแหละ เป็น ตถาตา เป็นไปตาม เหตุปัจจัย อันว่าด้วย เพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป และสิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่าชัยชนะ-ความพ่ายแพ้ ก็ยังน่าจะขึ้นอยู่กับว่า...อะไรถูก-อะไรผิด อะไรชอบธรรม-ไม่ชอบธรรม อะไรที่เป็นความดี ความงาม ความจริง ที่มีแต่จะต้องดำรง คงอยู่ ไปโดยตลอด ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ไม่งั้น...ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตามย่อมมีแต่จะนำมาซึ่ง ความฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย ลูกเดียวเท่านั้นเอง!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ความจริง”เครื่องมือชิ้นสุดท้ายในห้วง“กลียุค”

นอกจากคนอินตะระเดียยุคโบร่ำโบราณ...ท่านจะแบ่งห้วงเวลาของแต่ละยุค ออกเป็น 4 ช่วง 4 ระยะ เริ่มจาก กฤตยายุค หรือ สัตตยายุค ที่บรรดาความดี-ความงาม-ความจริง ต่างมีอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ไปทั้ง 4 ส่วน

มติ 'ก.พ.ค.ตร.'

มีสัญญาณให้จับตา ต้นเดือนสิงหาที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน ปมปัญหาเรื่องสถานะ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ภายหลังจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง