อะไรคือ “ประชาธิปไตยดิจิทัล” มันช่วยให้ไต้หวันเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างไร?
ผมมีความเชื่อของผมว่าหากคนไทยใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด เราอาจจะสามารถก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้าง “การมีส่วนร่วมของประชาชน” ในการปกครองประเทศอย่างแท้จริงได้
และหากเราสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงแล้ว เราก็จะมีความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงในเนื้อหา และไม่เพียงแต่ในรูปแบบเท่านั้น
นั่นจะทำให้เราสร้างสังคมที่เป็นธรรม และเศรษฐกิจที่เท่าเทียมเสมอภาคได้อย่างเป็นรูปธรรม
วันก่อนผมได้อ่านบทความเห็นของคุณ Andrey Tang รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน วิเคราะห์แนวโน้มลักษณะเดียวกันนี้ จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังต่อ
แกเล่าว่า การระบาดของโควิด-19 เปิดโปงให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบอบประชาธิปไตยในหลายประเทศ รวมทั้งชาติต่างๆ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกนี้ด้วย
พอโควิดโจมตีหนัก ความไม่พร้อมของหลายประเทศก็ถูกเปิดเผยออกมา มีทั้งข้อบกพร่องและความล้มเหลว
บ้างก็ถือจังหวะนี้ฉวยโอกาสร้างอำนาจให้กับตนเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขอบเขต
บ้างก็ทำอะไรไม่ถูก ถึงขั้นอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว
สังคมส่วนใหญ่จะอ้างความเป็นประชาธิปไตย แต่เอาเข้าจริงๆ พอถูกทดสอบโดยโรคระบาดที่หนักหน่วงรุนแรงครั้งนี้ก็พิสูจน์ว่ามันไม่เป็นความจริงในหลายกรณี
มันทำให้เห็นว่าประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้แทบไม่ได้ปรับปรุงสถาบันประชาธิปไตยให้เพื่อเป็นกลไกแก้ปัญหาวิกฤตที่เผชิญกับประชาชนเลย
แต่วิกฤตนี้ก็คือโอกาส
รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวันบอกว่า เพื่อให้แน่ใจว่าประชาธิปไตยยังคงเฟื่องฟูต่อไป “เราจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถให้กับประชากรของเราอีกครั้ง”
อีกทั้งยังต้องปรับปรุงให้สถาบันต่างๆ ของสังคมเหมาะสมกับโลกที่เราอาศัยอยู่
แกบอกว่า ไต้หวันได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความสามารถสร้างประชาธิปไตยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วยการมีส่วนร่วมของพลเมือง
คุณอังเดร ถัง บอกว่าไต้หวันปรับเปลี่ยนสู่ระบอบประชาธิปไตยดิจิทัลภายในหนึ่งชั่วอายุคน
นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไต้หวันได้ผันตัวเองจากสังคมเกษตรกรรมที่ค่อนข้างเรียบง่าย โดยมีอำนาจอยู่ในมือของพรรครัฐบาล มาเป็นรัฐที่มีลักษณะเป็นพหุนิยมทางสังคม วัฒนธรรม และการเมือง
เริ่มด้วยการเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรงครั้งแรกเมื่อปี 2539 หลังจากที่ World Wide Web บนอินเทอร์เน็ตได้รับความนิยมในไต้หวัน
มันพิสูจน์ว่าอินเทอร์เน็ตและประชาธิปไตยมีวิวัฒนาการและเติบใหญ่ไปพร้อมๆ กัน
ปี 2014 เป็นปีมีช่วงเวลาที่ชัดเจนในการปลุกพลังประชาธิปไตยของไต้หวัน
ปีนั้นเกิด “ขบวนการทานตะวัน”
ผู้คนกว่าครึ่งล้านออกมาตามท้องถนนเพื่อประท้วงข้อตกลงการค้าบริการข้ามช่องแคบซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าที่คลุมเครือกับปักกิ่ง
ผู้คนอีกนับล้านสนับสนุนผู้ประท้วงทางออนไลน์และแผ่ขยายไปทั่วประเทศ
รัฐสภาของไต้หวันถูกยึดครองโดยประชาชนที่ต้องการหยุดความคืบหน้าของกฎหมาย
ในช่วงสองสามวันแรกของเหตุการณ์ครั้งนั้น ข่าวลือและข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐสภาถูกแพร่กระจาย
คุณอังเดร ถัง เล่าว่า เพื่อให้มั่นใจถึงความเปิดกว้างและความโปร่งใส แกได้ช่วยตั้งค่าระบบการสื่อสารกับชุมชน gov ที่กระจายอำนาจ
เรียกว่า gov-zero ซึ่งเป็นกลุ่มแฮ็กเกอร์พลเมือง พื้นที่ที่ถูกยึดครองและถนนโดยรอบเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายท้องถิ่น และมีการตั้งโปรเจ็กเตอร์ไว้นอกรัฐสภาเพื่อแสดงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในแบบเรียลไทม์
ข้อมูลความเป็นจริงได้รับการถ่ายทอดและแพร่กระจายสดๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้อย่างทันท่วงที และไม่เป็นเหยื่อของข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าวลวงทั้งหลาย
“ขบวนการทานตะวัน” ยุติกิจกรรมในอีกสามสัปดาห์ต่อมา
เพราะรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะกำกับดูแลข้อตกลงการค้าให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
นั่นเป็นการอินเทอร์เน็ตในการรายงานข้อมูลข่าวสารที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง
นี่ไม่เพียงแต่ใช้ได้กับไต้หวันเท่านั้น แต่ทั้งโลกกำลังใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างจริงจังและกว้างขวาง
ขบวนการที่ว่านี้ช่วยให้การรวมตัวของประชาชนเกิดได้ด้วยความช่วยเหลือจากมืออาชีพที่ใช้พลังเทคโนโลยีของพลเมือง นำไปสู่การดำเนินการตามระบอบประชาธิปไตยอย่างมีประสิทธิผล
หากผู้มีอำนาจเข้าใจ แทนที่จะรู้สึกอึดอัดคับข้องใจหรือพยายามขัดขวาง ก็สามารถจะใช้มันเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาตั้งแต่ระดับชุมชนถึงระดับชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
หากใช้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ก็จะสามารถสร้างพลังและแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรมด้านนโยบาย ให้แนวคิดในการทำงานร่วมกับประชาชน และซึมซับการกำหนดนโยบายสาธารณะ
นั่นคือการปลดปล่อยพลังที่มีอยู่ในการระดมมวลชนของประชาธิปไตย เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างประชาชน-ภาครัฐ-เอกชน ที่ชี้นำโดยตรงจากความต้องการของประชาชน
ไต้หวันมีหลายโครงการเพื่อสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายพันธมิตรในภาคส่วนต่างๆ เช่น งาน Presidential Hackathon ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว
โครงการนี้เชิญชวนพลเมืองจากทั่วโลกให้เสนอวิธีแก้ปัญหาแบบ open-data สำหรับปัญหาความยั่งยืนทั่วโลก
รวมถึงวิธีการลดการใช้พลังงาน เพิ่มพลังให้พลเมืองที่ชาญฉลาด และส่งเสริมการลงทุนด้านการเกษตรแบบหมุนเวียน
ทีมไหนชนะในการแข่งขันจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมในโครงการของรัฐบาล
และระบบที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมีสิทธิ์ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน
นวัตกรรมประชาธิปไตยอีกอย่างหนึ่ง join.gov.tw ช่วยให้ประชาชนสามารถยื่นคำร้องในเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว
โดยที่กระทรวงดิจิทัลจัดการประชุมแบบเห็นหน้ากันเดือนละสองครั้ง เพื่อสำรวจวิธีการรวมคำร้องที่มีลายเซ็นมากกว่า 5,000 รายชื่อในการกำหนดนโยบาย
ผู้ริเริ่มแนวความคิดนี้คือพลเมืองที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีมากกว่าหนึ่งในสี่ ซึ่งรวมถึงคำร้องล่าสุดเพื่อแบนหลอดพลาสติก
ความคิดนี้สร้างขึ้นโดยเด็กหญิงอายุ 17 ปีเท่านั้น
แนวคิดของรัฐมนตรีดิจิทัลไต้หวันคนนี้ทำให้เราควรจะเห็นว่าศักยภาพของเทคโนโลยีในการสร้าง “ประชาธิปไตยที่จับต้องได้” เกิดขึ้นได้จริงๆ
อยู่ที่รัฐบาลเราจะมีความกล้าหาญและวิสัยทัศน์พอที่จะปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่หรือไม่เท่านั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ