ยุคแห่งพระอาทิตย์ 7 ดวง

ขนาดแค่ปลายๆ เดือน มีนาคม ยังร้อนระเบิดเถิดเทิงไปได้ถึงปานนี้...แล้วยังต้องรอคอย ต้องผ่านเดือน เมษายน อีกทั้งเดือน โอกาสที่จะตับแลบ ม้ามแลบ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เฮ้ออ์อ์อ์...อะไรมันจะทรเวร ทรมาน ทรกรรม ไปได้ถึงปานนั้น!!!

เห็นว่า...ถึงขั้นใครต่อใครทดลอง ทอดไข่ กลางแดดเปรี้ยงๆ โดยไม่ต้องใช้ฟืน ใช้ไฟ ไปแล้วถึงขั้นนั้น การที่ต้องพานพบกับ ความสุก แทนที่จะเป็น ความสุข จึงเป็นอะไรที่ ปกติ-ธรรมดา ไปแล้วสำหรับเราๆ-ทั่นๆ ไม่ว่ายาก-ดี-มี-จน หรือถึงแม้จะมีโอกาสนอนผึ่งแอร์ตลอดวัน-ตลอดคืนก็เถอะ แต่ด้วยอุณหภูมิความร้อนที่นับวันมีแต่จะร้อนขึ้นๆ ต้องถือเป็นการ ส่งสัญญาณ ให้เห็นถึงความ ปกติ-ที่ไม่ปกติ อันเป็นสิ่งที่บรรดามนุษย์มนาทั้งหลาย จำต้องเผชิญเวร เผชิญกรรม ในห้วงปัจจุบันและอนาคตอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้...

ถ้าว่ากันตามการแปลความ ตีความ ของอภิมหานักปราชญ์ชาวพุทธ อย่างท่านอาจารย์ พระพุทธทาสภิกขุ ภายใต้อุณหภูมิความร้อนที่มีแต่เพิ่มขึ้นๆ เลยแทบไม่ต่างอะไรไปจากปรากฏการณ์ พระอาทิตย์ 7 ดวง ตามคำพูด คำจา คำดำรัสของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตรัสไว้ใน สุริยสูตร นั่นแล แต่ท่าน พุทธทาส ท่านนำมาเปรียบเทียบ อุปมา-อุปไมยเสียใหม่ ให้เข้ากับยุคสมัย กับกาลสมัย หรือให้กลายยุคที่ ความร้อนเพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่า อันเนื่องมาจากเผาผลาญทำลาย ธรรมชาติ ของบรรดามวลมนุษย์ยุคปัจจุบัน ที่ต้องถือเป็นวิถีทางโดย ปกติ-ที่ไม่ปกติ อีกนั่นแหละ โอกาสบรรเทา เบาบางความร้อนทั้งหลาย ให้พอเย็นๆ ขึ้นมั่ง มันเลยแทบ เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย ด้วยประการฉะนี้...

เพราะไม่ว่า ขบวนการโลกร้อน ทั้งหลาย...จะหันไป หิ้วถุงผ้า แทนถุงพลาสติกอยู่ตามศูนย์การค้าใดๆ ก็ตาม หรือไม่ว่าจะจัดประชุมแก้ปัญหาโลกร้อน แก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ ไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน แต่ในเมื่อ การบริโภค มันยังคงเป็น เหตุปัจจัย หลักๆ แห่งการคงอยู่ ดำรงอยู่ ของมวลมนุษย์ทั้งหลาย แถมยังถูกกระตุ้น ถูกเร่งเร้า ให้หันมาบริโภคให้เยอะๆ เข้าไว้ จะเพื่อการขายสินค้าต่างๆ ของพ่อค้า หรือเพื่อการเพิ่มปริมาณตัวเลขจีดีพีก็แล้วแต่ บรรดา พลโลก ที่ปาเข้าไปถึงระดับ 7,000-8,000 ล้านไปแล้วในทุกวันนี้ เลยย่อมหนีไม่พ้นที่ต้องหันมากัดกินโลกทั้งโลก ไม่ต่างอะไรไปจาก อภิมหาฝูงตั๊กแตน อย่างที่รัฐบุรุษและนักปราชญ์ชาวอินเดีย ท่าน มหาตมะ คานธี ท่านเคยเปรียบเทียบ เคยอุปมา-อุปไมย เอาไว้นั่นแล...

การกล่าวถึงอุณหภูมิความร้อน ในยุคที่ พระอาทิตย์ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาทีละดวง สองดวง ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใน สุริยสูตร จึงเป็นอะไรที่น่าหยิบมาเป็นข้อคิด สะกิดใจ เอาไว้มั่งเหมือนกัน คือจากดวงที่ 1 เพียงดวงเดียว กลายเป็นดวงที่ 2 ไปจนถึงดวงที่ 7 จนได้ ชนิดส่งผลให้ “น้ำในมหาสมุทรลึก 100 โยชน์ก็ดี 700 โยชน์ก็ดี ย่อมลดลงเหลืออยู่เพียงรอยเท้าโคแห่งมหาสมุทรนั้นๆ” ไปจนถึงขั้น “ขุนเขาสุเมรุไฟจะติดทั่ว ลุกโชติช่วง มีแสงเพลิงเป็นอันเดียวกัน เมื่อแผ่นดินใหญ่และขุนเขาสุเมรุไฟลุกเผาโชน ลมหอบเอาเปลวไฟฟุ้งไปจนถึงพรหมโลก ยอดเขาสูงถึง 200-300-400-500 โยชน์ ย่อมมีอันต้องพังทลาย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...

โดยถ้าว่ากันตาม จุดมุ่งหมาย ตามถ้อยคำของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้ว ดูเหมือนท่านจะพยายามเน้นหนักไปในเรื่อง ความไม่เที่ยง ของปวงประดา สังขาร ทั้งหลายนั่นแหละเป็นหลัก หรือเพราะ “สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง-ไม่ยั่งยืน-ไม่น่าชื่นชม เป็นตัวกำหนด การเบื่อหน่าย คลายกำหนัด การหลุดพ้นในสังขารทั้งปวง” จึงถือเป็นสิ่งอันควร เป็นสิ่งสำคัญ ในการต่อสู้และเอาชนะต่อการ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป ของทุกๆ สรรพสิ่งในสากลโลก รวมถึงในจักรวาลทั้งจักรวาล เพราะแม้แต่ผู้ที่ไปเกิดเป็น พรหม ยังหนีไม่พ้นต้องเวียนว่ายอยู่ภายในวงจร-วัฏจักรดังกล่าว ยังคงต้องแตก ต้องดับ ต้องสูญสลายหายไป นอกเสียจากผู้ที่ ไม่เกิด-ไม่ตาย หรือผู้ที่สามารถประสบพบ พระนิพพาน ล้วนๆ เท่านั้นเอง...

ด้วยเหตุนี้...การที่ดันต้อง เกิด มาเป็นมนุษย์มนา ภายใต้ความ ปกติ-ที่ไม่ปกติ ทั้งหลาย ย่อมหนีไม่พ้นที่ต้องเผชิญกับอุณหภูมิความร้อน ระดับพระอาทิตย์ 1 ดวงไปจนถึง 7 ดวงไปตามสภาพ มีแต่ต้องหันไปเบื่อหน่าย คลายกำหนัด หันไปแสวงหาหนทางในอันที่จะหลุดพ้นไปจากสังขารทั้งปวง หรือต้องหันมาลด-ละ-เลิก อัตตา แต่ละรูป แต่ละแบบ ให้น้อยลงไปที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ถึงอาจพอมีโอกาส เย็นๆ ขึ้นมาได้มั่ง ไม่งั้น...โอกาสร้อนฉิบหาย ร้อนตายโหง ทั้งสุก ทั้งไหม้เกรียม กันไปเป็นรายๆ อันเนื่องมาจากไม่ใช่แค่เฉพาะดวงอาทิตย์ดวงเดียวเท่านั้น แต่ยังแถมด้วยเหตุเพราะ อัตตา ของแต่ละคน แต่ละราย ไม่ว่าจะ นักการเมือง หรือแม้แต่ นักแฉ ก็แล้วแต่ ที่ยิ่งเพิ่มความร้อนให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก ย่อมถือเป็นตัวอย่าง เป็นข้อพิสูจน์ ให้เห็นถึง สัจธรรม ดังกล่าว อย่างเท่าที่เห็นๆ กันอยู่ในทุกวันนี้...นั่นแล!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร

ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง

'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้

ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง

ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2

ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

ช่างกล้า...ช่างมั่น รับประกันด้วยตำแหน่ง

ในขณะที่ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มีความเป็นห่วงเป็นใยว่าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในท้องทะเลใต้เกาะกูดตามที่มีการลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) 44

จาก...'ต้มยำกุ้ง' ถึง 'ต้มยำกบ'

ด้วยเหตุเพราะ ความคิดถึง อย่างสุดซึ้งถึงเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ อย่าง เพื่อนแป๊ะ (โดย แป๊ะ รายที่ว่านี้ออกไปทาง เทพบุตร หรือคนละคนกับ แป๊ะ ปิศาจ) ที่ห่างหายไม่ได้เจอะหน้า เจอะตา

ทิศทางใหม่ 'สีกากี'

การจัดทัพปรับทิศ "กรมปทุมวัน" ในยุค ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ กุมบังเหียน "แม่ทัพใหญ่สีกากี" น่าสนใจ น่าติดตาม