ขอเชิญร่วมพิธี "โกนผมไฟ" ต่อจากเมื่อวาน
ค้างไว้ตรงที่...
"นายพิชัย นริพทะพันธุ์" รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองพรรคเพื่อไทยและ "อดีต รมว.พลังงาน" ยุคยิ่งลักษณ์ พูดว่า
"ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีปริมาณไฟฟ้าผลิตล้นเกิน นอกจากพลเอกประยุทธ์จะไม่เจรจาต่อรองแล้ว
พลเอกประยุทธ์ยังออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด ก่อนยุบสภา พลเอกประยุทธ์ยังอนุมัติใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเกือบ ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์ ยิ่งทำให้กำลังไฟฟ้าที่ล้นอยู่แล้วต้องล้นมากขึ้น จะทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นอีก พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องชี้แจงว่า "อนุมัติไปได้อย่างไรทั้งที่กำลังผลิตไฟฟ้าล้นแล้ว"
ต่อจากนี้ เป็นพิธี "จรดมีดโกน"
ก่อนโกน เกลาขี้่กลากก่อน นายพิชัยเคยเป็นรัฐมนตรีพลังงาน น่าจะรู้จักคำเหล่านี้นะ เช่น
-COP 26 "การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๖" ที่กลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เมื่อปลายปี ๖๔
-Carbon Neutrality "ความเป็นกลางทางคาร์บอน"
-Net zero emissions "การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์"
-Paris Agreement "ว่าด้วยข้อตกลงปารีส"
และ CBAM เป็นหนึ่งในมาตรการ European Green Deal ที่สหภาพยุโรปจะนำมาปรับใช้
เพื่อให้ประเทศ "กำลังพัฒนา" ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการ "ลดการปล่อยคาร์บอน"
และหันมาลงทุนใน "พลังงานหมุนเวียน" มากขึ้น
ไม่อย่างนั้น จะส่งสินค้าเข้าไปขายในตลาด EU ไม่ได้
แล้ว CBAM หน้าตามันเป็นยังไง?
หน้าตามันคือ ยักษ์ยุโรปถือตะบอง ถ้าสินค้าที่ส่งไปตลาดยุโรปผลิตโดย "ปล่อยก๊าซเรือนกระจก" มันทุบทันที!
ถ้าเราไม่แก้ไข
สินค้าส่งออกไปอียูของไทย ๕ กลุ่มแรก เหล็กและเหล็กกล้า, ซีเมนต์, กระแสไฟฟ้า,ปุ๋ย และอะลูมิเนียม แต่ละปี มูลค่าร่วม ๓ หมื่นล้านบาท มีปัญหาแน่
ในอนาคต จะมีสินค้าไทยอีกหลายตัว เช่นประเภท ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี, เคมีอินทรีย์, ไฮโดรเจน, แอมโมเนียและพลาสติก พอลิเมอร์
เหล่านี้ ถ้ากระบวนการผลิตปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อไปละก็ จะเข้าไปในอียูไม่ได้
อีกคำ ที่พิชัยต้องเข้าใจไว้ เผื่อผีจับยัดเข้าไปเป็นรัฐบาล จะได้ไม่ขวางโลก คือ คำว่า "เศรษฐกิจ BCG"
BCG คือเศรษฐกิจเพื่อการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ๓ ด้าน
ชีวภาพ (Bio), หมุนเวียน (Circular) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green) รวมเรียกว่า BCG Model
BCG นายกฯ ประยุทธ์ประกาศเป็นวาระแห่งชาติไว้แล้ว เพื่อปรับตัวให้เข้ากับ COP 26
และให้เข้าตามแผน "ปฏิรูปสีเขียว" ของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ว่าด้วย Paris Agreement ผ่านมาตรการ CBAM
คือเป็นกลางทางคาร์บอนในเบื้องต้น ภายในปี ๒๐๕๐ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก "เป็นศูนย์" ขั้นสุดท้าย ภายในปี ๒๐๖๕
BCG ไม่เพียงเป็น "วาระแห่งชาติ" เพื่ออนาคตส่งออกเท่านั้น ในการประชุม APEC ปลายปีที่แล้ว
ผู้นำ ๒๑ เขตเศรษฐกิจ ยังร่วมลงนามรับรองเอกสาร ๒ ฉบับ ได้แก่ "ปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก 2022"
และ “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG”
หมายถึง เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy)
เพื่อวางรากฐานขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ
เศรษฐกิจ BCG ประกอบด้วย ๔ เป้าหมาย
๑.การจัดการกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ/การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์
๒.การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน
๓.การบริหารจัดการทรัพยากรยั่งยืนและอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และ
๔.การลดและบริหารจัดการของเสีย
เนี่ย....
เหล่านี้ ไทยเรามีบทบาทเป็นส่วนร่วมในปฏิญญาทั้งหมด นายพิชัยเป็นคนหัวดี-สมองใส ควรทำความเข้าใจไว้ ทีหลังจะได้ไม่พูดอะไร "ฉิบหาย" ไปถึงทักษิณ
และทั้งหมดที่ไทยเป็นส่วนหนึ่งบนเวทีโลก มันก็นำไปสู่คำตอบ ตามที่นายพิชัยถามนั่นแหละ ที่ว่า
-ไฟล้นเกินแล้ว พลเอกประยุทธ์ทำไมจึงออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกจำนวนมาก
ก่อนยุบสภา ยังอนุมัติใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีกเกือบ ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์ จะทำให้ค่าไฟแพงยิ่งขึ้น?
นายพิชัยให้ ป.ประยุทธ์ชี้แจง
แต่ผม ป.เปลว คันปาก ไม่ชี้แจงหรอก เมื่อโกนผมไฟแล้ว เจิมกระหม่อมเลยดีกว่า
จริง...นายกฯ อนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มก่อนยุบสภา
ไม่จริง...ที่จะทำให้ค่าแพงขึ้น!
เพราะ การอนุญาตให้ผลิตไฟฟ้านั้น เป็นการอนุญาตให้ผลิต โดยใช้ "เชื้อเพลิงสะอาด" หรือ "พลังงานสีเขียว"
ห้ามไม่ให้ใช้พลังงานฟอสซิลเป็นเชื้อเพลิงในการผลิต
พลังงานฟอสซิล คือก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน ซึ่งมีราคาแพง และในอ่าวไทยก็กำลังจะหมด
ดังนั้น เชื้อเพลิงที่เอกชนได้รับอนุญาตให้ใช้ผลิตไฟฟ้า จะต้องมาจากพลังงานหมุนเวียน เช่น จากลม จากน้ำ จากขยะ จากพืช เป็นต้น ระยะเวลาก่อสร้าง จากปี ๒๕๖๕-๒๕๗๓
พลังงานไฟฟ้าที่ได้นี้ ........
จะขายให้เฉพาะ "ภาคอุตสาหกรรม" เท่านั้น เพื่อให้เข้าแผนปฏิรูปสีเขียวของสหภาพยุโรป ตามมาตรการ CBAM
ค่อยๆ ทำความเข้าใจนะพิชัย งงได้ แต่อย่าโง่
คือ อย่าโมเม "ตีขลุม" เอาการอนุญาตผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาด ขายให้เฉพาะโรงงานอุตสาหกรรรมของนายกฯ
ไปเหมารวมกับที่ "ยิ่งลักษณ์" อนุญาตให้กัลฟ์ผลิตไฟฟ้าด้วย "ก๊าซธรรมชาติ" ขายทั่วไปทั้งโรงงานและชาวบ้าน
มันต่างกันสิ้นเชิง!
ไฟฟ้า "พลังงานสะอาด" เป็นพลังงานอนาคต ขั้นแรก เพื่ออุตสาหกรรมส่งออกตามมาตรฐานสังคมโลก
พลังงานสะอาดนี้ ไม่มี "ค่าพร้อมจ่าย"
ฉะนั้น "ราคาจะถูก"
รัฐบาลก็จะนำกำไรจากส่วนนี้ไปอุดหนุนค่าไฟฟ้าที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมี "ค่าพร้อมจ่าย" หมายถึงค่าเชื้อเพลิง
และอีกส่วน ที่ก่นด่ากันขณะนี้ คือ ค่า Ft
ค่า Ft คืออะไร เราเรียกกันง่ายๆ ว่า "ค่าไฟฟ้าผันแปร"!
ที่ผันแปร ก็เพราะต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. และค่าซื้อไฟฟ้าเอกชนและประเทศเพื่อนบ้าน ควบคุมราคาไม่ได้นั่นแหละ
เมื่อควบคุมไม่ได้ เดี๋ยวขึ้น-เดี๋ยวลง อย่างราคาก๊าซช่วงนี้
การไฟฟ้านครหลวง, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ซื้อไฟจาก กฟผ.
ก็ผลักส่วนที่เป็น "ราคาผันแปร" นี้ไปให้คนใช้ไฟเป็นผู้จ่าย ที่เรียกว่า ค่า Ft
ราคาไฟฟ้าทุกวันนี้ หลักๆ มาจาก ๒ ส่วนนี้ คือ "ค่าพร้อมจ่าย" กับ "ค่า Ft"
โล่งหัวแล้วนะ..พิชัย ที่สงสัยว่านายกฯอนุญาตให้ผลิตไฟฟ้าอีกทำไม?
ผลิตเพื่อโลกอนาคตที่ปลอดมลพิษและราคาถูก
ตรงข้ามกับ ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์ ที่ยิ่งลักษณ์ให้กัลฟ์ผลิตด้วยก๊าซธรรมชาติ ซึ่งสร้างภาวะเรือนกระจก ซ้ำราคาแพง
ที่สำคัญ คนไม่รู้กัน คือที่ไฟแพงมหาโหดตอนนี้ ก็เพราะค่าพร้อมจ่ายและค่า Ft โดยตรงนั่นแหละ
เพราะ ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์ยิ่งลักษณ์นี้ ในคำว่า "ค่าพร้อมจ่าย" คือ กฟผ.จะใช้ไฟส่วนนี้ หรือไม่ใช้ก็ตาม "ก็ต้องจ่าย"
เพราะโรงไฟฟ้าเขาต้องปั่นกระแสไฟ "เตรียมพร้อม" ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ไฟจะล้นหรือพร่อง เรื่องของคุณ
นี่คือ "ค่าพร้อมจ่าย" อยู่ในบิลค่าไฟส่วนหนึ่งละ
ทีนี้ เมื่อโรงไฟฟ้าเขาต้องปั่นไฟพร้อมจ่าย เขาก็ต้องซื้อพลังงานมาปั่นไฟตลอด เมื่อก๊าซแพง ส่วนที่แพง มันก็ออกมาในรูปค่าไฟผันแปร
นี่คือ "ค่า Ft" เป็นอีกส่วน ที่หารแบ่งมายัดใส่บ่าผู้ใช้ทุกวันนี้
ชัดพอมั้ย...พิชัย?
พอเข้าใจนะว่า ที่นายกฯ อนุญาตให้สร้าง มันเป็นพลังงานสะอาด ต้นทุนถูก ไม่มีค่าพร้อมจ่าย ผลิตป้อนอุตสาหกรรมใช้
แถมในอนาคต จะเอากำไรไปถัวค่าไฟชาวบ้านให้ถูกลงได้ด้วย
ส่วน ๕,๐๐๐ เมกะวัตต์ ที่ยิ่งลักษณ์เซ็นทิ้งทวนนั้น
นอกจากก๊าซแพงและแพงฉิบหายแล้ว.......
จะใช้-ไม่ใช้ ชาวบ้านต้องจ่าย ทั้ง "ค่าพร้อมจ่าย" และ "ค่า Ft" ไปอีก ๒๐ กว่าปีโน่นแหละ
จบพิธี "โกนผมไฟ"
ขอเชิญญาติๆ ครอบครัวเพื่อไทยนำขมิ้นผสมขี้เถ้าชโลมหัวได้เลย!
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปลี่ยน เพื่อ...เปลี่ยน!? | จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์
เปลี่ยน เพื่อ...เปลี่ยน!? จับจ้องมองโลก..อิสรา สุนทรวัฒน์ : วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568
แม่หมอ..มองทะลุ ปี 68 เปลี่ยนนายกฯ ..ยุบสภา-ลาออก!!.. I อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568
เอาซะทีเถอะน่า...กกต.!
หมาน่ะ .... จุ๊ๆ ปาก มันยังหยุด เอียงคอ ตาจ้อง หูตั้ง และฟัง แต่ที่ "นายอิทธิพร บุญประคอง" ประธาน กกต. กระแอมถึงนายทักษิณ ผู้ช่วยหาเสียง "ผู้สมัครนายก อบจ." พรรคเพื่อไทย
ใคร 'เจ้าภาพบ้านเมือง'?
ดูคลิปและฟังคำที่.... "ทักษิณ" ทอล์กกับบรรดา "หมาในคอก" ของเขาวันก่อนแล้ว
ไอ้เสือถอย 'รอล้มล้าง'
ขบวนการ "ล้มล้างรัฐธรรมนูญ" ถอยซะแล้ว! "ประธานวันนอร์" แถลงหลังประชุมวิป ๓ ฝ่าย เมื่อวาน (๘ ม.ค.๖๘)
คนพันธุ์ 'ปากเปราะ'
ผมหายไปวัน... ไปร่วมยก "หลวงพ่อทวดครึ่งบน" ส่วนเศียร ขึ้นประกอบกับ "ส่วนล่าง" ที่ร่วมกันหล่อถวาย พร้อมสร้างอาคารฐานสถิต ที่วัดทรายขาว ทุ่งหวัง สงขลา