ประชาชนเป็นเช่นไร?...รัฐบาลย่อมเป็นเช่นนั้น!!!

สิ่งที่เรียกว่า ความพอเพียง หรือ เศรษฐกิจพอเพียง นั้น...น่าจะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเอามากๆ สำหรับ ล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยเหตุเพราะขณะที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ได้ทรงย้ำนัก ย้ำหนา ได้ตรัสแล้ว ตรัสอีก ถึงสิ่งที่ว่านี้ มาอย่างชนิดต่อเนื่อง ยาวนาน สม่ำเสมอ ตลอดช่วงระยะเกือบ 20-30 ปีเห็นจะได้...

แต่คงเป็นเพราะไม่ได้ทรงมี พระราชอำนาจ ที่จะไปสั่งการ ควบคุม บังคับใครต่อใคร ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ มีแต่ พระบารมี ที่อาจพอช่วยดลบันดาลให้เกิดการเปิดใจ เปิดกว้าง ไปตามคำชี้แนะ-ชี้นำ โดยความยินยอมพร้อมใจเป็นที่ตั้ง

แต่คงเป็นเพราะไม่ได้ทรงมี พระราชอำนาจ ที่จะไปสั่งการ ควบคุม บังคับใครต่อใคร ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ มีแต่ พระบารมี ที่อาจพอช่วยดลบันดาลให้เกิดการเปิดใจ เปิดกว้าง ไปตามคำชี้แนะ-ชี้นำ โดยความยินยอมพร้อมใจเป็นที่ตั้ง เรื่องของ ความพอเพียง หรือ เศรษฐกิจพอเพียง จึงยังออกจะหนักไปทาง มายาภาพ ไม่ได้ถึงกับเป็นจริง-เป็นจัง เป็นระบบและเป็นกิจการมากมายซักเท่าไหร่ เผลอๆ...อาจกลายเป็นแค่ ยันต์กันผี หรือเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดความดูดี-ไม่ดูดี หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะว่ากันไป...

อย่างไรก็ตาม...เหตุที่ต้องหยิบยกเอาเรื่องราวเหล่านี้มาเกริ่นนำไว้เป็นเบื้องแรก ก็คงไม่ได้มีอะไรมากมายหรอกทั่น แต่อาจด้วยเหตุเพราะสีสัน บรรยากาศ ของการบ้าน-การเมืองตามระบอบประชาธิปไตยในช่วงนี้ มันออกจะหนักไปทางแจกแล้ว แจกเล่า แจกแหลก-แจกสะบัด โดยแต่ละพรรค แต่ละราย ต่างหันมาเกทับ-บลัฟแหลก กันด้วยแนวคิด นโยบาย ที่แทบเป็นคนละเรื่อง-คนละม้วน กับสิ่งที่เรียกว่า ความพอเพียง หรือ เศรษฐกิจพอเพียง อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าประเภทคิดจะแจกกันเป็นหมื่นๆ หรือแจกแบบครึ่ง-ครึ่ง แบบคนละครึ่ง ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ โดยจะเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ ผิดกฎหมาย-ไม่ผิดกฎหมาย อันนั้น...คงต้องปล่อยให้บรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ไปว่าเอาเองก็แล้วกัน...

แต่สิ่งที่น่าคิด น่าสะกิดใจ มิใช่น้อย...ก็คือการประดิษฐ์ คิดค้น แนวคิดและนโยบายทำนองนี้ มันน่าจะมีพื้นฐาน ที่มา-ที่ไปจากการสำรวจ ประเมิน ความคิด ความเห็นและความต้องการ ของบรรดาผู้คนทั้งหลายมาบ้างแล้วในบางระดับ ถึงพอจะนำมาถักทอบูรณาการ ให้กลายไปเป็น เครื่องมือ ในการหาเสียง การกวาดคะแนนนิยม ของบรรดานักการเมือง พรรคการเมืองในแต่ละพรรค หรือพูดง่ายๆ ว่า...บรรดาพวก นักประชาธิปไตย หรือ นักเลือกตั้ง ทั้งหลาย เขาคงพอมองเห็นถึง ความไม่พอเพียง ความอยากได้ อยากมีเงิน-มีทอง หรืออาจเรียกว่า ความโลภ ของบรรดาปวงชนชาวไทยโดยส่วนใหญ่ไม่มาก-ก็น้อย มันเลยถึงได้เกิดการโฆษณา หาเสียง ด้วยการแจกแหลก แจกสะบั้น อย่างเท่าที่เห็นๆ กันอยู่ในทุกวันนี้...

ดังนั้น...ไม่ว่าอะไรเป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ ทำได้-ทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย-ไม่ผิดกฎหมาย คงไม่สำคัญเท่ากับ ผลลัพธ์ ที่มันจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น เพราะด้วยเหตุที่ “ประชาชนเป็นเช่นไร...รัฐบาลย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” โอกาสที่การเมือง-การปกครองแบบที่เรียกๆ กันว่า ประชาธิปไตย มันจะกลายเป็นตัวก่อให้เกิด รัฐบาลที่โลภ ไปตามความอยากได้ อยากมีเงิน-มีทอง หรือตาม ความโลภ ของบรรดาปวงชนโดยส่วนใหญ่ ย่อมมีความเป็นไปได้อยู่แล้วแน่ๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ก็เคยปรากฏให้เห็นมาแล้วไม่รู้จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนส่งผลให้สิ่งที่เรียกว่าประชาธิปไตย สุดท้าย...ต้องกลายเป็น ประชาธิป...ตาย จนได้!!!

อาจเพราะด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ อภิมหาพระ อย่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเลยฟันธงและฟันเฟิร์ม ไว้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ว่า สิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย นั้น ใช้ได้แต่เฉพาะขณะที่ ประชาชน-มีธรรม เท่านั้นเอง แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่ปวงชนไร้ศีล-ไร้ธรรม โอกาสที่ประชาธิปไตยจะกลายสภาพเป็นประชาธิป...ตาย ยิ่งมีความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ความไม่รู้จัก พอเพียง ของบรรดาปวงชนทั้งหลาย ความไม่ได้เข้าถึง-เข้าใจต่อ เศรษฐกิจพอเพียง ของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล อันเป็นสิ่งที่ ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ได้ทรงย้ำนัก-ย้ำหนามาโดยตลอด ขณะยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ จึงทำให้ ชัยชนะ-ความพ่ายแพ้ ของพรรคการเมือง นักการเมืองแต่ละราย แทบไม่อาจนำมาใช้เป็นคำตอบ-คำอธิบายต่อ อนาคตทางการเมือง ที่เหมาะ-ที่ควร-ที่ถูก-ที่ต้อง หรือที่ควรจะเป็นได้เลย โดยที่สิ่งเหล่านี้...อาจกำลังปรากฏให้เห็นอีกครั้ง ในอีกไม่ช้า-ไม่นาน นับจากนี้...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร

ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง

'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้

ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง

ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2

ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

ช่างกล้า...ช่างมั่น รับประกันด้วยตำแหน่ง

ในขณะที่ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มีความเป็นห่วงเป็นใยว่าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในท้องทะเลใต้เกาะกูดตามที่มีการลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) 44

จาก...'ต้มยำกุ้ง' ถึง 'ต้มยำกบ'

ด้วยเหตุเพราะ ความคิดถึง อย่างสุดซึ้งถึงเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ อย่าง เพื่อนแป๊ะ (โดย แป๊ะ รายที่ว่านี้ออกไปทาง เทพบุตร หรือคนละคนกับ แป๊ะ ปิศาจ) ที่ห่างหายไม่ได้เจอะหน้า เจอะตา

ทิศทางใหม่ 'สีกากี'

การจัดทัพปรับทิศ "กรมปทุมวัน" ในยุค ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ กุมบังเหียน "แม่ทัพใหญ่สีกากี" น่าสนใจ น่าติดตาม