บันทึกหน้า 4

Www.thaipost.net ไทยโพสต์ ขับเคลื่อน "อิสรภาพแห่งความคิด" หลังมีความสุขในวันสงกรานต์แล้ว สิ่งที่รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประเมินว่าน่าจะมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น ดังนั้นก่อนกลับเข้าทำงานตามปกติ ขอให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำของกรมควบคุมโรค โดยให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเองภายใน 7 วัน หลีกเลี่ยงสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หากเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก ครั่นเนื้อครั่นตัว ให้ตรวจ ATK หากผลเป็นบวกก็ให้ปรึกษาแพทย์ รักษาตามสิทธิเพื่อไม่ป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดในที่ทำงาน 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการพูดถึงโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 กำลังเป็นตัวที่ทั่วโลกจับตาเนื่องจากมีการแพร่เร็ว ทั้งยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติและจากการฉีดวัคซีนได้ดี แต่ข้อมูลที่พบอาการทางคลินิกยังไม่ต่างจากสายพันธุ์อื่น การติดเชื้อยังไม่มีใครล้มป่วยหนัก

 แม้แต่ที่อินเดียที่มีการระบาดมาก แต่คนไข้อาการหนักไม่ได้เพิ่มมาก การนำเสนอข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เกิดความตระหนัก และให้เกิดการเฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดการหย่อนยาน เนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อจนกลายเป็นโรคประจำถิ่นในปัจจุบัน ลักษณะการระบาดมีความถี่มากขึ้น อีกทั้งภาวะโลกร้อนทำให้วัฏจักรเกิดการเปลี่ยนแปลง ไวรัสก็มีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องระวัง อย่างไรก็ตามหลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทั่วประเทศเกิดการเรียนรู้ เฝ้าระวัง มีนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงยา เวชภัณฑ์ วัคซีนเข้ามารองรับสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเชื่อว่าหากเกิดอะไรขึ้นน่าจะเอาอยู่จ้า

๐ ประเด็นร้อนอย่างต่อเนื่อง หลัง นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบาย “กระเป๋าเงินดิจิทัล” แจกวอลล็อตให้กับบุคคลผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เติมเงินให้ขั้นต่ำ 10,000 บาท จนถูกสังคมโจมตีอย่างหนัก เพราะอาจต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท โจทย์สำคัญคือ จะเอาเงินมาจากไหน รวมทั้งสุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะ กกต.ยังรีบให้พรรคเพื่อไทยชี้แจง

ในขณะเดียวกันยังถูกมองว่าการแจกเงินเกินจริงยังเป็นภาระของคนในชาติ แทนที่จะให้เบ็ดตกปลา แต่กลับชอบที่จะให้เหยื่อ เปรียบประชาชนเป็นขอทาน นักการเมืองสีแดงอาจมองว่าไม่ว้าว ไม่ได้คะแนนเสียง เท่ากับนโยบายที่สร้างรากฐานของชาติ เช่น การศึกษา หรือลดความเหลื่อมล้ำ เป็นต้น แถมยังแจกดะ หวังคะแนนเสียงอย่างเดียว ไม่เว้นคนรวย เจ้าสัว  หรือคำนึงถึงสถานะการเงินการคลังของประเทศ 

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 750 เสียง ที่จะต้องเลือกนายกฯ หลังเลือกตั้งออกมาโพสต์ข้อความว่า "ข่าวดีครับพี่น้องคนไทย 54 ล้านคน จะได้เงินคนละ 1 หมื่นบาท แต่เสียโครงสร้างพื้นฐาน เสียการปรับปรุงโรงเรียน โรงพยาบาล ถนนหนทาง ไฟฟ้า ประปา ขนส่ง ฯลฯ

หยุดความเจริญกัน...ได้ฉลองเฮฮาปาร์ตี้สนุกสนานกันแล้ว พี่น้องคงจะดีใจมีความสุขถ้วนหน้า ได้ใช้หนี้บ้าง เลี้ยงฉลองกินข้าวกินเหล้าเบียร์ได้บ้าง ซื้อหวยได้บ้าง แต่คงซื้อมอเตอร์ไซค์ ซื้อมือถือยังไม่พอ ฯลฯ จากนั้นเราคงต้องคิดต่อว่า ใครจะร่วมใช้หนี้กันอย่างไร คิดกันให้ดี คิดยาวๆ กันครับพี่น้อง"

 ๐ อีกคนที่ออกมารับสอนมวย พร้อมนำเสนอ นโยบายที่ไม่ต้องรบกวนกับงบประมาณแผ่นดินคือ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังออกนโยบาย จัดตั้งกองทุนเงินออม อสม. และ อสส. โดยให้ อสม.ส่งเงินเข้ากองทุน 100 บาทต่อเดือน และรัฐบาลเอาเงินภาษีบาปมาอุดหนุนเข้ากองทุน 100 บาท ยกตัวอย่าง อสม.จำนวน 1 ล้านคน เข้าร่วมกองทุน  หนึ่งปีจะมีเงินหมุนเวียน 2,400 ล้านบาท และ เงินจะเพิ่มขึ้นทุกปีเพื่อมาดูแล อาทิ เจ็บป่วยมีประกัน, เจ็บป่วยมีห้องพิเศษฟรี ค่าอาหารฟรี (โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ใช้บัตรสมาร์ทการ์ด อสม. และ อสส. ยื่นใช้สิทธิ), เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม.แห่งประเทศไทย เสียชีวิตได้ 500,000 บาท, เงินยืม อสม. อสส. ปลอดดอกเบี้ยคนละ 100,000 บาท   “เงินของนโยบายพรรคที่เกี่ยวกับ อสม. เป็นเงินที่หมุนเวียนในระบบกองทุนของ อสม. เราไม่ต้องไปตั้งสกุลเงินใหม่ แต่เงินจะหมุนเวียนอยู่ในระบบ อสม. ไม่ต้องใช้งบประมาณประเทศ” นายอนุทินฝากไว้.

 

ช่างสงสัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

พูดอย่างทำอย่าง! "นายกฯ อิ๊งค์" ปากบอกไม่รีบ แต่ทำไมต้องเร่ง "กาสิโน" แบบด่วนจี๋เข้าสภาล่ะ ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันอังคาร ทางสภาสนองทันควันบรรจุวาระร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร

สะเทือน ‘อภิสิทธิ์ชน’?

มนุษย์หลักสูตรคงสะอึกไม่น้อย เมื่อเจอวิทยากรรับเชิญอย่าง “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯ ที่เป็นคนพูดสไตล์ตรงไปตรงมา

บันทึกหน้า 4

ต้องขอต้อนรับ “เค พี ศรรมะ โอลี” นายกรัฐมนตรีเนปาล และภริยา ในโอกาสการเป็นแขกรัฐบาลเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 66 ปี นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต

บันทึกหน้า 4

เหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาส่งผลถึงประเทศไทยอย่างรุนแรง ทำให้ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่พังถล่มลงมา เป็นการประจานระบบราชการไทยและรัฐบาลอีกครั้ง สำหรับ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

บันทึกหน้า 4

” แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมาส่งแรงสะเทือนถึงประเทศไทย ไม่เพียงทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตึก สตง.ถล่ม และต่อมายังมีตึกราชการต่างๆ เริ่มทรุดตัว

บันทึกหน้า 4

รายงานสถานการณ์จากศูนย์เอราวัณ กรณีเหตุแผ่นดินไหว ข้อมูล ณ เวลา 06.00 น. พบว่า ในขณะนี้พบผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว 32 ราย เสียชีวิต 17 ราย และสูญหาย 83 ราย