เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย

หลุดมาแล้ว....

เอกสารคำชี้แจง นโยบายแจกเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทย จากประชาชาติธุรกิจออนไลน์

มาดูกันเลยครับ....

--------------------------

หัวใจสำคัญของนโยบาย

๑.ประชาชนต้องได้รับโอกาสในการใช้ศักยภาพของตนเอง เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวม

๒.ประชาชนมีสิทธิ์กำหนดชีวิตของตนเองได้อย่างเสมอภาค

ประชาชนสามารถยกระดับรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ ดำเนินการพัฒนาระดับของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ตนเองสามารถทำได้ด้วยตัวประชาชน

 มาตรการการโอน มาตรการทางการคลัง

รัฐบาลโอนสินทรัพย์ที่เรียกว่า เหรียญดิจิทัล (Digital Coin หรือเรียกว่า เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย) เข้าสู่กระเป๋าเงิน ตามเลขที่ลงทะเบียนไว้ เช่น ประชาชนไทย อายุ ๑๖ ปีขึ้นไป ที่มีบัตรประชาชน เลข ๑๓ หลัก ประมาณ ๕๐ ล้านคน ในเบื้องต้น เพื่อทดลองโอนกระเป๋าละ ๕,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ บาท เอกสารดังกล่าว ระบุด้วยว่าแล้วแต่นโยบายรัฐบาลและทรัพยากรทางการเงิน ต้องพิจารณาต่อไป

ภาพเหตุการณ์ที่ ๑

การโอนทางการคลัง ขั้นต่ำ ๕๐ ล้าน x ๕,๐๐๐ บาท = ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท จะก่อเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมหภาค ๖ เท่า (Marginal Propensity to consume = 0.7, Multiplier = 6) ก่อให้เกิดการหมุนเวียน (ในราคาปัจจุบัน) ๒๕๐,๐๐๐ x ๖ = ๑,๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท (one time shock and last 6 months) ผลการโอนจะส่งผลต่อการบริโภคในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (๑๗.๓๖ ล้านล้านบาท ณ ราคาปัจจุบัน ในปี ๒๕๖๕ + ๑.๕ ล้านล้านบาท)

ภาพเหตุการณ์ ที่ ๒

การโอนทางการคลัง ขั้นต่ำ ๕๐ ล้าน x ๑๐,๐๐๐ บาท = ๕๐๐,๐๐๐ ล้านบาท จะก่อเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมหภาค ๖ เท่า (Marginal Propensity to consume = 0.7, Multiplier = 6) ก่อให้เกิดการหมุนเวียน (ในราคาปัจจุบัน) ๕๐๐,๐๐๐ x ๖ = ๓,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท (one time shock and last 6 months) ผลการโอนจะส่งผลต่อการบริโภคในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (๑๗.๓๖ ล้านล้านบาท ณ ราคาปัจจุบัน ในปี ๒๕๖๕ + ๓.๐ ล้านล้านบาท)

การกระตุ้นเศรษฐกิจ

การกระตุ้นเศรษฐกิจมหภาค การกระตุ้นการบริโภค ส่งผลต่อให้เกิดการกระตุ้น การลงทุนของภาคเอกชน การส่งออกสุทธิ (Export-Import) ผนวกกับการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของภาครัฐ ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อไทย (ที่พรรคนำเสนอ กกต.) โดยรักษาเสถียรภาพทางราคาและวินัยการเงิน การคลัง จะส่งผลให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจมหภาคได้ร้อยละ ๕% ต่อปี ในปี ๒๕๖๗-๒๕๖๘, ๒๕๖๙ และ ๒๕๗๐ ตามลำดับ เอกสารดังกล่าวระบุว่า การวิเคราะห์ในรายละเอียดนำเสนอต่อไป

วินัยการเงิน-การคลัง

รัฐบาลมอบกรมสรรพากร ให้เชิญชวนร้านค้าที่เข้าร่วมรายการติดตั้ง Point of Sale (POS) เพื่อบันทึกการหักภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value added tax) จากการซื้อขาย หากยอดขายต่ำกว่าเกณฑ์ ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และถ้ารายได้ของการประกอบการต่ำกว่าเกณฑ์ไม่ต้องเสียภาษีรายได้

ทั้งนี้ เพื่อระดมทรัพยากรการโอนเงินดิจิทัลในรอบถัดไป ทั้งสองภาพเหตุการณ์ รัฐบาลเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ๑๐๕,๐๐๐-๒๑๐,๐๐๐ ล้านเป็นอย่างต่ำ (ยังไม่นับรวมรายรับภาษีรายได้ของบุคคลและนิติบุคคล)

ไม่สร้างปัญหาต่อนโยบายการเงิน

เหรียญดิจิทัลเพื่อไทยสามารถนำไปใช้จ่ายได้กับร้านค้าต่างๆ ในชุมชนรัศมี ๔ กิโลเมตร โดยร้านค้าจะต้องมี Digital Wallet ในระบบเดียวกันเพื่อรับชำระ การใช้เหรียญดิจิทัลนี้จะหมดอายุใน ๖ เดือน เพื่อไม่ให้เกิดตลาดรอง และสร้างความยุ่งยากต่อระบบเงินตรา ตามปกติในกรณีการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และการจ้างงานสาธารณะ แต่ยืดอายุตามความเหมาะสมกรณีการเพิ่มทักษะ

เพื่อไม่ให้เกิดการโอนทางการคลังซ้ำซ้อนเป็นภาระทางงบประมาณ ผู้ที่เข้าสู่ระบบ Digital Wallet PT รัฐบาลจะป้องกันไม่ให้เกิดการโอนทางการคลัง หลายๆ โครงการที่ทำโดยรัฐบาลที่ผ่านมา โดยใช้ระบบ Blockchain ที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ แต่ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลที่บันทึกแล้วไม่ให้เกิดการรับ การโอนซ้ำซ้อน

----------------------

อ่านจบแล้วแทนที่จะเข้าใจ กลับมีคำถามมากกว่าเดิม

ประการแรก "เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย" ใช้ชื่อนี้จริงๆ ใช่แล้วหรือไม่?

ถ้าจริง นับเป็นความอัปยศอดสูทางการเมืองอย่างที่สุด

พรรคเพื่อไทยเอางบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชน ไปตั้งชื่อโครงการโดยใช้ชื่อพรรคตัวเอง

ใครอนุญาต

มีสิทธิ์อะไร เงินของทักษิณหรือ?

เห็นหัวผู้เสียภาษีบ้างหรือเปล่า

ตั้งเงินสกุลเงินดิจิทัลสกุลใหม่ ชื่อ "สกุลเพื่อไทย"  อย่างนั้นหรือ

กรณีนี้รับไม่ได้ครับ

ประเด็นถัดมา พรรคเพื่อไทย เอาตาม ภาพเหตุการณ์ ที่ ๒ คือแจกหัวละหมื่นบาท คาดว่าก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมูลค่า ๓ ล้านล้านบาท

ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ คำตอบคือเป็นไปได้ ตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ 

เพียงแต่ ยังครับ ยังไม่ตอบ เรื่องที่มาของเงินที่แจก  ๕ แสนล้านบาท ว่าจะเอามาจากไหน

แต่ไปตอบโน่นแทน หลังจากแจกเงินแล้ว จะทำให้เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้เพิ่มขึ้น ๑๐๕,๐๐๐-๒๑๐,๐๐๐ ล้านเป็นอย่างต่ำ (ยังไม่นับรวมรายรับภาษีรายได้ของ บุคคลและนิติบุคคล)

หมายความว่า จะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น ก็ปีงบฯ ๒๕๖๘ ไปแล้ว

สรุปคือไม่มีคำตอบสำหรับหัวเชื้อ ๕ แสนล้าน

มาดูการชี้แจงเรื่องวินัยการเงิน-การคลัง 

ตอบไม่ตรงคำถามครับ 

ในคำชี้แจงไปตอบเรื่อง ร้านค้าเข้าระบบใช้เงินดิจิทัล จะถูกต้อนเข้าระบบภาษี หนีไม่ได้ จากระบบ Point of Sale (POS) คนที่ยอดขายต่ำ ไม่ต้องเสียภาษี

เกิดคำถามครับ ถ้าขยายฐานภาษีพวกพ่อค้าแม่ค้า ก็ดีครับ เราจะได้เก็บรายได้ ได้มากขึ้น ส่วนเรื่องคนรายได้น้อยไม่ต้องเสียภาษี ก็เป็นหลักการปกติของการเสียภาษี

แต่ที่สำคัญพรรคเพื่อไทยยังไม่ตอบครับ ว่าการเอาเงิน ๕ แสนล้านมาแจกโดยที่คนรับไม่ต้องทำงานให้เหน็ดเหนื่อยนั้น จะมีผลกระทบ ผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง

ย้อนไปอ่านข้างบนอีกทีครับ

คำชี้แจงพูดแต่ด้านบวก แผนนี้จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตปีละ ๕% ในช่วง ๔ ปี (๒๕๖๗-๒๕๗๐) ภายใต้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

แต่ไม่ได้บอกความเสี่ยง เสียหายที่จะเกิดขึ้นตามมา ที่เห็นรำไร คือเรื่องเงินเฟ้อ

ถ้าประกาศว่าจะแจกเงิน ๕ แสนล้านเมื่อไหร่ ราคาข้าวของก็จะขึ้่นพรวดไปรอแล้วครับ

สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น คือเงินเฟ้อ

คนที่ได้รับแจกเงินต้องเร่งใช้จ่ายภายใน ๖ เดือน ก่อนหมดเวลา

อย่างที่เคยพูดไปแล้ว เรื่องเงินเฟ้อ นี่นักเศรษฐศาสตร์กลัวนักกลัวหนา อย่างอเมริกา เฟดก็กลัวมาก ขึ้นดอกเบี้ยไม่หยุด จนมีผลกระทบเรื่องธนาคารล้มละลาย

ความเสียหายในภาคการเงินที่จับต้องได้ ซึ่งนักศึกษาเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยก็ยังรู้ครับ

แต่สิ่งที่จับต้องไม่ได้ ก็คือ การบ่มเพาะนิสัยไม่อยากทำงาน และรอรัฐเลี้ยงให้แก่คนไทยครับ

แม้ตอนนี้ มองไม่เห็นว่า DNA ไม่คิดทำมาหากิน จะกลายเป็นนิสัยในอนาคตก็เถอะ

แต่เรื่องนี้ประมาทไม่ได้ เป็นสิ่งน่ากลัว

เป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่ทำให้คนต้องพึ่งพารัฐตะบี้ตะบันตลอดเวลา ยืนบนขาตัวเองไม่ได้

หรือนี่จะเป็นการปลูกฝังให้คนในชาติอ่อนแอ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปั้น 'จีดีพีเลือด'

เชื่อเถอะครับ... ที่รัฐบาลพ่อเลี้ยงประกาศจะปั้นจีดีพีให้โตพรวดๆ นั้น ทำได้จริง

กาสิโนต้องเร่งด่วน!

ไม่รู้จะแปลความอย่างไรครับ... นอกจากรัฐบาลลักไก่! ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาสะกิดรัฐบาลเอากลับไปทำเสียให้ถูกต้อง ให้มันครบวงจรจริงๆ

จะล้มทั้งกระดาน

น่าเห็นใจครับ... วานนี้ (๑๒ มกราคม) หมอใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ "พล.ต.ท. นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์" รูดซิปปากแน่น ใส่กุญแจอีก ๑๔ ชั้น ไม่บอกนักข่าวว่าส่งเอกสาร หลักฐาน การรักษาตัว "นักโทษเทวดา" ไปให้ คณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา แล้วหรือยัง

อย่าปล่อยให้เหลิง

นักร้องยังไม่ทำงาน... จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเกี่ยวกับการปราศรัยของ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปยัง กกต.เลยครับ

เจอตอ ชั้น ๑๔

งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์

'ทักษิณ' ตายเพราะปาก

แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ