เงินสกุลหยวนของจีนกำลังจะมาทดแทนดอลลาร์ของสหรัฐฯ จริงไหม?
ข่าวคราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เห็นสัญญาณอะไรบางอย่างที่ชัดขึ้น เช่น
1.ซาอุดีอาระเบียพิจารณารับเงินหยวนจากจีนในการซื้อขายน้ำมัน
2.จีนและฝรั่งเศสตกลงจะค้าขาย LNG ครั้งแรกโดยใช้เงินหยวน
3.รัสเซียพิจารณาใช้เงินหยวนของจีนเป็นสกุลเงินสำรอง
4.ซาอุดีอาระเบียร่วมมือกับจีนสร้างโรงกลั่นมูลค่า 83.7 พันล้านหยวนจีน (กว่า 400,000 ล้านบาท)
5.จีนและบราซิลตกลงที่จะใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน
สถิติล่าสุดบอกว่า เปอร์เซ็นต์ของเงินสำรองทั่วโลกในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงจาก 72% ในปี 1999 เป็น 59% ในปัจจุบัน
ทำให้เกิดคำถามเดิมที่ว่าอิทธิพลเบ็ดเสร็จของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงหรือไม่กำลังจะได้คำตอบที่น่าสนใจมากขึ้นอีก
ไม่ต้องแปลกใจอีกต่อไปว่าเงินหยวนจะมีบทบาทสูงขึ้นในเวทีการค้าโลก
สังเกตได้จากที่ธนาคารกลางจีนพยายามกระตุ้นให้คู่ค้าของจีนหันมาใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศมากขึ้น
ปักกิ่งมีเป้าหมายว่าในระยะกลาง (ไม่ต้องรอถึงระยะยาว) จีนจะต้องพยายามทำให้สถานภาพของดอลลาร์ถูกเงินหยวนท้าทายอย่างแน่นอน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสาเหตุหนึ่งก็คงมาจากเรื่องสงครามยูเครน
เพราะเมื่อตะวันตกประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย ก็เท่ากับเป็นการผลักดันให้มอสโกต้องหันมาหาจีนเพิ่มขึ้น
และเมื่อเห็นตะวันตกสั่งอายัดเงินสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียในธนาคารตะวันตก ก็ยิ่งทำให้หลายประเทศต้องทบทวนนโยบายเรื่องการกระจายเงินสำรองของตัวเองมากขึ้น
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียเพิ่งประกาศระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ไปเยือนมอสโกเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาว่า ตอนนี้การค้ากว่า 1 ใน 3 ของโลกก็หันมาใช้เงินหยวนกันแล้ว
ปูตินบอกว่า ยิ่งวันก็จะเห็นชาวโลกหันมาใช้เงินหยวนและรูเบิลของรัสเซียมากขึ้น
รัสเซียบอกว่าจะเพิ่มปริมาณเงินสำรองในรูปสกุลเงินหยวน
และจะเพิ่มการค้ากับจีนโดยจะชำระค่าสินค้าระหว่างกันผ่านหยวนและรูเบิล
แม้แต่ธนาคารรัสเซียหลายแห่งก็เริ่มหันมาเสนอบริการลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นสกุลเงินหยวน แทนที่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์และสกุลเงินยูโร
ตัวเลขล่าสุดชี้ว่า เงินหยวนมีส่วนแบ่งการตลาดในเวทีการค้าโลกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.2%
เท่ากับเป็นเงินสกุลที่ถูกใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับ 4 ของโลก
รองจากเงินสกุลดอลลาร์ ยูโร และปอนด์สเตอร์ลิง
เป็นไปได้ว่าสาเหตุหนึ่งมาจากการที่หลายประเทศหันมาเพิ่มสัดส่วนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลเป็นเงินสกุลจีน
อีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนเกื้อจีนคือ การที่ข้อตกลงการค้าเสรี RCEP ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่ 1 มกราคมปีนี้ จะผลักดันให้การใช้เงินหยวนระหว่างจีนและชาติสมาชิกเพิ่มสูงขึ้น
ถามว่า เงินสกุลอะไรที่ยังครองความนิยมในฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศของชาติต่างๆ คำตอบคือ
ดอลลาร์ยังมีสัดส่วนที่สูงถึง 59.1% ตามมาด้วยยูโรที่ 20.5% เงินเยน 5.8% เงินปอนด์สเตอร์ลิงที่ 4.8%
ขณะที่เงินหยวนยังมีสัดส่วนอยู่เพียง 2.7% เท่านั้น
ตัวแปรที่อาจจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในประเด็นนี้ก็คือ การคว่ำบาตรรัสเซียของชาติตะวันตก
เพราะหลายประเทศบอกว่าต้องมีการทบทวนนโยบายของการกระจายการถือครองเงินสำรองไปยังสินทรัพย์และเงินสกุลอื่นๆ มากขึ้น
เป็นบทเรียนของการบริหารความเสี่ยงในอนาคตที่สำคัญสำหรับทุกประเทศ
อีกเรื่องหนึ่งที่อาจจะทำให้บทบาทของหยวนคึกคักขึ้นคือ ข้อเสนอที่จะตั้งระบบการโอนเงินข้ามประเทศของจีนที่เรียกว่า CIPS (Cross-Border Interbank Payment System)
ให้เป็นทางเลือกแทนระบบ SWIFT ของชาติตะวันตก
คำถามต่อมาก็คือว่า อินเดียจะเข้าร่วมกับจีนและรัสเซียในการทำให้ดอลลาร์ลดความสำคัญในตลาดโลกหรือไม่ เพราะถ้าอินเดียกระโดดลงมาเล่นเกมนี้ด้วยรับรองว่าสนุกแน่ๆ
หลังเกิดสงครามยูเครน รัสเซียขายก๊าซและน้ำมันให้จีนกับอินเดียในปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก...ณ “ราคามิตรภาพ” เสียด้วย
นั่นย่อมทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากขึ้นระหว่างอินเดียกับจีนและรัสเซีย
ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางจีนได้เริ่มพัฒนาเงินหยวนในรูปแบบดิจิทัลที่เรียกว่า Central Bank Digital Currency (CBDC) มาตั้งแต่ปี 2014
ปักกิ่งได้ให้ประชาชนเริ่มใช้ CBDC มากขึ้นตามลำดับ (เหมือนที่ไทยเราเตรียมจะทดลองใช้ในเร็วๆ นี้)
ซึ่งนั่นจะเสริมศักยภาพของจีนที่จะเสนอบริการเงินสกุลดิจิทัลเป็นหยวนได้อีกทางหนึ่ง
เป็นไปได้ไหมว่า เทคโนโลยีทางการเงินของจีนแซงหน้าหลายประเทศแม้แต่สหรัฐฯ ไปแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี
ดังนั้น ถ้าในวันข้างหน้าความต้องการเงินดอลลาร์ลดลง อิทธิพลบารมีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่สามารถกำหนดทิศทางการเงินโลกก็จะลดลงตามไปด้วย
หากฟังคำแถลงนโยบายเศรษฐกิจและการเงินจากนายกฯ คนใหม่ หลี่ เฉียง ก็จะเห็นว่าได้ปรับนโยบายเปิดกว้างสำหรับต่างประเทศและเอกชนอย่างน่าสนใจยิ่ง
นโยบายการทูตและเศรษฐกิจเชิงรุกของจีนภายใต้สี จิ้นผิง ยุคที่ 3 และนายกฯ หลี่ เฉียง ที่ได้ชื่อว่ามีความเข้าใจเอกชนมาตลอดนั้น อาจจะเป็นแรงส่งอีกด้านหนึ่งที่จะทำให้เงินสกุลหยวนของจีนได้ผงาดในเวทีระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
อีกไม่นานเราจะเห็นการแข่งขันระหว่างหยวนกับดอลลาร์ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นไปอีก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว