ช่วงนี้ผู้นำยุโรปเรียงแถวมาเยี่ยมเยือนสี จิ้นผิง ของจีนกันเป็นการใหญ่
ตามหลังนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปนไม่กี่วัน ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เออร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน ก็บินไปปักกิ่งระหว่าง 5-7 เมษายนนี้
และมีแนวโน้มว่ารัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี อันนาเลนา แบร์บอก ก็จะตามไปเยือนจีนในช่วงกลางเดือนเมษายนเช่นกัน
จีนกับสหรัฐฯ อาจจะมีความระหองระแหงกันหนักขึ้น แต่ปักกิ่งพยายามจะแยกความสัมพันธ์ของยุโรปให้อยู่อีกด้านหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องผูกติดกับสหรัฐฯ
ทั้งยุโรปและจีนก็หวังจะแยกแยะให้เกิดความแตกต่างเช่นกัน
แต่ในทางปฏิบัติจะสำเร็จแค่ไหนอยู่ที่ทั้งสองฝ่ายพร้อมจะเข้าใจปัญหาของกันและกันเพียงใด
สื่อทางการจีนบอกว่า ปฏิสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหภาพยุโรปที่เข้มข้นเน้นให้เห็นฉันทามติร่วมกันระหว่างสองฝ่าย ที่เห็นพ้องกันว่าควรจะต้องปรับปรุงการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคคลให้ดีกว่าที่ผ่านมา
จีนได้เสนอแผนสันติภาพยูเครน 12 ประเด็น แต่สหภาพยุโรปก็ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยไว้วางใจปักกิ่งนัก
จีนพยายามจะบอกยุโรปให้ใช้วิจารณญาณของตนที่ไม่จำเป็นต้องเกาะติดกับสหรัฐฯ เสมอไป
“สหภาพยุโรปควรกำกับชะตากรรมของตนเองเพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ และส่งเสริมการหยุดยิงเพื่อสันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืนของยุโรป”
นี่เป็นเสียงเรียกร้องในบทความของสื่อทางการจีน
แต่ก่อนเดินทาง “หญิงแกร่งแห่งอียู” Ursula von der Leyen ก็ยังวิพากษ์ท่าทีของจีนในหลายเรื่อง
เธอบอกว่า เป็นที่ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปกับจีนห่างเหินและเพิ่มความตึงเครียดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
“แต่ดิฉันเชื่อว่ามันไม่มีความเป็นไปได้ หรือเป็นประโยชน์อันใดสำหรับยุโรปที่จะแยกตัวออกห่างออกจากจีน” เธอยอมรับ
คำว่า decouple ถูกนำมาใช้เพื่อตอกย้ำว่าการ “แยกขั้วกันอย่างถาวร” ไม่ใช่ทางออกที่จะเป็นประโยชน์กับฝ่ายใด
ความตึงเครียดระหว่างสหภาพยุโรปกับปักกิ่งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมากจากประเด็นต่างๆ รวมถึงไต้หวัน ข้อกล่าวหาการปราบปรามชาวอุยกูร์ของจีนในซินเจียง และข้อพิพาทองค์การการค้าโลกของสหภาพยุโรปกับจีนเกี่ยวกับข้อจำกัดทางการค้าต่อประเทศสมาชิกลิทัวเนีย
“การกระทำที่ทวีความรุนแรงเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงจีนที่เริ่มกระทำการกดขี่มากขึ้นทั้งในประเทศ และแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นในต่างประเทศ” เธอว่า
การที่ปักกิ่งปฏิเสธจะประณามสงครามของรัสเซียในยูเครน และความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมอสโกก็เป็นประเด็นที่อียูยกขึ้นมาเป็นคำถามเช่นกัน
จึงไม่ต้องสงสัยว่า มีการจับจ้องไปที่การเดินทางร่วมกับประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศส ที่มาพร้อมกันอย่างมากเช่นกัน
คาดกันว่าหัวข้อสำคัญของการพบปะที่ปักกิ่งครั้งนี้ น่าจะโยงกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนกับยุโรป รวมถึงการเข้าถึงตลาดและหลักปฏิบัติด้านการแข่งขันที่เป็นธรรม
ปีที่ผ่านมา จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 3 สำหรับการส่งออกสินค้าของสหภาพยุโรป และเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดสำหรับการนำเข้าสินค้าของกลุ่ม
เชื่อว่าสี จิ้นผิง คงใช้โอกาสนี้โน้มน้าวให้ผู้นำยุโรปบางคนกลับมา “ทำธุรกิจตามปกติ” เสียที
ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดเช่นเยอรมนีและฝรั่งเศส และแวดวงธุรกิจในสองประเทศนี้ มีความสนใจอย่างมากในการพยายามหาทางกลับมาคบหาจีนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของตนคณะผู้แทนธุรกิจของฝรั่งเศส ได้ขอให้มาครงส่งสัญญาณไปยังปักกิ่งว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจยังคงมีความสำคัญอย่างมาก
แต่ต้องไม่ลืมว่าสำหรับสี จิ้นผิง แล้วทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจหรือการเมือง ล้วนแล้วแต่มีความโยงใยกันทั้งสิ้น มิอาจจะแยกออกจากกันได้
นักวิเคราะห์มองว่า มาครงต้องการพยายามจะหว่านล้อมไม่ให้จีนเข้าใกล้รัสเซียมากไปกว่านี้
แต่นั่นคือความท้าทายสำหรับผู้นำฝรั่งเศส เพราะโอกาสที่จะ “แยก” สี จิ้นผิง จากปูตินก็เป็นเรื่องที่ยากไม่น้อยไปกว่าที่จีนพยายามจะ “แยกยุโรปจากสหรัฐฯ” เช่นกัน
สิ่งที่ผู้นำฝรั่งเศสและคณะกรรมาธิการยุโรปสามารถทำได้คือ เตือนจีนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่มีการสนับสนุนทางทหารเพิ่มเติมแก่รัสเซีย
และตอกย้ำถึงอันตรายที่รัสเซียจะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุส
มาครงมีสิทธิ์ตั้งคำถามเรื่องนิวเคลียร์ เพราะฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ และฝรั่งเศสไม่ได้เป็นส่วนที่ผูกติดกับสหรัฐฯ และอังกฤษ
แต่มาครงก็คงต้องยอมรับว่าเขาไม่รู้ว่าสี จิ้นผิง จะยอมฟังเขามากน้อยแค่ไหน
สื่อทางการจีนบอกว่า มาครองจะพบกับสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง และจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติ
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนบอกว่า ในการหารือกันนั้น สีและมาครงจะร่วมกันจัดทำแผนที่การพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต กระชับความร่วมมือจีน-ฝรั่งเศส และจีน-สหภาพยุโรป ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในด้านต่างๆ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นสำคัญระดับนานาชาติและระดับภูมิภาค
ปักกิ่งบอกว่า พร้อมที่จะทำงานร่วมกับฝรั่งเศสเพื่อใช้การเยือนครั้งนี้เป็นโอกาสในการสร้างผลลัพธ์ใหม่ ในการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ใกล้ชิดและยั่งยืนระหว่างสองประเทศ ส่งเสริมการพัฒนาที่ดีของความสัมพันธ์จีน-สหภาพยุโรป และสนับสนุนสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของโลก
ปีนี้มีความหมายเพราะเป็นปีครบรอบ 20 ปีของการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างจีน-สหภาพยุโรป
นักวิเคราะห์ฝั่งจีนชี้ถึง “การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ขนานใหญ่”
และยอมรับว่าระดับ “ความไว้วางใจทางการเมือง” ระหว่างจีนกับสหภาพยุโรปได้ลดลง เหตุผลมาจากการที่จีนกับสหรัฐฯ มีเรื่องเผชิญหน้ากันมากขึ้น
ปักกิ่งเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจของจีนกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ยุโรปก็ย่อมต้องการสำรวจโอกาสทางธุรกิจในตลาดที่กว้างขวางใหญ่โตและเฟื่องฟูของจีน
ด้านหนึ่งยุโรปก็ต้องการจะคบหาจีนเพื่อฟื้นเศรษฐกิจของตน แต่อีกด้านหนึ่งก็กลัวการขยายอิทธิพลของปักกิ่ง
ส่วนจีนก็หวาดหวั่นว่ายุโรปจะเดินตามสหรัฐฯ จนไม่เป็นตัวของตัวเอง
จีนต้องการให้ยุโรปเป็น “อิสระจากอเมริกา”
ยุโรปก็ต้องการให้จีนเป็น “อิสระจากรัสเซีย”
พอจะเห็นความลำบากยากเย็นในการพูดจาภาษาเดียวกันแล้วใช่ไหม?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ